ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>

ศึกษาความหมายและความเป็นมาของวิชาปรัชญา

ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับพระเจ้า

นักปรัชญาต่าง ๆ พยายามสืบค้นหาความแท้จริงเกี่ยวกับพระเจ้า แล้วสรุปความคิดรวบยอดออกมาเป็น 4 ลักษณะด้วยกันคือ

1. เทวนิยม (Deism) มีความเชื่อว่าพระเจ้าเป็นมหาเทพที่สูงสุดเพียงพระองค์เดียวซึ่งอยู่ภายนอกโลก นั่นคือเชื่อว่า พระเจ้าเป็นเทพอยู่เหนือโลกโดยประการทั้งปวง พระองค์เป็นผู้สร้างโลก และสร้างโลกขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วมอบพลังต่าง ๆ ให้แก่โลก และให้พลังเหล่านั้นควบคุมโลกให้ดำเนินไป เมื่อโลกมีแนวโน้มจะเสื่อมลงพระเจ้าก็จะช่วยแก้ไขให้โลกดำเนินไปตามปกติ

ดังนั้น เทวนิยม จึงหมายถึง พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เพียงพระองค์เดียว ดำรงอยู่ในฐานะเป็นพระอติเทพหรือเทพผู้สูงสุด เช่น พระพรหมของฮินดู เป็นต้น ซึ่งเชื่อกันว่า พระอติเทพเหล่านี้ เป็นผู้สร้างโลก และสรรพสิ่งต่าง ๆ มาจากความว่างเปล่า แล้วมอบพลังต่าง ๆให้แก่โลก

มาร์ติโนอธิบายลักษณะของ Deism ไว้ดังนี้

  1. เกี่ยวกับการสร้างโลก พระเจ้าสร้างโลกขึ้น
    ในกาลครั้งหนึ่งก่อนแต่นั้น พระเจ้ามีอยู่อย่างนิรันดรโดยไม่มีโลก โลกจะแตกสลายไปตามกาลเวลา เช่นเดียวกับสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น และจะดับสลายไปในที่สุด แม้ว่าโลกจะแตกสลายไป พระเจ้าก็ยังคงอยู่อย่างนิรันดร
  2. เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างเหตุปฐมภูมิและเหตุทุติยภูมิ
    พระเจ้าเป็นเหตุปฐมภูมิของโลก คือเป็นผู้สร้างโลกขึ้นแล้วมอบพลังต่าง ๆ ให้แก่โลก พลังเหล่านั้นเป็นเหตุทุติยภูมิ ซึ่งเป็นส่วนควบคุมโลกให้ดำเนินไป
  3. การเข้ามาช่วยเหลือโลกเป็นครั้งคราว
    หลังจากที่พระเจ้าสร้างโลกแล้ว พระองค์ปล่อยให้โลกดำเนินไปเอง แต่เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ร้ายแรง พระองค์จะเข้ามาช่วยเหลือโลกให้พ้นจากความเสื่อมโดยใช้พลังธรรมชาติสร้างปาฏิหาริย์เพื่อช่วยโลก
  4. พระเจ้าอยู่เหนือโลกโดยสมบูรณ์
    พระเจ้าสร้างโลกตามเจตจำนงของพระองค์ แล้วปล่อยให้โลกเป็นไปเอง และเข้ามาช่วยเหลือโลกเป็นครั้งคราวเมื่อเกิดวิกฤตการณ์อันร้ายแรง แต่พระองค์อยู่เหนือโลกโดยสมบูรณ์ ไม่ได้ติดอยู่ในโลก

2. สกลเทพนิยม (Pantheism) มีความเชื่อว่า พระเจ้าเป็นเทพที่อยู่ในโลกนี้ และเป็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโลก นั่นคือ พระเจ้าคือสรรพสิ่ง และสรรพสิ่งก็คือพระเจ้า (All is God) คำว่า “Pantheism” มาจากคำว่า “Pan” (ทั้งหมด, ทั้งปวง) และ “theism” (เทวนิยม)

ในความเชื่อนี้ สปิโนซ่า (Spinoza) นักปรัชญาตะวันตกสมัยใหม่ ได้เป็นผู้มีความเชื่ออย่างแนบแน่นโดยกล่าวว่า “พระเจ้าเป็นเนื้อสารที่แท้จริงเพียงสิ่งเดียว (God is One Substance) สสารและจิตเป็นเพียงคุณลักษณะ 2 ประการของพระเจ้า” ซึ่งหมายถึงว่า พระเจ้าตามความเชื่อนี้ไม่ใช่เทพเจ้าผู้สูงสุด หรือบุคคลผู้มีรูปร่าง แต่เป็นกฎธรรมชาติหรือกฎแห่งเหตุผล หรือกฎแห่งความเปลี่ยนแปลง

นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่า พระเจ้าแบ่งออกเป็น 2 ภาคคือ เป็นสสาร และเป็นจิต ทั้งสสารและจิตขึ้นอยู่กับกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงอันเดียวกัน และเป็นการแสดงออกให้มองเห็นกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน สสารและจิตจึงถือว่าเป็นคุณลักษณะของกฎแห่งความเปลี่ยนแปลง ในเมื่อสสารและจิตเปลี่ยนแปลง มีอะไรเป็นสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงนั้นมีสิ่งเดียว คือกฎแห่งความเปลี่ยนแปลง

ด้วยเหตุนี้ สปิโนซ่าจึงกล่าวว่า “พระเจ้าหรือกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้เป็นเนื้อสารหรือสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงเพียงสิ่งเดียว” สสารและจิตต้องเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น เพราะเหตุที่สสารและจิตต้องเปลี่ยนแปลงนั่นเอง Pantheism จึงถือว่า พระเจ้าหรือกฎแห่งความเปลี่ยนแปลงอยู่ในโลกและอยู่ในจิตมนุษย์โดยประการทั้งปวง

3. สรรพเทวนิยม (Theism) มีความเชื่อว่า พระเจ้าเป็นเทพทั้งที่อยู่เหนือโลกและอยู่ในโลก แต่อยู่เหนือวิญญาณมนุษย์โดยประการทั้งปวง

  1. ที่เชื่อว่า พระเจ้าเป็นเทพทั้งที่อยู่เหนือโลกและอยู่ในโลก หมายความว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก แต่อยู่พ้นโลกขึ้นไปในฐานะเป็นอำนาจอันไม่จำกัด ซึ่งขยายพ้นขอบเขตของโลกที่จำกัดขึ้นไป แต่ในขณะเดียวกันพระเจ้าก็คุ้มครองโลกไว้ด้วยเจตจำนงของตนคือต้องใช้อำนาจของตนในโลกนี้
  2. ที่เชื่อว่า พระเจ้าอยู่เหนือวิญญาณมนุษย์ หมายความว่า พระเจ้าสร้างวิญญาณมนุษย์ และมอบเจตจำนงเสรีให้ แล้วปล่อยให้ดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยตนเอง หลังจากมอบเจตจำนงเสรีให้แล้ว พระเจ้าไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับวิญญาณมนุษย์อีก มนุษย์อาจใช้เจตจำนงเสรีทำความดีหรือความชั่วก็ได้ ถ้าพระเจ้าอยู่ในวิญญาณมนุษย์ ก็จะต้องรับผิดชอบต่อความชั่วที่มนุษย์สร้างขึ้น

ดังนั้น สรรพเทวนิยม เชื่อว่า “พระเจ้าคือสภาวะที่อยู่เหนือโลก และในโลก แต่เหนือวิญญาณมนุษย์”

4. สากลเทพนิยม (Panentheism) มีความเชื่อว่า พระเจ้าเป็นเทพทั้งอยู่เหนือโลกและอยู่ในโลก ทั้งอยู่เหนือวิญญาณมนุษย์และอยู่ในวิญญาณมนุษย์โลก กล่าวคือ

  1. ที่เชื่อว่า พระเจ้าอยู่เหนือโลก หมายความว่า พระเจ้าเป็นวิญญาณที่ไม่จำกัด
  2. ที่เชื่อว่า พระเจ้าอยู่ในโลก หมายความว่า พระเจ้าแสดงอำนาจในโลกนี้
  3. ที่เชื่อว่า พระเจ้าอยู่เหนือวิญญาณมนุษย์ หมายความว่า พระเจ้าปล่อยให้วิญญาณมนุษย์ดำเนินไปสู่จุดหมายปลายทางด้วยตัวเอง
  4. ที่เชื่อว่า พระเจ้าอยู่ในวิญญาณมนุษย์ หมายความว่า พระเจ้าอยู่ในฐานะเป็นผู้นำทางวิญญาณมนุษย์

ความหมายของปรัชญา
การนิยามความหมายของนักปรัชญา
ระบบปรัชญา
สาขาปรัชญา
อภิปรัชญาคืออะไร
ความหมายของอภิปรัชญา
ความเป็นมาของอภิปรัชญา
ความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่นๆ
บ่อเกิดแนวความคิดทางอภิปรัชญา
หน้าที่ของอภิปรัชญา
ลักษณะและขอบเขตของอภิปรัชญา
ทฤษฎีทางอภิปรัชญา
ทฤษฎีสสารนิยม
ทฤษฎีจิตนิยม
ทฤษฎีเอกนิยม
ทฤษฎีทวินิยม
ทฤษฎีพหุนิยม
อภิปรัชญาว่าด้วยเอกภพ หรือธรรมชาติ
ทัศนะฝ่ายจิตนิยม
วิวัฒนาการของจิตนิยม
ทฤษฎีเอกนิยมฝ่ายจิตนิยม
ทฤษฎีพหุนิยมฝ่ายจิตนิยม
จิตนิยมทัศนะอภิปรัชญาตะวันตก
จิตนิยมทัศนะอภิปรัชญาตะวันออก
จิตนิยมในปรัชญาอินเดีย
ทัศนะฝ่ายสสารนิยม
ทฤษฎีพหุนิยมฝ่ายสสาร
สสารนิยมทัศนะอภิปรัชญาตะวันตก
สสารนิยมทัศนะอภิปรัชญาตะวันออก
ทัศนะฝ่ายธรรมชาตินิยม
ลักษณะและธรรมชาติของชีวิต
อภิปรัชญาว่าด้วยจิต หรือวิญญาณ
ความหมายของจิต มโน หรือวิญญาณ
การนิยามความหมายของฝ่ายตะวันตก
การนิยามความหมายของฝ่ายตะวันออก
ธรรมชาติของจิต มโน หรือวิญญาณ
วิญญาณเป็นพลังงาน
เจตจำนงเสรี (Free Will)
ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต
อมฤตภาพของวิญญาณ
ลัทธิเพลโต้ในทางอภิปรัชญา
ทัศนะของอริสโตเติ้ล (Aristotle)
ทัศนะของเบริ์คเล่ย์ (Berkeley)
อภิปรัชญาว่าด้วยพระเจ้า หรือสิ่งสัมบูรณ์
พระเจ้าคืออะไร
ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับพระเจ้า
เทววิทยา
พิสูจน์ความมีอยู่ของพระเจ้า
เหตุผลทางจักรวาลวิทยา
เหตุผลทางเจตจำนง หรือวัตถุประสงค์
เหตุผลทางภววิทยา
เหตุผลทางจริยธรรม
นักปรัชญาฝ่ายอเทวนิยม (Atheism)
ทฤษฎีการสร้างโลก
จักรวาลวิทยา
ทัศนะของนักปรัชญาเกี่ยวกับพระเจ้า
บรรณานุกรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย