สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
แนวคิดสังคมนิยมแบบมาร์ก
ลัทธิเศรษฐกิจการเมืองของมาร์กมีปรัชญาพื้นฐานวัตถุนิยมไดอาเลคติคของฮาเกล และการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์แบบวัตถุนิยมซึ่งแยกออกเป็น 3 ส่วน คือพลังการผลิต ความสัมพันธ์ในการผลิต และโครงสร้างส่วนบน มาร์กมีแนวคิดสังคมนิยมในลักษณะที่ว่า การต่อสู้ระหว่างชนชั้นจะนำไปสู่ระบบเผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพ และในระยะยาวจะเป็นสังคมที่ปราศจากชนชั้น
มาร์กเกิดเมื่อ ค.ศ. 1818 ที่ประเทศเยอรมนี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเยนา สมรสกับเจนนี ฟอน เวสฟาเลน ผลงานของมาร์กมีมากมาย ที่สำคัญคือคำประกาศของคอมมิวนิสต์ (Communist manifesto) และ ทุน (Das Kapital) มาร์กถึงแก่กรรมที่ประเทศอังกฤษเมื่อ ค.ศ. 1883
ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกินของมาร์ก มีพื้นฐานแนวความคิดมาจากการที่มาร์กเห็นนายจ้างจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าความสามารถที่แรงงานผลิตได้ ดังนั้น จึงก่อให้เกิดส่วนเกิน ในทรรศนะของมาร์ก นายทุนควรจ่ายให้แรงงานทั้งค่าจ้าง (V) และส่วนเกิน (S) แต่นายจ้างจ่ายเพียงค่าจ้าง (V) ส่วนเกิน (S) จึงเป็นของนายทุน
ทฤษฎีการว่าจ้างทำงานของมาร์กมีสาระสำคัญคือ มาร์กเห็นว่าอุปทานของแรงงานค่อนข้างคงที่ ขณะที่ อุปสงค์ของแรงงานขึ้นอยู่กับทุนหมุนเวียนคือค่าจ้าง (V) แต่ค่าจ้าง (V) จะเพิ่มขึ้นในอัตราลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว อุปสงค์ของแรงงานจึงเพิ่มขึ้นในอัตราลดลงเรื่อย ๆ และอย่างรวดเร็ว การว่างงานจึงเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ถ้าแรงงานกองหนุนมีน้อยหรือไม่มีเลยอัตราค่าจ้างจะเพิ่มขึ้นในระยะแรก และถ้าแรงงานกองหนุนเพิ่มขึ้น อัตราค่าจ้างจะลดลงสู่ระดับพอยังชีพ
การเกิดวัฎจักรธุรกิจในทรรศนะของมาร์กเกิดขึ้นเนื่องจากการลงทุนไม่สมดุลกับการออม อุปสงค์รวมจึงไม่เท่ากับอุปทานรวม ประกอบกับความยากจนของแรงงานจึงทำให้บริโภคน้อยวัฎจักรธุรกิจจึงเกิดขึ้น
การผลิตมีการเปลี่ยนไปสู่การผลิตขนาดใหญ่ นายทุนขนาดเล็กย่อมสู้ไม่ได้ จำนวนนายทุนก็ลดลง การผูกขาดมีมากขึ้น นายทุนขนาดใหญ่มีฐานะร่ำรวยขึ้น ซึ่งแตกต่างจากแรงงานมากขึ้น แรงงานก็จะถูกกดดันให้เกิดการปฏิวัติสู่สังคมนิยม
แนวคิดของมาร์กมีคุณูปการต่อนักคิดและทฤษฎีเศรษฐศาสตร์อย่างมากมาย แต่เนื่องจากมาร์กใช้วิธีวิเคราะห์โดยประวัติศาสตร์ ดังนั้นคำพยากรณ์บางเรื่องจึงไม่ได้เกิดขึ้นตามคำทำนายของมาร์ก
หลักและแนวคิดสังคมนิยมแบบมาร์ก
มาร์กมีหลักและแนวคิดสังคมนิยม
มาร์กวิเคราะห์โดยวิเคราะห์ประวัติศาสตร์แบบวัตถุนิยม ซึ่งแยกออกเป็น 3 ส่วน คือ
พลังการผลิต ความสัมพันธ์ในการผลิต และโครงสร้างส่วนบน
เมื่อความสัมพันธ์ในการผลิตเปลี่ยนแปลงไป
พลังการผลิตและโครงสร้างส่วนบนก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
มาร์กคิดว่าชนชั้นกรรมาชีพจะเกิดการขัดแย้งกับนายทุนและต่อสู้กันจึงจะทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมนิยม
และในระยะยาวจะเป็นสังคมที่ปราศจากชนชั้น
ประวัติและผลงานของมาร์ก
ความเห็นของมาร์กในเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจจากทุนนิยมเป็นสังคมนิยม
การต่อสู้ระหว่างชนชั้น คือ นายทุนกับแรงงานเข้มข้นเข้าทุกที นายทุนอ่อนแอลง
แรงงานมีมากขึ้น เข้มแข็งขึ้น
แรงงานจึงปฏิวัติเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจเป็นสังคมนิยม
ทฤษฎีมูลค่าส่วนเกินและการเอารัดเอาเปรียบ
ในแนวความคิดมาร์กเห็นว่ามูลค่าส่วนเกินเกิดขึ้น เพราะนายจ้างจ่ายค่าจ้างน้อยเกินไป
นายทุนควรจ่ายให้แรงงานทั้ง V และ S แต่จ่ายเพียง V ดังนั้น S จึงเป็นของนายทุน
- C = ต้นทุนคงที่ คือวัตถุดิบและเครื่องจักรเครื่องมือที่ใช้ในการผลิต
- V = ต้นทุนหมุนเวียนหรือทุนหมุนเวียน ซึ่งเป็นเงินสำรองสำหรับจ่ายค่าจ้าง
- S = ส่วนเกินในการผลิต ได้กำไร ดอกเบี้ย และค่าเช่าที่ดินเป็นส่วนต่าง ๆ ที่ได้รับจากการจัดสรรไปยังนายทุนนั่นเอง
- C/V =องค์ประกอบอินทรีย์ของทุน S/V = อัตราการขูดรีด S/(C+V) = อัตรากำไร
ทฤษฎีการว่าจ้างทำงาน
การสะสมทุนของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงเรื่อย ๆ
ก็เพราะว่าอัตราการเอารัดเอาเปรียบเพิ่ม อัตราส่วนระหว่างทุนสองชนิดเพิ่ม
อัตรากำไรลดลง การสะสมทุนจึงเพิ่มในอัตราที่ลดลงด้วย
วัฎจักรธุรกิจ
มาร์กแบ่งการระบบเศรษฐกิจออกเป็น 3 ภาค คือ ภาคการผลิตสินค้าทุน
ภาคการผลิตสินค้าบริโภคสำหรับแรงงาน และภาคการผลิตสินค้าบริโภคสำหรับทุน
ในแนวความคิดของมาร์ก วัฏจักรธุรกิจเกิดขึ้นเนื่องจากการลงทุนกับการออมไม่สมดุลกัน
จึงทำให้อุปสงค์รวมไม่เท่ากับอุปทานรวม นอกจากนี้
ความยากจนของแรงงานยังทำให้เกิดการบริโภคน้อย
ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดวัฏจักรธุรกิจได้
การผูกขาดในระบบเศรษฐกิจทุนนิยมกับการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบสังคมนิยม
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบทุนนิยม เมื่อระบบเศรษบกิจมีการผลิตขนาดใหญ่
นายทุนขนาดย่อมก็จะปิดกิจการ จำนวนนายทุนจึงน้อยลง การผูกขาดจึงมีมากขึ้น
ฐานะนายทุนร่ำรวยขึ้น แรงงานเจ็บช้ำในจิตรใจมากขึ้น จึงทำให้มาร์กเชื่อว่า
จะปฏิวัติไปสู่สังคมนิยม
วิจารย์แนวคิดของมาร์ก
แนวคิดของมาร์กเกี่ยวกับทฤษฎีมูลค่าส่วนเกินและการเอารัดเอาเปรียบ
ตามทฤษฎีมูลค่าส่วนเกินและการเอารัดเอาเปรียบ มาร์กเห็นว่า ส่วนเกิน (S) เกิดขึ้น
เพราะมีการจ่ายค่าจ้างน้อยไป ทั้ง V และ S ควรเป็นของแรงงาน แต่นายจ้างจ่ายเพียงค่า
V การที่นายทุนหักส่วนเกิน (S) ไว้ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการต่อสู้ระหว่างชนชั้น
มาร์กพยากรณ์ว่า ปัญหาการว่างงานจะมากขึ้น
ช่องว่างระหว่างนายทุนและแรงงานจะมากขึ้นทุกที
การผูกขาดของนายทุนจะมีแนวโน้มสูงขึ้น
คำพยากรณ์ของมาร์กดังกล่าวเมื่อเทียบกับแนวโน้มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในโลกนี้
มิได้เป็นไปตามคำพยากรณ์ของ มาร์ก กล่าวคือ ประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้า
แรงงานมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การว่างงานก็มิได้มากขึ้น
ช่องว่างระหว่างนายทุนกับแรงงานก็มิได้มากขึ้น
การผูกขาดของนายทุนแม้มีจริงแต่เป็นการผูกขาดโดยบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่มีผู้ถือหุ้นมาก
ประเทศที่มีการปฏิวัติสังคมนิยมกลับกลายเป็นประเทศทุนนิยมที่ล้าหลัง
มิใช่ประเทศทุนนิยมที่ก้าวหน้าสุกงอม
» การศึกษาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ
» การศึกษาประวัติลัทธิเศรษฐกิจ
» การเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจสมัยกลาง
» ชนชั้นกระฎุมพีกับสังคมศักดินา
» สภาพเศรษฐกิจและสังคมระหว่างสงครามโลก
» สภาพเศรษฐกิจและสังคมในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
» สภาพเศรษฐกิจและสังคมในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
» วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาหลังทศวรรษ 1960
» วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกหลังทศวรรษ 1970
» ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้ว
» การเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจสู่สมัยใหม่ในเอเชีย
» สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมในช่วงก่อนกำเนิดแนวคิดพาณิชนิยม
» แนวคิดพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์เสรีนิยม
» แนวคิดคลาสสิกของโรเบิร์ท มัลธัส
» แนวคิดของ จอห์น เมนาร์ด เคนส์