ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจ

(Empowerment Theories)

ประเด็นร่วมสมัย

เราจะเห็นว่าในสังคมปัจจุบัน แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาก็ยังประสบกับปัญหาความไม่เสมอภาคเท่าเทียม การเลือกปฏิบัติและการกดขี่เอารัดเอาเปรียบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมที่ผู้มีอำนาจไม่ยอมรับความหลากหลายและให้คุณค่ากับคนที่มีความแตกต่างจากตนไปในทางลบมากเท่าใด คนที่มีพลังอำนาจน้อยก็จะกลายเป็นคนชายขอบ ผู้แพ้เปรียบ และผู้ด้อยโอกาสในสังคมนั้น

ในสหรัฐอเมริกาภายใต้การบริหารของนายโรนัลด์ เรแกนซึ่งเน้นระบบเศรษฐกิจที่เน้นอุปทาน (Supply side economics) ทำให้เกิดการตัดงบประมาณด้านสวัสดิการสังคมอย่างมโหฬาร ยุคนั้นทุกคนจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า คนจนยิ่งยากจนลงและคนร่ำรวยยิ่งเพิ่มพูนความร่ำรวยของตน

ระบบเศรษฐกิจแบบเน้นอุปทานจะช่วยขยายโอกาสให้คนร่ำรวยสั่งสมความมั่งคั่งได้ง่ายขึ้นและหวังว่าคนยากจนจะต้องขยันทำงานเพื่อจะได้เลื่อนฐานะความเป็นอยู่ด้วยความสามารถทางเศรษฐกิจของตนเอง ทั้งนี้ นโยบายการบริหารประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจของนายเรแกนมองข้ามความเป็นจริงที่ว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของสหรัฐอเมริกาไม่มีความเท่าเทียม มีการกดขี่และการเลือกปฏิบัติ ดังนั้น จึงมีความต้องการจำเป็นของสภาพการณ์ในปัจจุบันที่จะต้องมีการกระทำทางสังคมพื้นฐานที่เป็นการสร้างพลังอำนาจ

อย่างไรก็ตาม ในสังคมอเมริกันมีการใช้คำว่าการสร้างพลังอำนาจมั่วและสับสนไปหมด มีตั้งแต่การโฆษณาบริการของธนาคารพาณิชย์ในโทรทัศน์จนถึงนักกิจกรรมชุมชน นักสังคมสงเคราะห์ก็อาจใช้คำว่าการสร้างพลังอำนาจอย่างขาดความถูกต้องทางการเมือง เมื่อนำการสร้างพลังอำนาจไปในเวทีการกระทำทางสังคมหรือกระบวนการยุติธรรมระดับมหภาค เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่นักสังคมสงเคราะห์จะต้องไม่ใช้คำว่า “การสร้างพลังอำนาจ” ไปสนับสนุนนโยบายของพวกอนุรักษ์นิยมทางสังคม เพราะจะกลายเป็นการช่วยพวกนี้ให้สามารถดำรงฐานอำนาจเดิมของพวกตนเท่านั้น การนำการสร้างพลังอำนาจไปหนุนช่วยพวกอนุรักษ์นิยมจะทำให้เกิดภาพลวงตาว่า คนยากจนผู้ถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบจะได้รับประโยชน์ ซึ่งความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่

ปัญหาร่วมสมัยที่ยุ่งยากที่สุดในการดำเนินงานด้านสร้างพลังอำนาจ ได้แก่ การตั้งคำถามว่าการสร้างพลังอำนาจให้กับชาวเกย์และเลสเบี้ยนโดยการส่งเสริมให้พวกเขาและเธอผสมกลมกลืนเข้ากับโครงสร้างของคนรักต่างเพศ โดยละเลยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมการเมือง จะเป็นวิธีการที่ถูกหลักการของการสร้างพลังอำนาจหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มวัฒนธรรมอื่นๆ ต่างตระหนักว่าจากประสบการณ์การทุ่มเทความพยายามสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมนั้น การได้รับส่วนแบ่งจากระบบทรัพยากรที่ไม่เท่าเทียมทั้งหมด ไม่สามารถนำไปสู่การได้มาซึ่งพลังอำนาจที่แท้จริงได้ อย่างดีที่สุด เท่าที่ชาวเกย์และเลสเบี้ยนจะได้รับจากการผสมกลมกลืนก็คือการได้รับประโยชน์ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคในระบบทุนนิยมเท่านั้น ไม่ใช่พลังอำนาจที่แท้จริง ส่วนชาวเกย์และเลสเบี้ยนที่ไม่มีอำนาจซื้อ – มีฐานะยากจน ก็จะถูกกีดกันออกไป ไม่อาจจะได้รับการตอบสนอง แม้ความต้องการจำเป็นขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพในระบบเช่นนั้น เป็นการยากที่จะตัดสินว่า การปลดปล่อยชาวเกย์และเลสเบี้ยนที่เกิดขึ้นเป็นการปลดปล่อยอย่างแท้จริง หรือเป็นเพียงแค่การดำรงฐานอำนาจเดิม และหยิบยื่นขยายส่วนแบ่งบางประการให้กับชาวเกย์และเลสเบี้ยนอย่างฉาบฉวยและผิวเผิน

การประยุกต์ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจในการปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์

การสังคมสงเคราะห์นั้นเป็นวิชาชีพที่ต้องทำงานโดยตรงกับการช่วยเหลือให้ประชาชนเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่สกัดกั้นไม่ให้เขาหรือเธอได้รับการพัฒนาให้เจริญงอกงามในทุกๆ ด้าน อันที่จริง การสร้างพลังอำนาจน่าจะเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานสังคมสงเคราะห์ ทว่า ในความเป็นจริง นักสังคมสงเคราะห์ยังให้ความสนใจต่อทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจไม่มากเท่าที่ควร

ประวัติความเป็นมา
หลักสำคัญของแนวคิด
การจำแนกแยกชั้นชน
การกดขี่เอารัดเอาเปรียบ
ทฤษฎีสตรีนิยม
ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจในเกย์และเลสเบี้ยน
ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจของวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
ประเด็นร่วมสมัย
การให้นิยามความหมายของการให้ความช่วยเหลือ
ประเด็นวิจารณ์
พลังทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
ความสอดคล้องกับปัจเจก กลุ่ม ครอบครัว องค์กร สถาบันและชุมชน
ความสอดคล้องกับค่านิยมและจรรยาบรรณของการสังคมสงเคราะห์
ปรัชญาที่ใช้ค้ำยันทฤษฎี
ประเด็นวิธีวิทยาและข้อมูลประจักษ์
บทสรุป

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย