ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจ

(Empowerment Theories)

พลังทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ

จุดแข็งที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจ ได้แก่ การให้ความสนใจกับพลังทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจและการเมืองที่นำไปสู่การผลิตความไม่เสมอภาคเท่าเทียมและการกดขี่ เช่นเดียวกับการผลิตโอกาสในการปลดปล่อย ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจเหล่านี้ไม่เพียงแต่อธิบายพลวัตของอำนาจและการกดขี่ ทว่ายังชี้ทางออกของการกระทำเพื่อปลดปล่อยและการกระทำเพื่อสร้างพลังอำนาจอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มีผู้วิจารณ์ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจเหล่านี้ในแนวทางที่เน้นการทำความเข้าใจเป็นพิเศษกับการกดขี่และการปลดปล่อย การที่ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจเสนอแนะโดยนัยยะว่า คนที่จะเข้าใจทฤษฎีนี้ได้จะต้องเป็นผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์ผ่านการกดขี่มาแล้วโดยตรงเท่านั้น ดังนั้น ถ้าคำกล่าวเช่นนี้ถูกต้อง การเข้าใจในเนื้อหาทฤษฎีก็ดี การเห็นอกเห็นใจอย่างลึกซึ้ง (Empathy) ก็ดี หรือการสร้างสัมพันธภาพอย่างอบอุ่น (Rapport) จะต้องเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจได้อย่างยากเย็นที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจยังมีความแตกแยกขัดแย้งกันมากมายมหาศาล ถึงแม้ว่า ทฤษฎีเหล่านี้จะรวมศูนย์ไปที่พลังทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจเหมือนกัน ทว่า ยังมีข้อถกเถียงที่ยากจะเข้าใจและหยุมหยิบยุบยิบไปหมด โดยมักจะชี้วัดกันด้วยพันธะที่มีต่อความยุติธรรมทางสังคม บางทีอาจจะต้องมีการพัฒนาทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจที่มีมุมมองแบบองค์รวมทั้งครบและเบ็ดเสร็จ ที่สามารถนำไปใช้ได้กับผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ถูกกดขี่ทุกๆ กลุ่ม จึงจะทำให้ปัญหาความแตกแยกหยุมหยิมยุบยิบหมดไป

ประวัติความเป็นมา
หลักสำคัญของแนวคิด
การจำแนกแยกชั้นชน
การกดขี่เอารัดเอาเปรียบ
ทฤษฎีสตรีนิยม
ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจในเกย์และเลสเบี้ยน
ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจของวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
ประเด็นร่วมสมัย
การให้นิยามความหมายของการให้ความช่วยเหลือ
ประเด็นวิจารณ์
พลังทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
ความสอดคล้องกับปัจเจก กลุ่ม ครอบครัว องค์กร สถาบันและชุมชน
ความสอดคล้องกับค่านิยมและจรรยาบรรณของการสังคมสงเคราะห์
ปรัชญาที่ใช้ค้ำยันทฤษฎี
ประเด็นวิธีวิทยาและข้อมูลประจักษ์
บทสรุป

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย