ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>

ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจ

(Empowerment Theories)

ประเด็นวิธีวิทยาและข้อมูลประจักษ์

ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจตั้งข้อสงสัยกับกระบวนทรรศน์ในการแสวงหาความรู้ที่เน้นปฏิฐานนิยม เนื่องเพราะ กระบวนทรรศน์ดังกล่าวสะท้อนอคติลำเอียงทั้งจากแนวคิดชายเป็นศูนย์กลาง (Androcentric) และชาวยุโรปเป็นศูนย์กลาง (Eurocentric) การวิจัยสังคมสงเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ถูกครอบงำด้วยวิธีคิดทั้งสองและกระบวนทรรศน์ปฏิฐานนิยมเป็นอันมาก นักสตรีนิยมวิพากษ์ว่าวิธีวิทยาการวิจัยที่เน้นกระบวนทรรศน์ปฏิฐานนิยมและเน้นวิธีการเชิงปริมาณเป็นวิธีวิทยาการวิจัยที่มีศูนย์รวมที่ความเป็นชายและวิธีคิดชายเป็นใหญ่ ในทางตรงกันข้าม การวิจัยที่มีจุดยืนในการสร้างพลังอำนาจจะมีศูนย์รวมความสนใจอยู่ที่ประเด็นต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อผู้ถูกกดขี่

วิธีการวิจัยเพื่อสร้างพลังอำนาจ ไม่ว่าจะใช้ปรัชญาชุดใด ใช้วิธีการเชิงประวัติศาสตร์ ใช้วิธีการเชิงคุณภาพ หรือใช้วิธีการเชิงปริมาณก็แล้วแต่ สิ่งที่สำคัญคือควรจะให้ผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยได้ร่วมในกระบวนการวิจัยตั้งแต่ขั้นการออกแบบงานวิจัย การวิเคราะห์ การประเมินผล และการกระทำทางสังคม (Robbins, Chatterjee & Canda, 1998, p.116) การวิจัยที่จุดยืนเพื่อการสร้างพลังอำนาจมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจประสบการณ์ของประชาชนที่ถูกกดขี่ อย่างที่ประชาชนเหล่านั้นเข้าใจด้วยศัพท์แสงของพวกเขาและเธอเอง และเพื่อเป้าหมายของพวกเขาและเธอเองเป็นสำคัญการวิจัยในลักษณะดังกล่าวมักจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับปรัชญา ประวัติศาสตร์ ปรากฎการณ์วิทยา การเมือง เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยกระบวนทรรศน์การแสวงหาความรู้ตามธรรมชาติ (Naturalistc) เทคนิคการวิจัยที่กล่าวมาเป็นสิ่งสำคัญจำเป็นของการวิจัยเพื่อการสร้างพลังอำนาจ ทว่าผู้ที่นิยมและติดยึดความเชื่อในกระบวนทรรศน์ปฏิฐานนิยมมักจะโจมตีว่าการวิจัยดังกล่าว “ไม่เป็นวิทยาศาสตร์”

ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจมีประโยชน์อย่างมากในการอธิบายและพรรณนาให้เห็นพลวัตของอำนาจ โดยเฉพาะในสถานการณ์ของการกดขี่และการปลดปล่อย เราจะเห็นว่าการอธิบายหรือพรรณนาเนื้อหาดังกล่าวมีความเป็นนามธรรมสูง ทั้งยังมีความสลับซับซ้อนอย่างมาก จนยากที่จะทำให้เนื้อหาเหล่านั้นอยู่ในรูปและขนาดเชิงปฏิบัติการ (Operationalization) ตลอดจนยากที่จะทดสอบในรูปของสถิติวิเคราะห์

ตัวอย่างเช่น อำนาจทางการเมือง หรือวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง – ดำรงอยู่จริง ทว่าไม่อาจลดรูปให้ลงมาเป็นขนาดเชิงปฏิบัติการได้ ยิ่งไปกว่านั้นคำว่า “การสร้างพลังอำนาจ” ก็ไม่ใช่ศัพท์แสงที่มีนิยามความหมายชัดเจนเพียงนิยามเดียว ทว่ามีการให้ความหมายของการสร้างพลังอำนาจอย่างแตกต่างกันและบางนิยามของนักวิชาการบางท่านก็ไม่สอดคล้องกับท่านอื่นๆ อย่างมาก เมื่อนิยามความหมายขาดความแน่นอนสม่ำเสมอ การวิจัยที่เน้นการเปรียบเทียบตัวแปรที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการได้ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับชุดแนวคิดย่อยๆ อาทิ ความเข้าใจในสมรรถภาพของตน (Self-efficacy) อาจจะนำมาใช้ศึกษาเชิงปริมาณได้ในบางระดับ ดังที่มีผู้ศึกษาในเชิงประจักษ์เรื่อง “ความเข้าใจในสมรรถภาพแห่งตน” ในการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ทางสังคม (Robbins, Chatterjee & Canda, 1998, p.116)

ในการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการและองค์การได้มีผู้ศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมหรือขัดขวางกระบวนการสร้างพลังอำนาจในองค์การ คอนเกอร์และคานันโก (Conger & Kanungo, 1988) พบว่ามีปัจจัยบางประการในการจัดการและในองค์การที่ขัดขวางการใช้พลังอำนาจ อาทิ การที่พนักงานถูกขัดจังหวะในช่วงเวลาที่เริ่มกระบวนการทำงาน การเกิดภาวะไร้ระเบียบในองค์การ บรรยากาศที่แข็งกระด้างของระบบราชการที่มีระบบการติดต่อสื่อสารที่ล้มเหลว การดึงทรัพยากรที่กระจุกไว้ส่วนกลางอย่างมาก การนิเทศงานด้วยแบบฉบับของการใช้อำนาจเป็นใหญ่หรือได้แต่ตำหนิติเตียนพนักงานการขาดการให้เหตุผลของการดำเนินงานที่เหมาะสมเพียงพอ ระบบการให้รางวัลที่เน้นการเลือกที่รักมักที่ชัง ระบบคุณค่ามีน้อย การละเลยความสามารถและนวัตกรรมของพนักงาน การออกแบบ การทำงานที่ขาดความชัดเจน ขาดการฝึกอบรม ขาดการสนับสนุนทางเทคนิค ขาดวัตถุประสงค์ที่เป็นจริง ขาดการมีส่วนร่วม โครงสร้างกฎเกณฑ์เข้มงวดและแข็งนิ่ง-ตายตัว ตลอดจนมีข้อจำกัดในการติดต่อกับผู้บริหารอาวุโส

อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจประการหนึ่ง คือพลังของการสำรวจค้น (Heuristic power) ซึ่งทำให้สามารถเปิดเผยกระบวนการทางการเมืองที่หยั่งรากลึกลงไปในสถาบันสังคมทุกแห่ง และนำไปสู่แนวทางใหม่ๆ ในการทำความเข้าใจกับอุปสรรคข้อจำกัดต่างๆ ตลอดจนการเอาชนะข้อจำกัดเหล่านั้นด้วยการปลุกจิตสำนึกการกระทำรวมหมู่และการกระทำของปัจเจก

ในยุคที่การสังคมสงเคราะห์กำลังเน้นถึงการเพิ่มพูนผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจมักจะถูกวิจารณ์ว่าไปเน้น “กระบวนการ” มากกว่าเน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น การให้คุณค่ากับผลลัพธ์ของการดำเนินงานนั้นค่อนข้างจะขัดกระบวนการสร้างพลังอำนาจ ตัวอย่าง เช่น ในงานเขียนของโซโลมอน ได้ยกคำกล่าวเชิงเสียดสีของเลอร์เนอร์ (Lerner) ว่า
“หากการชี้วัดคุณค่าของโครงการบำบัดด้วยงานเป็นเพียงการนับจำนวนคนที่เข้าร่วมในงานนั้นละก็ การเป็นทาสก็คงเป็นการบำบัดด้วยงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของคนอเมริกันผิวดำ นั่นเอง”

ประวัติความเป็นมา
หลักสำคัญของแนวคิด
การจำแนกแยกชั้นชน
การกดขี่เอารัดเอาเปรียบ
ทฤษฎีสตรีนิยม
ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจในเกย์และเลสเบี้ยน
ทฤษฎีการสร้างพลังอำนาจของวิชาชีพสังคมสงเคราะห์
ประเด็นร่วมสมัย
การให้นิยามความหมายของการให้ความช่วยเหลือ
ประเด็นวิจารณ์
พลังทางสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ
ความสอดคล้องกับปัจเจก กลุ่ม ครอบครัว องค์กร สถาบันและชุมชน
ความสอดคล้องกับค่านิยมและจรรยาบรรณของการสังคมสงเคราะห์
ปรัชญาที่ใช้ค้ำยันทฤษฎี
ประเด็นวิธีวิทยาและข้อมูลประจักษ์
บทสรุป

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย

🍁 การแพทย์แผนโบราณ
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้ค้นพบบันทึกว่า มีระบบการจัดหายาที่ชัดเจนสำหรับราษฏร มีแหล่งจำหน่ายยาและสมุนไพรหลายแห่งทั้งในและ นอกกำแพงเมือง

🍁 หลักธรรมในการอยู่ร่วมกันในสังคม
พระพุทธศาสนาได้สอนไว้ว่านักปกครองที่ดีนั้นควรมีคุณธรรม 10 ประการ เรียกว่า ทศพิธราชธรรม

🍁 สมถะวิปัสสนา
ตามแนวพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ (เถรวาท) ของสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรมหาเถรเจ้า (สุก ไก่เถื่อน)

🍁 พุทธธรรมขั้นพื้นฐาน
ไม่มีมนุษย์คนใดที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ลำพังตนเองโดยไม่ติดต่อสัมพันธ์กับคนอื่น เพราะการดำรงชีวิตอยู่ของคนเราจำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน

🍁 พระสูตรของท่านเว่ยหลาง
สูตรของท่านเว่ยหล่างล้วนแต่เป็นเรื่องของการใช้ปัญญาเพื่อค้นหาหนทางแห่งความเป็นพุทธะ และเพื่อความหลุดพ้นไปจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวงในโลกนี้

🍁 พุทธศาสนสุภาษิต
สุภาษิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำรัสไว้ ซึ่งมีคุณค่าสูงส่ง สามารถใช้ได้ทั้งเป็นแนวทางดำเนินชีวิต เตือนใจ หาคำตอบที่ดีสำหรับปัญหาที่สงสัย

🍁 โอวาทสี่ของเหลี่ยวฝาน
แบบฉบับในการประพฤติดี ปฏิบัติชอบ เพื่อหยุดยั้งกระแสแห่งวัฒนธรรมตะวันตกและอนุรักษ์ความเป็นคนจีนดั้งเดิม

🍁 สาเหตุการเกิดมลภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน หรือ ภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกในปัจจุบัน สังเกตุได้จากอุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้น

🍁 แนวคิดและหลักการทางวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ คือ องค์ความรู้ของธรรมชาติและวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ในการสืบเสาะหาความรู้

🍁 จักรวาล
“จักรวาล” และ “เอกภพ” เป็นคำๆ ที่มีความหมายเหมือนกัน ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า “Universe” ซึ่งหมายถึง ทุกสรรพสิ่งทั้งหมดทั้งปวง

🍁 การออกกำลังสมอง
ถ้าเรามีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆอยู่ตลอดเวลา ไม่ทำอะไรซ้ำซาก จะเป็นการกระตู้นให้สมองมีการแตกกิ่งก้านสาขาเพิ่มขึ้น

🍁 กฎของนิวตัน
วัตถุที่หยุดนิ่งจะพยายามหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตราบที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำ ส่วนวัตถุที่เคลื่อนที่จะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงด้วยความเร็วคงที่ ตราบที่ไม่มีแรงภายนอกมากระทำเช่นกัน

🍁 ปรมาณู
สสารใด ๆ ก็ตาม จะต้องมีขนาดจำกัด คือไม่สามารถตัดแบ่งให้เล็กลง ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้

🍁 โครโมโซม

🍁 หลุมดำ

🍁 การค้นพบเด่นในวงการดาราศาสตร์

🍁 วิหคมงคล

🍁 ธนาคารขยะรีไซเคิล

🍁 ลักษณะทั่วไปของปรัชญาจีน

🍁 นักปรัชญา

🍁 ปรัชญาเปรียบเทียบ

🍁 ตำราพิชัยสงคราม ซุนวู

🍁 โลกทัศน์อภิปรัชญาของเพลโต

🍁 โสกราตีส

🍁 การฟอกเงิน

🍁 นันทนจิต

🍁 ศาสตร์และศิลป์ทางการพูด

🐍 โปรดระวังงูฉก

มนุษย์ไม่ได้หยุดการไล่ล่าเพราะไม่หิว
หรือผู้เบื่อหน่ายการคร่าชีวิต

แต่เรียนรู้ที่จะเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว
สะสมอาหารและเลี้ยงสัตว์ไว้กินเอง

นั่นเพราะมนุษย์เข้าใจธรรมชาติ
และรู้จักตัวเองมากขึ้น

ต้องการความสุขสบายที่มากขึ้น
แม้พันปีล่วงไปก็ยังเหมือนเดิม

ที่เพิ่มเติมคือไม่รู้จักพอ.

🐍 งูเขียว หางบอบช้ำ : เขียน

เชิญแวะอ่านสักนิดสักหน่อยก็ยังดี...

🌿 จอมยุทธ แห่งบ้านจอมยุทธ (รวมงานเขียน)
หูข้ารับได้แต่สิริมงคล ตาข้ารับได้แต่สวนดอกไม้ ความรู้สึกนึกคิดข้าสงบเย็น ด้วยแสงแห่งธรรมที่สาดส่อง อาบวิญญาณเปล่าเปลือยและล่อนจ้อน

🌿 ฉายเดี่ยว (รวมงานเขียน)
อย่ารอให้ผีปู่ผีย่าต้องลุกขึ้นมาเอากระโถนน้ำหมากเขกกบาล สยามของท่านให้เราอยู่กิน ไม่ได้ให้มางี่เง่ากันเยี่ยงนี้

🌿 งูเขียว หางบอบช้ำ (รวมงานเขียน)
มีแต่คนรักและหวังดีต่อประเทศชาติ มีแต่คนอยากเห็นประเทศชาติสงบสุขเป็นปึกแผ่น ไม่มีแม้แต่หมาสักตัวบนแผ่นดินนี้ อยากมีอำนาจ

🌿 ขอเป็นตาแก่ขี้บ่นในหัวใจเธอ
สง่างามแบบมนุษย์ๆ ไม่ขี้โกงเอารัดเอาเปรียบกัน ไม่นินทากันลับหลัง ไม่เหยียบย่ำทำลายกัน นั่นย่อมประเสริฐแล้ว

ยังมีอีก »


ชีวิตเริ่มต้นอีกครั้งหลังเกษียณ
ภูจอมยุทธ | Podcast

ชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง หิวก็กินง่วงก็นอน อยากทำอะไรก็ทำ เบียดเบียนสภาพแวดล้อมแต่พองาม ประสบการณ์แบ่งปันผู้คน มากบ้างน้อยบ้าง วัดกับร้านเหล้าถือเป็นสถานอโคจร ที่ต้องรักษาระยะห่าง คลิกดู👆