สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้
ความรู้เรื่องโรคไข้หวัดนก
มิสเตอร์ไข้หวัดนก
การแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดนก
เตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ปัญหาการระบาดใหญ่ฯ
ระบาดวิทยาของไข้หวัดนกทั่วโลก
ระบาดวิทยาของโรคไข้หวัดนกในประเทศไทย
แนวทางการป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดนก
และโรคติดต่ออุบัติใหม่อุบัติซ้ำ
การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในคน
ระบบการตรวจวิเคราะห์และเฝ้าระวังโรคทางห้องปฏิบัติการ
ลักษณะทางคลินิกและการวินิจฉัยโรคไข้หวัดนก
แนวทางการรักษาพยาบาลสำหรับโรคไข้หวัดนกและการติดตามผู้ป่วย
ข้อปฏิบัติสำหรับบุคลากรในการดูแลผู้ป่วยที่สงสัยเป็นโรคไข้หวัดนก
บทบาท อสม. และกระบวนวิธีการขับเคลื่อนแผนที่ยุทธศาสตร์ฯ
โครงสร้างการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดนกของกระทรวงฯ
แนวทางการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ในการป้องกันฯ ระดับจังหวัด
ถาม-ตอบ เรื่องไข้หวัดนก
การเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก (Avian Influenza) ในคน
สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตุลาคม 2547 เหตุผลความจำเป็น
- ไข้หวัดนก Avian Influenza เป็นโรคระบาดในสัตว์ปีกโดยเฉพาะไก่
แต่สามารถติดต่อมายังคนทำให้ป่วยและมีอาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้
ดังที่เกิดการระบาดในฮ่องกงเมื่อปี 1997 มีรายงานป่วย 18 รายเสียชีวิต 6 ราย
และในการระบาดเมื่อต้นปี 2004 มีรายงานการป่วยในเวียดนาม 23 ราย เสียชีวิต 15 ราย
สำหรับในไทยมีผู้ป่วยยืนยัน 12 รายเสียชีวิต 8 ราย
- องค์การอนามัยโลกและนักวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดของไข้หวัดนก
มีความเห็นตรงกันว่าการระบาดที่เกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียเมื่อต้นปี 2004 นี้
จะไม่สามารถกวาดล้างให้หมดไปได้และมีโอกาสเกิดการระบาดซ้ำได้อยู่ตลอดเวลา
- แม้จะไม่เคยปรากฏหลักฐานว่ามีการแพร่เชื้อจากคนที่ป่วยสู่คนอื่นในอดีตที่ผ่านมา แต่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า หากเชื้อไข้หวัดนกในคนเกิดการกลายพันธ์อันเนื่องมาจากการผสมสารพันธุกรรมกับไข้หวัดที่พบในคน (Reassortment) ก็อาจจะเกิดการติดต่อจากคนสู่คนได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก (Pandemic)
วัตถุประสงค์ของการเฝ้าระวังโรค
- ตรวจจับการป่วยด้วยไข้หวัดนกในคนอย่างรวดเร็วและครอบคลุม เพื่อรีบให้การรักษา
- ป้องกันมิให้มีผู้ป่วยรายใหม่หรือมีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน โดยการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมและนำมาตรการเข้าสู่พื้นที่ซึ่งมีผู้ป่วยรายงานหรือมีการป่วยของสัตว์ปีก
- ประเมินมาตรการควบคุมโรค หากยังมีผู้ป่วยเกิดขึ้นแสดงว่ามีจุดอ่อนของมาตรการบางอย่าง
- เพื่อให้ผู้บริหารและประชาชนได้รับทราบสถานการณ์ที่ถูกต้องอันจะนำไปสู่การปรับปรุงนโยบายหรือมาตรการ และประชาชนจะได้ให้ความร่วมมือในการป้องกันโรค
นิยามไข้หวัดนกในคน
เนื่องจากเป็นโรคใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนนิยามหลายครั้งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
จึงขอกำหนด นิยามแบ่งเป็น 3 ระดับผู้ป่วยที่สงสัย (Suspect) ได้แก่
ผู้ที่มีอาการหรืออาการแสดงต่อไปนี้
- ไข้ (อุณหภูมิกายมากกว่า 38 องศาเซลเซียส) ร่วมกับ
- อาการอย่างใดอย่างหนึ่งอันได้แก่ ปวดกล้ามเนื้อ , ไอ , หายใจผิดปกติ (หอบ, ลำบาก) ,หรือ แพทย์วินิจฉัยสงสัยว่าเป็นปอดบวม หรือไข้หวัดใหญ่ ร่วมกับ มี
- ประวัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
1.อาศัยอยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านที่มีสัตว์ปีกป่วยตาย ในระยะ 14 วัน ก่อนวันที่เริ่มป่วย หรือ
2.สัมผัสโดยตรงหรือทางอ้อม กับอุจจาระหรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ปีกที่ป่วยตาย ในระยะ 7 วัน ก่อนวันที่เริ่มป่วย หรือ
3.สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดบวมรายอื่น ในระยะ 10 วัน ก่อนวันที่เริ่มป่วย - ผู้ป่วยที่น่าจะเป็น (Probable) ได้แก่ ผู้ป่วยที่สงสัยตามนิยามข้างต้น ร่วมกับ
- ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่ามีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่กลุ่ม A แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเชื้อสายพันธ์ของคนหรือของสัตว์ปีก หรือ
- มีอาการระบบหายใจล้มเหลว หรือ
- เสียชีวิต
ผู้ป่วยยืนยัน (Confirm)
ได้แก่ผู้ป่วยที่สงสัยและผลการตรวจสุดท้ายพบเชื้อไข้หวัดใหญ่กลุ่ม A (H5)
ซึ่งเป็นสายพันธ์ของสัตว์ปีกด้วยวิธี PCR หรือการเพาะเชื้อ
หมายเหตุ : ผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยที่น่าจะเป็น
หากมีผลการตรวจยืนยันพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเชื้อสาเหตุอื่นๆ ให้จัดสถานะเป็น
ผู้ป่วยจำหน่ายออก (Exclude)
การเปลี่ยนสถานะของผู้ป่วย : เนื่องจากข้อมูลผู้ป่วยที่ได้รับรายงาน
เป็นข้อมูลปัจจุบันที่ได้รับจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ในขณะแรกที่ผู้ป่วยเข้ารับรักษา
ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปและผลการตรวจมีความชัดเจนมากขึ้น
การจัดประเภทของผู้ป่วยก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เป็นธรรมดา เช่น
ผู้ป่วยที่สงสัยอาจเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ป่วยที่น่าจะเป็น
หรือผู้ป่วยที่น่าจะเป็นบางรายก็อาจเปลี่ยนสถานะเป็นจำหน่ายออกได้
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ประกอบด้วย
- Nasopharyngeal aspiration หรือ Nasopharyngeal swab ใส่ไว้ใน viral transport media นำส่งในกระติกน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งหรือ ice pack เพื่อรักษาอุณหภูมิให้ได้ 2-4 องศาเซลเซียส และให้ส่งถึงห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ภายใน 48 ชั่วโมง
- Clotted Blood 5 มิลลิลิตร (cc.) เก็บ 2 ครั้ง ครั้งแรกเก็บเมื่อพบผู้ป่วย ครั้งที่สอง เก็บห่างจากครั้งแรกอย่างน้อย 14 วันขึ้นไป
แนวปฏิบัติการเฝ้าระวังสอบสวนโรค
- เฝ้าระวังการป่วยด้วยโรคปอดบวมและไข้หวัดใหญ่อย่างเต็มที่
โดยผู้ป่วยทุกรายที่สงสัยว่ามี อาการปอดบวม หรือไข้หวัดใหญ่
ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ขอให้ซักถามประวัติ
การอาศัยอยู่ในบ้านหรือหมู่บ้านที่มีสัตว์ปีกป่วยตายในรอบ 14 วัน ก่อนเริ่มป่วย
การสัมผัสโดยตรงหรือทางอ้อมกับอุจจาระหรือสิ่งคัดหลั่งของสัตว์ปีกที่ป่วยตาย ในรอบ 7 วัน ก่อนเริ่มป่วย
การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดบวมรายอื่น ในรอบ 10 วัน ก่อนเริ่มป่วย หากมีประวัติดังกล่าวเพียงข้อใดข้อหนึ่ง ให้รายงาน และทำการสอบสวนโรค และควบคุมโรคในชุมชนทันที โดยไม่ต้องรอผลทางห้องปฏิบัติการ และให้การดูแลรักษาตามแนวทางที่กระทรวงกำหนดไว้ - ผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากปอดบวมทุกราย ให้เก็บตัวอย่างส่งตรวจหาการติดเชื้อไข้หวัดนกด้วย
- เมื่อมีผู้ป่วยสงสัย ให้ทำการสอบสวนโรค และควบคุมโรคในชุมชน ซึ่งประกอบด้วย
ตรวจสอบ และประสาน องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน ว่ามีการตายของสัตว์ปีกมากน้อยเพียงใด
มีผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่ชวนให้สงสัยว่าเป็นไข้หวัดนก แต่ยังไม่ได้ไปรับการรักษาอีกหรือไม่
ติดตามสมาชิกที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน กับผู้ป่วยที่รับการรักษาไว้ทุกคน ทุกวัน อย่างน้อย 7 วัน นับจากวันที่อยู่ร่วมกับผู้ป่วยวันสุดท้าย หากมีอาการไข้ ให้รีบตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรายงานสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต กรมควบคุมโรคทราบ เพื่อตรวจสอบว่ามีการแพร่ระบาดจากคนสู่คนหรือไม่
การรายงานผู้ป่วย
- ให้ทุกสถานบริการสาธารณสุข ทั้งภาครัฐและเอกชน รายงานผู้ป่วยแม้เพียงสงสัย
ไปที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดโดยด่วน และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
รายงานสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต และสำนักระบาดวิทยา ทราบภายใน 24 ชั่วโมง
โดยทางโทรศัพท์ หรือ โทรสาร ตามระบบของการเฝ้าระวัง
- ในพื้นที่ซึ่งมีการป่วยตายของสัตว์ปีกผิดปกติ แม้จะยังไม่ทราบผลทางห้องปฏิบัติการ หรือเป็นพื้นที่ยืนยันว่ามีการระบาดของไข้หวัดนกโดยกรมปศุสัตว์ ให้มีการสำรวจและสรุปสถานการณ์ผู้ป่วยปอดบวมหรือไข้หวัดใหญ่ที่เข้าข่ายเฝ้าระวังไข้หวัดนก รายใหม่ทุกวันในพื้นที่ (Zero report) ตามแบบที่แนบมา พร้อมผลการรักษาให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตทราบ ภายในเวลา 9.00 น. และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต รายงานให้สำนักระบาดวิทยาทราบภายในเวลา 12.00 น. ของทุกวัน ซึ่งสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค จะตรวจสอบกับผลทางห้องปฏิบัติการและสรุปสถานการณ์ในภาพรวม เสนอผู้บริหารต่อไป อนึ่งหากมีการป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ที่ผิดสังเกต ก็ขอให้รายงานให้ทราบด้วย
การให้สุขศึกษา
- ให้ความรู้กับประชาชนทุกหมู่บ้านในเรื่องการติดต่อของโรค
โดยในระยะนี้หากมีการป่วยการตายของไก่หรือสัตว์ปีกอื่นๆในจำนวนผิดปกติ
ให้ถือเสมือนหนึ่งว่าสัตว์เหล่านั้นตายจากโรคไข้หวัดนก
โดยไม่จำเป็นต้องรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
และห้ามมิให้ชาวบ้านไปสัมผัสตลอดจนจับสัตว์ปีกในฝูงนั้นมาชำแหละเป็นอาหาร
โดยเฉพาะเด็กวัยเรียนหรือก่อนวัยเรียนนับเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ต้องย้ำเตือนเป็นพิเศษ
- ในกรณีที่ต้องสัมผัสกับสัตว์ปีกที่เลี้ยงไว้
หรือต้องเกี่ยวข้องกับการทำลายสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย
ให้มีการป้องกันตนเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย สวมถุงมือ
สวมแว่นที่สามารถป้องกันมิให้ของเหลวจากสัตว์กระเด็นเข้าตา ใส่เสื้อผ้ามิดชิด
ล้างมือให้บ่อย อาบน้ำหลังเสร็จภารกิจ
และไม่ใช้มือที่ไม่ได้ล้างมาแคะจมูกหรือมาเปื้อนใบหน้า
- ชาวบ้านที่มีประวัติสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตาย
หรือสงสัยว่าป่วยโดยเฉพาะ ผู้ที่ต้องมีหน้าที่ฆ่าหรือชำแหละสัตว์ปีก
หากมีไข้เกิดขึ้นภายในสิบวันหลังสัมผัส แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
- ขอให้ประชาชนอย่าได้นำสัตว์ที่ป่วยหรือสงสัยว่าติดเชื้อมาชำแหละ
เพื่อปรุงเป็นอาหาร เนื่องจากขั้นตอนการปรุงอาหารอาจทำให้ผู้ชำแหละติดเชื้อได้
- ให้ผู้ปกครองเด็กในพื้นที่ที่มีการระบาด กำกับดูแลไม่ให้เด็กเล่นดินทรายที่ปนเปื้อนมูลสัตว์หรือเล่นในบริเวณที่มีการชำแหละสัตว์ และดูแลให้เด็กล้างมือทุกครั้งหลังการละเล่นบนพื้นที่อาจมีเชื้อโรค
การควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดนกในกลุ่มผู้กำจัดสัตว์ป่วย
- มีการให้คำแนะนำวิธีการป้องกันตนเองแก่ผู้ฆ่าทำลายสัตว์ที่สงสัยติดเชื้อก่อนปฏิบัติงานทุกครั้ง
- ขณะปฏิบัติงานต้องใช้เครื่องป้องกันการติดเชื้อให้ได้มาตรฐาน คือ
-สวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว และผ้ากันเปื้อนพลาสติก
-สวมหมวกคลุมผม ถุงมือยาง แว่นตา หน้ากากอนามัยปิดจมูกและปาก และ รองเท้าบู๊ท
-เวลาในการปฏิบัติงานไม่ควรติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง หากไม่สามารถปฏิบัติงานให้เสร็จภายใน 3 ชั่วโมงควรมีการพักเพื่อให้ชำระร่างกายและล้างมือ
-หลังจากปฏิบัติงานควรล้างมือ ทำความสะอาดร่างกายและควรเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ทุกครั้ง
-ควรทำลายฆ่าเชื้อโรคในอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ รวมทั้งเครื่องแต่งกาย รองเท้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น คลอรีน หรือโซเดียมไฮโปคลอไรต์
-หากมีไข้หรือมีอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจให้รีบไปพบแพทย์และแจ้งประวัติการสัมผัสสัตว์ให้เจ้าหน้าที่ทราบ - จัดทำรายชื่อและติดตามอาการของผู้ฆ่าทำลายสัตว์ที่สงสัยติดเชื้ออย่างน้อย 7 วัน
ด้านการสั่งการและกำกับดูแล
- มีคำสั่งตั้งคณะทำงานประกอบด้วยผู้รับผิดชอบจากกระทรวงเกษตร กระทรวงสาธารณสุข
และส่วนอื่นๆตามที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควร
- ให้มี Surveillance and Rapid Response Team (SRRT)
และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติภารกิจฉุกเฉินได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในเรื่องการรับแจ้งเหตุที่สงสัยว่าสัตว์ติดเชื้อ
การสอบสวนผู้ป่วยที่สงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดนก
การให้คำแนะนำในการวินิจฉัยและดูแลผู้ป่วยที่สงสัย
- จัดเตรียมงบประมาณ วัสดุ
สิ่งสนับสนุนสำหรับกิจกรรมการสอบสวนและควบคุมโรคในผู้ป่วยและในชุมชน เช่น
ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ อุปกรณ์ในการป้องกันตนเองขณะปฏิบัติงาน
ยารักษาและชุดตรวจคัดกรอง ฯลฯ
- ให้ทุกหน่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงด้านสถานการณ์ และองค์ความรู้ที่เป็นปัจจุบันจาก website ของกระทรวงสาธารณสุข หากมีปัญหาให้สอบถามศูนย์ควบคุมโรคไข้หวัดนก กระทรวงสาธารณสุข