ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>
พุทธปรัชญาในฐานะปฏิบัตินิยม
พุทธปรัชญาในฐานะสันตินิยม
พุทธปรัชญาในฐานะอเทวนิยม
พุทธปรัชญาในฐานะมานุษยนิยม
พุทธปรัชญาในฐานะธรรมาธิปไตยนิยม
พุทธปรัชญากับการศึกษา
ปรัชญาปฏิบัตินิยม
พุทธปรัชญาการเมืองและสังคม
พุทธศาสนากับการเมืองและสังคมเริ่มแรก (อัคคัญญสูตร)
วิกฤติด้านสังคม
ข้อเหมือนเรื่องการเมืองการปกครองในพุทธปรัชญาเถรวาทกับขงจื๊อ
ทัศนะพุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
หลักการของพระพุทธศาสนา
การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคิดแบบวิทยาศาสตร์
พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์
พุทธปรัชญาในฐานะธรรมาธิปไตยนิยม
ความหมายของอนัตตา
อนัตตา แปลตามศัพท์ว่า ไม่มีตน ไม่ใช่ตน (น+อัตตา)
เพราะสิ่งทั้งปวงเป็นเพียงสักว่าธรรม หรือสิ่ง ๆ หนึ่ง ๆ เท่านั้น
คือไม่ใช่สิ่งนั้น และไม่ใช่สิ่งนี้ ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคท่านกล่าวไว้ว่า
ชื่อว่าเป็นอนัตตา เพราะมีสภาวะไม่มีแก่นสาร เมื่อกล่าวสรรพสิ่งทั้งหลาย ไม่มีตน
ไม่มีแก่นสาร มีความหมายว่า สรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่เป็นสังขตธรรม และ อสังขตธรรม
ล้วนไม่มีตัว ไม่มีตนที่เป็นแก่นที่จะระบุลงไปว่า เป็นอย่างนั้น
เป็นอย่างนี้ได้จริง เพราะเมื่อระบุลงไปก็จะกลายเป็นหน่วยย่อยไปเรื่อย
หน่วยย่อยนั้นก็จะมีหน่วยย่อยไปเรื่อย ๆ เช่นกัน เป็นลักษณะที่ไม่มีปรากฏการณ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ มันไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ตาย ไม่รู้จักตาย
ไม่ต้องมีการเกิดหรือการทรงตัว มันก็ยังมีอยู่ได้ ทั้งยัง เป็นการมีอยู่ที่มั่นคง
และไม่ใช่มายา สิ่งที่มีลักษณะดังว่านี้ เรารวมเรียกว่าอสังขตธรรม
หรือตรงกับสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ อนัตตา สิ่งที่เป็นสังขตธรรมก็ดี
อสังขตธรรมก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นอนัตตา ดังพุทธดำรัสที่ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย
รูปเป็นอนัตตา เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา
และว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
สิ่งใดเป็นอนัตตา
สิ่งนั้นเธอทั้งหลายพึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
ยกตัวอย่าง เมื่อเราพูดถึงคำว่า น้ำ เราก็จะพบว่า จริง ๆ แล้วน้ำ
ก็เป็นเพียงสิ่งสมมุติที่เรียกว่า ภาวะที่ไฮโดรเจน 2 อะตอม บวกกับออกซิเจน 1 อะตอม
ตัวไฮโดรเจน และออกซิเจนก็จะมีหน่วยย่อยที่เป็นส่วนประกอบอีก เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ
โดยที่สุดถ้าเรามองด้วยมุมมองในลักษณะที่เป็นเหตุเป็นปัจจัยเช่นนี้
เราจะหาตัวตนที่แท้จริงของสิ่งนั้น ๆ ไม่พบ จะพบก็เพียงแต่ เพราะสิ่งนี้มี
สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ไม่มี
สิ่งนี้จึงไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับไป สิ่งนี้จึงดับไป
เราจึงสามารถกำหนดความเป็นอนัตตาได้จากข้อกำหนด 4 ประการต่อไปนี้คือ
1. ไม่มีตัวตนที่แท้จริงของสิ่งนั้นยืนตัวเป็นแก่นเป็นแกนอยู่
2. สภาพที่ปรากฏนั้น เกิดจากองค์ประกอบต่าง ๆ มากมายประชุมกันปรุงแต่งขึ้น
3. องค์ประกอบเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว เสื่อมสลายอยู่ตลอดเวลา และสัมพันธ์เป็นปัจจัยแก่กัน ประมวลขึ้นเป็นกระบวนธรรม
4. ถ้ากำหนดแยกออกเป็นกระบวนธรรมย่อย ๆ มากมาย และก็มีความสัมพันธ์เป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน
นอกจากข้อกำหนด 4 ประการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคท่านยังประมวลลักษณะความเป็นอนัตตาไว้ 4 ประการ รวมทั้งที่พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ได้ประมวลเพิ่มเติมเข้ามาอีก 2 ประการ (ข้อ 5-6) รวมทั้งสิ้น 6 ประการด้วยกันคือ
1. เพราะเป็นสภาพว่างเปล่า คือปราศจากตัวตนที่เป็นแก่น (สุญฺญโต)
2. เพราะเป็นสภาพไร้เจ้าของ คือไม่เป็นตัวตนของใคร ๆ (อสฺสามิโก)
3. เพราะไม่เป็นไปในอำนาจ คือไม่อยู่ในอำนาจของใคร ๆ (อวสวตฺตนโต)
4. เพราะแย้งต่ออัตตา เพราะเป็นกระบวนธรรมที่องค์ประกอบทั้งหลายสัมพันธ์กัน และดำเนินไปโดยความเป็นเหตุเป็นปัจจัย ไม่มีตัวตนต่างหากซ้อนอยู่ที่จะมาแทรกแซงบงการ หรือแม้แต่ขัดขวางความเป็นเหตุเป็นปัจจัยได้ (อตฺตปฏิปกฺเขปโต)
5. เพราะเป็นกองแห่งสังขารทั้งหลายล้วน ๆ (สุทฺธสงฺขารปุญฺชโต)
6. เพราะความเป็นไปตามเหตุปัจจัย (ยถาปจฺจยปวตฺติโต)
กรรมกับการเกิดใหม่
กรรมที่ถูกอโทสะครอบงำ กรรมที่ถูกอโมหะครอบงำ
วิเคราะห์วิบากแห่งกรรม
กรรมและการเกิดใหม่กับการตอบปัญหาทางปรัชญา
ปฏิจจสมุปบาท มีองค์ 12
การพิจารณาปฏิจจสมุปบาท
วิเคราะห์ปฏิจจสมุปบาทกับปัญหาปัจจุบัน
ความหมายของอนัตตา
ความจริงหรือปรมัตถสัจจะ
ทัศนะเรื่องอนัตตาของสำนักปรัชญาต่าง ๆ
บทวิเคราะห์เรื่องอนัตตา