ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>
พุทธปรัชญาในฐานะปฏิบัตินิยม
พุทธปรัชญาในฐานะสันตินิยม
พุทธปรัชญาในฐานะอเทวนิยม
พุทธปรัชญาในฐานะมานุษยนิยม
พุทธปรัชญาในฐานะธรรมาธิปไตยนิยม
พุทธปรัชญากับการศึกษา
ปรัชญาปฏิบัตินิยม
พุทธปรัชญาการเมืองและสังคม
พุทธศาสนากับการเมืองและสังคมเริ่มแรก (อัคคัญญสูตร)
วิกฤติด้านสังคม
ข้อเหมือนเรื่องการเมืองการปกครองในพุทธปรัชญาเถรวาทกับขงจื๊อ
ทัศนะพุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
หลักการของพระพุทธศาสนา
การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคิดแบบวิทยาศาสตร์
พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์
ข้อเหมือนเรื่องการเมืองการปกครองในพุทธปรัชญาเถรวาทกับขงจื๊อ
- จุดมุ่งหมายของรัฐอยู่ที่การส่งเสริมสวัสดิภาพของประชาชน
- ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ทรงความรู้ และคุณธรรม มีบุคลิกที่ดีงามทั้งภายในและภายนอก พร้อมที่จะเป็นแบบอย่างที่ดีงามให้กับประชาชน
- การปกครองควรใช้หลักคุณธรรมนำหน้ากฎหมาย กฎหมายควรเป็นเครื่องมือสำรองในกรณีที่คนขาดคุณธรรมยึดเหนี่ยวแล้วเท่านั้น
1. ปรัชญาการเมืองการปกครองแบบ
อนาธิปไตย คือ ปรัชญาการเมืองการปกครองที่ค่อนไปทางเป็น อุดมคติ หรือ
อุดมการณ์ทางการเมืองการปกครอง ที่เป็นไปได้ แต่ยากที่จะบรรลุถึงได้
เพราะต้องผ่านกระบวนการ ขั้นตอน การต่อสู้กับกิเลสของมนุษย์อย่างซับซ้อน
ทั้งกิเลสอย่างหยาบ กิเลสอย่างกลาง และกิเลสอย่างละเอียด แต่หากสามารถบรรลุถึงได้
สังคมมนุษย์จักมีความสุขสงบที่สุด
2. ปรัชญาการเมืองการปกครองแบบ อภิชนาธิปไตย สรุปได้ดังนี้
- การเมืองการปกครองเป็นเรื่องของทักษะและประสบการณ์ ผู้มีทักษะ มีเอตทัคคะ และมีประสบการณ์เท่านั้น จึงคู่ควรเป็น ผู้ครองอำนาจรัฐ
- บุคคลผู้สอบผ่านการฝึกอบรมเป็น จอมปราชญ์ เท่านั้น จึงคู่ควรขึ้นครองอำนาจสูงสุดในการเมืองการปกครอง เป็น ประมุขแห่งรัฐ
- บุคลิกภาพของบุคคลย่อมแตกต่างกัน และมีข้อจำกัดเฉพาะคนไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะสมเป็นผู้ปกครองได้ แม้ได้รับการศึกษาอบรมแล้วก็ตาม ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงบุคคลที่ไร้การศึกษา ขาดทักษะและประสบการณ์เลย
- การเมืองการปกครองเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ จักต้องเรียนรู้และฝึกฝนอบรมให้เกิดทักษะและประสบการณ์
3.ปรัชญาการเมืองการปกครองแบบ ประชานิยมราชาธิปไตย
ตามแนวคิดของ โทมัส ฮอบส์ เปรียบเทียบได้กับระบอบการปกครอง พ่อปกครองลูก
สมัยสุโขทัยของไทยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
สถาบันพระมหากษัตริย์ครองอำนาจสูงสุดและตอบแทนประชาชนด้วยการ ครองแผ่นดินโดยธรรม
ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจบริหารราชการแผ่นดินทุกด้านด้วยพระองค์เอง เรียกว่า
ธรรมิกราชย์ (Moral Monarchy) แต่หากพระมหากษัตริย์ไม่ได้ปกครองแผ่นดินโดยธรรม
ไม่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน ย่อมถูกเรียกว่า ทรราชย์ (Tyranny)
เปรียบเทียบได้กับการปกครองแบบ นายกับทาส
4.ปรัชญาการเมืองการปกครองแบบ เสรีนิยมประชาธิปไตย
คือ
ปรัชญาการเมืองการปกครองที่สร้างหลักการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันของมนุษย์ด้วยองค์ประกอบ
5 ประการ เรียกว่า เบญจภาคีของประชาธิปไตย ได้แก่
1.สิทธิมนุษยชน (Human Rights)
2.หน้าที่ทางสังคม (Social
Responsibility)
3.เสรีภาพในชีวิตและทรัพย์สิน (Liberty in Living and Belongings)
4.สมภาพทางกฎหมาย (Equality before Law)
5.ภราดรภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal Fraternity)
5.ปรัชญาการเมืองการปกครองแบบ สังคมนิยมรัฏฐาธิปไตย
คือ ปรัชญาการเมืองการปกครองที่กำเนิดขึ้นมาเพื่อล้มล้างระบอบการเมืองการปกครองแบบเสรีนิยมประชาธิปไตยโดยตรง โดยมองเห็นว่า เสรีนิยมประชาธิปไตยนั้น ทุกอย่างเป็นของนายทุนผูกขาด รัฐบาลเสรีนิยมประชาธิปไตยเป็นรัฐบาลของนายทุน ทุกอย่างที่รัฐบาลสร้างขึ้นทั้งการเมืองการปกครอง การศึกษา ศิลปะ วัฒนธรรม กฎหมาย อาชีพ ล้วนสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือกดขี่ ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบประชาชนพลเมือง
6.ปรัชญาการเมืองการปกครองแบบ พหุชนนิยม ธรรมาธิปไตย
มีเป้าหมายสำคัญ 2 ประการหลัก คือ
1)บำบัดทุกข์ เรียกว่า หานินิคคหะ
2)บำรุงสุข เรียกว่า วุฒิปัคคหะ
ดังนั้น
ผู้ปกครองจึงต้องมีอำนาจและหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ
1.นักรบ มีอำนาจและหน้าที่ในการบำบัดทุกข์แก่พหูชน
2.นักรัก มีอำนาจและหน้าที่ในการบำรุงสุขแก่พหูชน