ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>

การศึกษเรื่องในพุทธปรัชญา

พุทธปรัชญาในฐานะปฏิบัตินิยม
พุทธปรัชญาในฐานะสันตินิยม
พุทธปรัชญาในฐานะอเทวนิยม
พุทธปรัชญาในฐานะมานุษยนิยม
พุทธปรัชญาในฐานะธรรมาธิปไตยนิยม
พุทธปรัชญากับการศึกษา
ปรัชญาปฏิบัตินิยม
พุทธปรัชญาการเมืองและสังคม
พุทธศาสนากับการเมืองและสังคมเริ่มแรก (อัคคัญญสูตร)
วิกฤติด้านสังคม
ข้อเหมือนเรื่องการเมืองการปกครองในพุทธปรัชญาเถรวาทกับขงจื๊อ
ทัศนะพุทธปรัชญากับวิทยาศาสตร์
หลักการของพระพุทธศาสนา
การคิดตามนัยแห่งพระพุทธศาสนาและการคิดแบบวิทยาศาสตร์
พระพุทธศาสนาในฐานะเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์

พุทธปรัชญาในฐานะธรรมาธิปไตยนิยม

กรรมที่ถูกอโทสะครอบงำ กรรมที่ถูกอโมหะครอบงำ

เมล็ดพืชที่ไม่แตกหักไม่เสียหาย ไม่ถูกลมและแดดกระทบ มีแก่นใน ถูกกเก็บไว้อย่างดี บุรุษพึงเอาไฟเผาเมล็ดพืชเหล่านั้น ครั้นเอาไฟเผาแล้ว ทำให้เป็นเขม่า เมล็ดพืชอันนั้นชื่อว่าถูกตัดรากถอนโคนเหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้ว เหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ แม้ฉันใด

กรรมใดที่บุคคลทำด้วยโลภะ เกิดจากโลภะ มีโลภะเป็นเหตุ มีโลภะเป็นแดนเกิด กรรมนั้นเป็นอกุศล มีโทษ ให้ผลเป็นความทุกข์ เป็นไปเพื่อการเกิดกรรมอีก ไม่เป็นไปเพื่อความดับกรรม โทสะ โมหะ
กรรมใดที่บุคคลทำด้วยออโลภะ เกิดจากโลภะ มีอโลภะเป็นเหตุ มีอโลภะเป็นแดนเกิด กรรมนั้นเป็นกุศล ไม่มีโทษ ให้ผลเป็นความสุข เป็นไปเพื่อความดับกรรม ไม่เป็นไปเพื่อการเกิดกรรมอีก อโทสะ อโมหะ

1. ฉันทะเกิดเพราะอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในอดีต
2. ฉันทะเกิดเพราะอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในอนาคต
3. ฉันทะเกิดเพราะอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในปัจจุบัน

คือ บุคคลอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบัน ตรึกตรอง พิจารณาด้วยใจ ย่อมถูกธรรมเหล่านั้นร้อยรัด เราเรียกความกำหนัดแห่งใจนั้นว่าเป็นสังโยชน์

1. ฉันทะไม่เกิดเพราะอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในอดีต
2. ฉันทะไม่เกิดเพราะอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในอนาคต
3. ฉันทะไม่เกิดเพราะอาศัยธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในปัจจุบัน



คือ บุคคลรู้ชัดผลที่จะเกิดต่อไปแห่งธรรมอันเป็นเหตุแห่งฉันทราคะในอดีต ครั้นรู้แล้วจึงละเว้นผลนั้นเสีย แล้วรู้แจ้งด้วยใจ เห็นชัดด้วยปัญญา ...ในอนาคต... ในปัจจุบัน...

กรรม 4

1. กรรมว่าโดยปากกาล คือจำแนกตามเวลาที่ให้ผล
2. กรรมว่าโดยกิจ คือ จำแนกการให้ผลตามหน้าที่
3. กรรมว่าโดยปากทานปริยาย คือ จำแนกตามแง่ที่ยักเยื้องกันคือ ลำดับความแรงในการให้ผล
4. กรรมว่าโดยปากัฏฐาน คือสถานที่หรือภพเป็นที่ให้ผล

กรรม 12

  1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม กรรมให้ผลในปัจจุบันคือภพนี้ ได้แก่กรรมดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ที่กระทำในขณะแห่งชวนจิตดวงแรกในบรรดาชวนจิตทั้ง 7 แห่งชวนวิถีหนึ่ง ๆ พูดเป็นภาษาวิชาการว่า ได้แก่ชวนเจตนาที่หนึ่ง กรรมนี้ให้ผลเฉพาะในชาตินี้เท่านั้น ถ้าไม่มีโอกาสให้ผลในชาตินี้ ก็กลายเป็นอโหสิกรรม ไม่มีผลต่อไป
  2. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพที่จะไปเกิดคือในภพหน้า ได้แก่ กรรมดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ที่กระทำในขณะแห่งชวนจิตดวงสุดท้ายในบรรดาชวนจิตทั้ง 7 แห่งชวนวิถีหนึ่ง ๆ พูดเป็นภาษาวิชาการว่า ได้แก่ชวนเจตนาที่ 7 กรรมนี้ให้ผลเฉพาะในชาติถัดจากนี้ไปเท่านั้น ถ้าไม่มีโอกาสให้ผลในชาติหน้า ก็กลายเป็นอโหสิกรรม
  3. อปราปริยเวทนียกรรม กรรมให้ผลในภพต่อ ๆ ไป ได้แก่กรรมดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ที่ทำในขณะแห่งชวนจิตทั้ง 5 ในระหว่างชวนจิตดวงที่ 2-6 แห่งชวนวิถีหนึ่ง ๆ พูดเป็นภาษาวิชาการว่า ชวนเจตนาที่สองถึงที่หก กรรมนี้ให้ผลเรื่อยไปในอนาคต เมื่อเลยจากภพหน้าไปแล้ว คือได้โอกาสเมื่อใด ก็ให้ผลเมื่อนั้น ไม่เป็นอโหสิกรรม ตราบเท่าที่ยังอยู่ในสังสารวัฏ
  4. อโหสิกรรม กรรมเลิกให้ผล ได้แก่กรรมดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ซึ่งไม่ได้โอกาสที่จะให้ผลภายในเวลาที่จะให้ผลได้ เมื่อผ่านช่วงเวลานั้นไปแล้ว ก็ไม่ให้ผลอีกต่อไป
  5. ชนกกรรม กรรมแต่งให้เกิด หรือกรรมที่เป็นตัวนำไปเกิด ได้แก่ กรรมคือเจตนาดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ที่เป็นตัวทำให้เกิดขันธ์ ที่เป็นวิบาก ทั้งในขณะที่ปฏิสนธิและในเวลาที่ชีวิตเป็นไป
  6. อุปัตถัมภกกรรม กรรมสนับสนุน ได้แก่กรรมพวกเดียวกับชนกกรรม ซึ่งไม่สามารถให้เกิดวิบากเอง แต่เข้าช่วยสนับสนุน หรือซ้ำเติมต่อจากชนกกรรม ทำให้สุขหรือทุกข์ที่เกิดขึ้นในขันธ์ซึ่งเป็นวิบากนั้นเป็นไปนาน
  7. อุปปีฬกกรรม กรรมบีบคั้น ได้แก่กรรมฝ่ายตรงข้ามกับชนกกรรม ซึ่งให้ผลบีบคั้นผลแห่งชนกกรรมและอุปัตถัมภกกกรรม ทำให้สุขหรือทุกข์ที่เกิดขึ้นในขันธ์ซึ่งเป็นวิบากนั้น ไม่เป็นไปนาน
  8. อุปฆาตกกรรม กรรมตัดรอน ได้แก่กรรมฝ่ายตรงข้ามที่มีกำลังแรง เข้าตัดรอนความสามารถของกรรมอื่นที่มีกำลังน้อยกว่าเสีย ห้ามวิบากของกรรมนั้นขาดไปเสียทีเดียว แล้วเปิดช่วงแก่วิบากของตน เช่น ปิตุฆาตกรรมของพระเจ้าอชาตศัตรู
  9. ครุกรรม กรรมหนัก ได้แก่กรรมที่มีผลแรงมาก ในฝ่ายดีได้แก่สมาบัติ 8 ในฝ่ายชั่วได้แก่ อนันตริยกรรมมีมาตุฆาตเป็นต้น ย่อมให้ผลก่อนและครอบงำกรรมอื่น ๆ เสีย เปรียบเหมือนห่วงน้ำใหญ่ไหลบ่ามาท่วมทับน้ำน้อยไป
  10. พหุลกรรม หรืออาจิณณกรรม กรรมทำมาหรือกรรมชิน ได้แก่ กรรมดีหรือกรรมชั่วที่ประพฤติมาก หรือทำบ่อย ๆ สั่งสมเคยชินเป็นนิสัย เช่น เป็นคนมีศีลดี หรือเป็นคนทุศีล เป็นต้น
  11. อาสันกรรม กรรมจวนเจียน หรือกรรมใกล้ตาย ได้แก่กรรมที่กระทำหรือระลึกขึ้นมาในเวลาใกล้จะตาย จับใจอยู่ใหม่ ๆ ถ้าไม่มีกรรม 2 ข้อก่อน ก็จะให้ผลก่อนกรรมอื่น ๆ
  12. กตัตตากรรม หรือกตัตตาวาปนกรรม กรรมสักว่าแต่ทำ ได้แก่กรรมที่ทำด้วยเจตนาอันอ่อน หรือมิใช่เจตนาอย่างนั้น ๆ โดยตรง เป็นกรรมที่เบา ต่อเมื่อไม่มีกรรมสามข้อก่อน กรรมนี้จึงจะให้ผล

กรรมกับการเกิดใหม่
กรรมที่ถูกอโทสะครอบงำ กรรมที่ถูกอโมหะครอบงำ
วิเคราะห์วิบากแห่งกรรม
กรรมและการเกิดใหม่กับการตอบปัญหาทางปรัชญา
ปฏิจจสมุปบาท มีองค์ 12
การพิจารณาปฏิจจสมุปบาท
วิเคราะห์ปฏิจจสมุปบาทกับปัญหาปัจจุบัน
ความหมายของอนัตตา
ความจริงหรือปรมัตถสัจจะ
ทัศนะเรื่องอนัตตาของสำนักปรัชญาต่าง ๆ
บทวิเคราะห์เรื่องอนัตตา

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย