ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย
พิธีกรรม >>
หอพระไตร
พุทธศาสนสุภาษิต
หมวดการศึกษา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา
บิดามารดาพึงให้บุตรเรียนศิลปวิทยา
สรรพวิทยา ควรเรียนรู้ให้หมด
ปัญญา ย่อมเกิดเพราะการฝึกฝน
ปัญญานั่นแหละ ประเสริฐกว่าทรัพย์
ผู้ตั้งใจศึกษา ย่อมได้ปัญญา
ปัญญา เปรียบเสมือนเครื่องประดับแห่งตน
ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก
คนโง่ มักตกอยู่ในอำนาจแห่งมาร
คนไม่พินิจพิจารณา เป็นคนไม่มีปัญญา
แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา นั้นไม่มี
คนย่อมเห็นแจ้งเนื้อความอย่างเด่นชัดด้วยปัญญา
คนย่อมบริสุทธิ์ด้วยปัญญา
คนไร้ปัญญา ไม่มีความพินิจพิจารณา
ขึ้นชื่อว่าศิลปวิทยา ดีทั้งนั้น
คนมีปัญญา เมื่อถึงคราวตกทุกข์ ก็ยังหาสุขได้
คนเรียนน้อย เจริญแต่เนื้อหนังมังสา
มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา ปราชญ์กล่าวว่าประเสริฐสุด
คนเรียนน้อย แก่เปล่า เหมือนโคถึก
คนเรียนน้อย ปัญญาย่อมไม่พัฒนา
ปัญญาเป็นเครื่องปกครองคน
พึงพินิจพิจารณาเรื่องราวโดยรอบคอบ
ผู้รู้จักประโยชน์แล้ว ย่อมนำสุขมาให้
คนมีปัญญาประเสริฐกว่า คนโง่ที่มียศ
ในหมู่มนุษย์ คนที่ประเสริฐ คือคนที่ฝึกแล้ว
ความไม่รู้ เป็นมลทินร้ายที่สุด
เมื่ออ่อนปัญญา ช่องทางวิบัติก็เกิดได้มหันต์
บัณฑิตไม่ศึกษา เพราะอยากได้ลาภ
คนไม่มีศิลปวิทยา เป็นอยู่ยาก
สักวันหนึ่ง ความรู้ที่เรียนมาจะให้ประโยชน์
คนมีปัญญา ถึงไร้ทรัพย์ ก็ยังดำรงอยู่ได้
ปราชญ์กล่าวว่าปัญญา ประเสริฐสุด
บรรดาความอิ่มทั้งหลาย อิ่มปัญญาประเสริฐสุด
ปัญญาเป็นเครื่องตรวจสอบสิ่งที่ได้เรียนมา
คนเกียจคร้าน ย่อมไม่พบทางแห่งปัญญา
สิ่งที่ควรศึกษา ก็พึงศึกษาเถิด
บรรดาสิ่งที่งอกงามขึ้นมา วิชาความรู้ประเสริฐสุด
ปัญญาช่วยให้รู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์
ความรู้ที่เรียนมา เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา
การใฝ่ใจศึกษา เป็นเครื่องพัฒนาความรู้
พึงเป็นคนชอบไตร่ถามเพื่อหาความรู้
บรรดาสิ่งที่โรยราร่วงหายทั้งหลาย ความไม่รู้หมดไปได้เป็นดีที่สุด
คนมีปัญญาย่อมงอกงาม ดังพืชในนาที่งอกงามด้วยน้ำฝน
อัสดร อาชาไนย สินธพ กุญชร และช้างหลวง ฝึกดีแล้ว ล้วนดีเลิศ แต่คนฝึกตนแล้ว
ประเสริฐยิ่งกว่านั้น
ขึ้นชื่อว่าศิลปวิทยา ไม่ว่าอย่างไหนๆให้ประโยชน์ได้ทั้งนั้น
คนที่สมบูรณ์ด้วยความรู้และความประพฤติ
เป็นผู้ประเสริฐสุดทั้งในหมู่มนุษย์และเทวดา
เล่าเรียนสำเร็จวิทยา ก็ย่อมได้เกียรติ แต่ฝึกอบรมด้วยจริยธรรมแล้วต่างหาก
จึงจะสบสันติสุข
คนเราถึงมีชาติกำเนิดต่ำ แต่หากขยันหมั่นเพียรมีปัญญา ประกอบด้วยอาจาระและศีล
ก็รุ่งเรืองได้เหมือนไฟถึงอยู่ในคืนมืด ก็สว่างไสว
ความใฝ่เรียนสดับ เป็นเครื่องพัฒนาความรู้ ความรู้จากการเรียนสดับนั้น
เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา บุคคลที่อยู่ด้วยปัญญา ก็รู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์
ประโยชน์ที่รู้จักแล้วก็นำสุขมาให้
ถ้าไม่มีพุทธิปัญญา แลมิได้ศึกษาระเบียบวินัย คนทั้งหลายก็จะดำเนินชีวิต
เหมือนดังกระบือบอดในกลางป่า
อันความรู้ ควรเรียนทุกอย่าง ไม่ว่าต่ำ สูง หรือปานกลาง ควรรู้ความหมาย
เข้าใจทั้งหมด แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่าง
วันหนึ่งจะถึงเวลาที่ความรู้นั้นจะนำมาซึ่งประโยชน์
คนมีปัญญา แม้มีปัญหา และถูกผูกมัดอยู่ พอพูดในเรื่องใดก็หลุดได้ในเรื่องนั้น
»
หมวดเบื้องต้น
»
หมวดบุคคล
»
หมวดการศึกษา
»
หมวดวาจา
»
หมวดอดทน
»
หมวดความเพียร
»
หมวดความโกรธ
»
หมวดการชนะ
»
หมวดความประมาท
»
หมวดความไม่ประมาท
»
หมวดตน- ฝึกตน
»
หมวดมิตร
»
หมวดคบหา
»
หมวดสร้างตัว
»
หมวดการปกครอง
»
หมวดสามัคคี
»
หมวดเกื้อกูลสังคม
»
หมวดพบสุข
»
หมวดทาน
»
หมวดศีล
»
หมวดจิต
»
หมวดปัญญา
»
หมวดศรัทธา
»
หมวดบุญ
»
หมวดความสุข
»
หมวดธรรม
»
หมวดกรรม
»
หมวดกิเลส
»
หมวดบาป-เวร
»
หมวดทุกข์-พ้นทุกข์
»
หมวดชีวิต-ความตาย
»
หมวดพิเศษ
*** คัดลอกมาจาก หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต ฉบับสมบูรณ์ โดยธรรมสภาจัดพิมพ์