สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
การเลือกตั้ง
แนวความคิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
1. การเลือกตั้ง
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของระบบการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เพราะ
- เป็นการตัดสินใจของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย
- เป็นการแสดงออกซึ่งเจตนารมณ์ทั่วไปของประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอะไร
2. ทฤษฎีเกี่ยวกับแนวความคิดในการเลือกตั้ง แบ่งออกเป็น 2 แนวความคิด คือ
- การเลือกตั้งเป็นเรื่องของสิทธิ กล่าวคือ ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยมีสิทธิในการเลือกตั้ง สิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่มีผู้ใดเพิกถอนสิทธินี้ได้ ดังนั้น การไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือไม่ จึงเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล
- การเลือกตั้งตั้งเป็นเรื่องของหน้าที่ กล่าวคือ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนโดยส่วนรวม ซึ่งหมายถึงชาติ ฉะนั้น ผู้ที่มีส่วนร่วมในการใช้อำนาจอธิปไตยจึงต้องมีหน้าที่
3. ประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่กำหนดเกณฑ์อายุผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 18
ปีบริบูรณ์แล้ว ประเทศไทยเคยกำหนดไว้ที่ 20 ปีบริบูรณ์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น 18
ปีบริบูรณ์
4. ประเทศทั่วๆ ไปนิยมกำหนดเขตเลือกตั้งเป็นเขตพื้นที่ย่อยๆ
เพื่อความสะดวกในการเลือกตั้ง สำหรับข้อควรคำนึงถึงในการกำหนดเขตเลือกตั้งนั้นมี 3
ประการ ดังนี้
- คำนึงถึงผู้มีสิทธิออกเสียง โดยแบ่งให้เท่าๆ กัน หรือใกล้เคียงกัน
- คำนึงถึงเขตพื้นที่ที่กำหนดโดยธรรมชาติ หรือโดยทางภูมิศาสตร์
- ควรมีการทบทวนการแบ่งเขตเลือกตั้งอยู่เสมอ
5. การกำหนดเขตเลือกตั้ง อาจทำได้ 2 วิธี คือ
- แบบแบ่งเขต หมายถึง การแบ่งเขตพื้นที่ทางการปกครองออกเป็นเขตๆ
แต่ละเขตจะมีผู้แทนได้ 1 คน โดยถือเกณฑ์ประชาชน 150,000 200,000 คน
ต่อผู้แทนราษฎร 1 คน ประชาชนในแต่ละเขตมีสิทธิเลือกผู้แทนได้เพียงคนเดียว (One
Man One Vote)
- แบบรวมเขต หมายถึง การถือเอาเขตพื้นที่ทางการปกครองเป็นเขตเลือกตั้งเขตหนึ่ง ประชาชนในเขตเลือกตั้งนั้นมีสิทธิเลือกผู้แทนของตนตามจำนวนผู้แทนที่จะมีได้ในเขตนั้น (One Man Several Vote)
6. สถานภาพของผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรนั้น
ในปัจจุบันทุกประเทศถือว่า ผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนของปวงชนทั้งประเทศ
วิธีและระบบการเลือกตั้ง
1. วิธีการเลือกตั้ง แบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ
- การเลือกตั้งโดยตรง (Direct Election) เป็นวิธีการเลือกตั้งที่ให้ประชาชนได้ออกเสียงลงคะแนนผู้สมัครรับเลือกตั้งโดยตรง
- การเลือกตั้งโดยอ้อม (Indirect Election) เป็นการเลือกตั้งโดยประชาชนผู้ออกเสียงลงคะแนนเสียงเพื่อเลือกคณะบุคคลขึ้นคณะหนึ่ง แล้วบุคคลคณะนี้จะไปเลือกตั้งผู้แทนราษฎรอีกต่อหนึ่ง
2. ระบบการเลือกตั้ง แบ่งออกเป็น 2 ระบบ คือ
- การเลือกตั้งแบบคะแนนเสียงข้างมาก (Majority Electoral System)
โดยถือว่าผู้ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้ง
ซึ่งระบบนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
- ระบบการเลือกตั้งแบบคะแนนเสียงข้างมากรอบเดียว โดยถือว่าผู้ได้คะแนนเสียงสูงสุดเป็น ผู้ชนะการเลือกตั้ง ระบบนี้ใช้อยู่ในประเทศอังกฤษ และประเทศในเครือจักรภพ
- การเลือกตั้งแบบคะแนนเสียงข้างมากสองรอบ โดยถือว่าผลการเลือกตั้งรอบแรก ถ้าผู้ใดได้ คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของคะแนนเสียงทั้งหมด ผู้นั้นจะได้รับเลือกตั้งเลย แต่หากคะแนน เสียงรอบแรกไม่มีผู้ได้เกินกึ่งหนึ่ง ก็ต้องมีการลงคะแนนเสียงรอบที่สอง ผู้ใดได้คะแนนเสียง สูงสุด ผู้นั้นชนะการเลือกตั้ง ระบบนี้ใช้อยู่ในฝรั่งเศส - ระบบการเลือกตั้งแบบมีตัวแทนตามสัดส่วนของคะแนนเสียง ปัจจุบันประเทศต่างๆ ในแถบยุโรปตะวันตกใช้ระบบการเลือกตั้งนี้ ซึ่งการคิดสัดส่วนของคะแนนเสียงระบบนี้มีสูตรและวิธีคิดที่แตกต่างกัน จึงยากที่จะรวบรวมมาเป็นหลักเกณฑ์ได้
3. ระบบการเลือกตั้งในประเทศญี่ปุ่นนั้น แตกต่างไปจากระบบการเลือกตั้งทั้งสองระบบ กล่าวคือ
- ญี่ปุ่นกำหนดเขตเลือกตั้งให้ผู้แทนราษฎรได้หลายคนในแต่ละเขตเลือกตั้ง
- การออกเสียงเลือกตั้งนั้นผู้ออกเสียงเลือกตั้งจะเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งได้เพียงคนเดียว
- ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดจะเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง
4. มีข้อสังเกตเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง คือ
- ระบบการเลือกตั้งแบบคะแนนเสียงข้างมาก เอื้ออำนวยให้เกิดระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค
- ระบบการเลือกตั้งแบบมีตัวแทนตามสัดส่วนของคะแนนเสียง เอื้ออำนวยให้เกิดระบบพรรคการเมือง แบบหลายพรรค
การเลือกตั้งในประเทศไทย
1. การเลือกตั้งในอดีตที่ผ่านมาของประเทศไทย
- มีทั้งการเลือกตั้งโดยทางตรงและโดยทางอ้อม
- การกำหนดเขตเลือกตั้งก็เคยใช้ทั้งวิธีแบบแบ่งเขต แบบรวมเขต และแบบผสม
- ระบบการเลือกตั้งเป็นแบบเสียงข้างมากรอบเดียว
2. ประเทศไทยมีการเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 13 ครั้ง (นับถึงเดือนเมษายน 2522) ดังนี้
- การเลือกตั้งครั้งแรก (ทั่วไป) 15 พฤศจิกายน 2476 ทางอ้อม / ถือเขตจังหวัด
- การเลือกตั้งครั้งที่ 2 (ทั่วไป) 7 พฤศจิกายน 2480 ทางตรง / แบ่งเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 3 (ทั่วไป) 12 พฤศจิกายน 2481 ทางตรง / แบ่งเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 4 (ทั่วไป) 6 มกราคม 2489 ทางตรง / แบ่งเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 5 (การเลือกตั้งเพิ่ม) 5 สิงหาคม 2489 ทางตรง / แบ่งเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 6 (ทั่วไป) 29 มกราคม 2491 ทางตรง / รวมเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 7 (การเลือกตั้งเพิ่ม) 5 มิถุนายน 2492 ทางตรง / รวมเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 8 (ทั่วไป) 26 กุมภาพันธ์ 2495 ทางตรง / รวมเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 9 (ทั่วไป) 26 กุมภาพันธ์ 2500 ทางตรง / รวมเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 10 (ทั่วไป) 15 ธันวาคม 2500 ทางตรง / รวมเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 11 (ทั่วไป) 10 กุมภาพันธ์ 2512 ทางตรง / รวมเขต
- การเลือกตั้งครั้งที่ 12 (ทั่วไป) 26 มกราคม 2418 ทางตรง / แบบผสม
- การเลือกตั้งครั้งที่ 13 (ทั่วไป) 22 เมษายน 2522 ทางตรง / แบบผสม
3. ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งในประเทศไทยทั้ง 13 ครั้ง ดังนี้
- วิธีการเลือกตั้งเกือบทั้งหมดเป็นวิธีการเลือกตั้งโดยทางตรง ยกเว้นครั้งแรกโดยทางอ้อม
- เป็นการเลือกตั้งทั่วไป 11 ครั้ง และการเลือกตั้งเพิ่ม 2 ครั้ง
- การกำหนดเขตเลือกตั้ง
- แบบแบ่งเขต ได้แก่ ครั้งที่ 2, 3, 4, 5
- แบบรวมเขต ได้แก่ ครั้งที่ 1, 6, 7, 8, 9, 10, 11
- แบบผสม ได้แก่ ครั้งที่ 12, 13
4. ปัญหาและอุปสรรคในการเลือกตั้งในประเทศไทย สรุปได้ 3 ประการ คือ
- ความเข้าใจของประชาชนในสิทธิและหน้าที่ทางการเมือง
- ความเข้าใจของประชาชนที่มีอยู่ต่อความสำคัญขององค์กรนิติบัญญัติไม่เพียงพอ
- บทบาทและภาพพจน์ขององค์กรนิติบัญญัติต่อศรัทธาของประชาชน
» พัฒนาการของกฎหมายมหาชนในประเทศภาคพื้นยุโรป
» พัฒนาการของกฎหมายมหาชนในประเทศคอมมอนลอว์
» พัฒนาการของกฎหมายมหาชนในประเทศไทย
» บทบาทของนักปรัชญาในการพัฒนากฎหมายมหาชน
» นักปรัชญาสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
» นักปรัชญาหลังสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา
» วิวัฒนาการแนวความคิดเรื่องกำเนิดของรัฐ
» รูปของรัฐและรูปแบบของประมุขของรัฐ
» วิวัฒนาการระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย