สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

การเดินทางท่องเที่ยว

การเดินทางในสมัยโบราณ
การเดินทางในสมัยกลาง
การเดินทางเพื่อทำสงครามครูเสด
การเดินทางเพื่อจาริกแสวงบุญ
การเดินทางในยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ
การเดินทางในสมัยใหม่
การท่องเที่ยวในประเทศไทย
อนุสาร อ.ส.ท.
การทำงานท่องเที่ยว
ปีท่องเที่ยวไทย
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน
วิวัฒนาการการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

ปีพ.ศ.2530 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ประกาศเป็นปีท่องเที่ยวไทย ทำให้ในปีนี้มีการจัดทำโครงการพิเศษ ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวร่วมกัน ทั้ง ททท. เอง ตลอดจนภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ ที่เข้ามาร่วมสนับสนุนมากมาย การประกาศปีท่องเที่ยว หรือ Visit Thailand Year นี้ ได้ก่อให้เกิดกระแสนิยมที่ไหลตามกัน เป็นการประกาศปีท่องเที่ยวของจังหวัด อำเภอ และแม้กระทั่งประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงติดตามกันต่อมาอีกมากมาย ประสบความสำเร็จบ้าง ไม่ประสบความสำเร็จบ้างในจุลสารการท่องเที่ยว ฉบับตุลาคม – ธันวาคม 2540 ระบุว่า พ.ศ.2530 – 2435 รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับ 1 แต่ก็เกิดผลกระทบเชิงลบจากสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งกระจายในพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างถ้วนทั่ว อันเป็นที่มาของการศึกษาวิจัยเรื่องEcotourism

นั่นคือการปรากฏขึ้นครั้งแรกของคำว่า “Ecotourism” ในประเทศไทยก็ว่าได้ ขณะนั้นเอง หลายคนถึงกับกล่าวว่า “การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นทางออกหรือทางรอดเพียงทางเดียวที่จะนำพาให้การท่องเที่ยวเกิดความยั่งยืนได้” หลายฝ่ายใน ททท. มีการขานรับความคิดนี้ในวงกว้าง มีการจัดตั้งมูลนิธิพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว (พ.ส.ท.) กลางปี พ.ศ. 2535 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อดำเนินกิจกรรมอันเนื่องด้วยการพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรการท่องเที่ยว เกิดสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สอท.) องค์กรเอกชนที่ก่อตั้งโดยกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว มีหน้าโฆษณากลุ่มบริษัทท่องเที่ยวที่ให้บริการแนวนี้แยกออกมาโดยเฉพาะ 1 หน้าในอนุสาร อ.ส.ท.

ขณะเดียวกันการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวก็ขยายไปสู่ลุ่มน้ำโขง ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2536 ขณะที่รัฐบาลในสมัยนั้นเปิดนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ในส่วนของ ททท. ก็ได้เตรียมการร่วมเฉลิมฉลองการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และนับจากตรงนี้เป็นต้นไปที่ทำให้เกิดโครงการในลักษณะเปิดประตูสู่อินโดจีน และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขึ้นอีกหลายรายการด้วยกัน เช่น นโยบายสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ และหกเหลี่ยมเศรษฐกิจ เป็นต้น



คุณเสรี วังส์ไพจิตร (ผู้ว่าการ ททท. พ.ศ. 2537 - 2542) ให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ ททท. ในอนุสาร อ.ส.ท. ฉบับสิงหาคม 2537 ว่า “เราจะต้องไม่คำนึงถึงจำนวนนักท่องเที่ยวมากจนลืมความสำคัญของทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว ถ้าต้องการการพัฒนาระยะยาว ก็ต้องให้ความสำคัญต่อคุณภาพของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

เป้าหมายนี้นำมาสู่นโยบายและแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Ecotourism) (ปี พ.ศ. 2538 - 2539) โดยให้คำจำกัดความของ Ecotourism หรือการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ว่า หมายถึงการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใดแห่งหนึ่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา ชื่นชม และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพ สภาพธรรมชาติ สภาพสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น บนพื้นฐานของความรู้และความรับผิดชอบต่อระบบนิเวศ จากแนวความคิดดังกล่าวไปสู่การท่องเที่ยวอย่าง“ยั่งยืน” ดูจะเป็นเป้าหมายรวมของการแก้ไขปัญหาในเรื่องการท่องเที่ยวที่ดูดีที่สุด ทั้งในเรื่องแนวคิดและหลักการ ซึ่งทาง ททท. เองก็ได้เรียนรับปรับใช้ และได้ส่งเสริมให้แต่ละชุมชนเจ้าของพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวก้าวเดินไปร่วมกัน การหันกลับมามองถึงปัจจัยพื้นฐานว่าตัวเรามีอะไรที่มีค่ามากที่สุด คำตอบที่เห็นได้ชัดนอกจากธรรมชาติอันหลากหลายที่โอบล้อมอยู่ ก็หนีไม่พ้นเรื่องราวของความเป็นอยู่เฉพาะ ซึ่งจะกล่าวกันอย่างกว้างก็คือประเพณี ความเป็นอยู่ และศิลปวัฒนธรรมที่หล่อหลอมจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นเฉพาะตน “โลกมันเปลี่ยน เราเองก็ต้องเดินตาม เมื่อเห็นว่ามันเหมาะควรกับบ้านเรา และเป็นทางพัฒนาที่เกิดประโยชน์ เราเองก็พร้อมจะเรียนรู้”

กระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืนของโลกเมื่อครั้งมีการประชุมสุดยอดสิ่งแวดล้อมโลก หรือ “Earth Summit” เมื่อปี พ.ศ. 2535 ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล มีส่วนผลักดันให้ทั่วโลกเกิดกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม่เฉพาะในเรื่องของการดูแลโลก แต่ยังหมายย่อยถึงเรื่องของการท่องเที่ยวอันเป็นทิศทางที่แทบทุกประเทศมุ่งเน้นที่จะพัฒนา

กระแสการพัฒนาการท่องเที่ยวจึงมุ่งเน้นไปที่ 3 ข้อหลัก คือ

  1. กระแสความต้องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ

  2. กระแสความต้องการในด้านการศึกษาเรียนรู้

  3. กระแสความต้องการพัฒนาคน

จากกระแสพัฒนาดังกล่าว มีผลต่อการปรับตัวของระบบการท่องเที่ยวบ้านเรา “เราเริ่มหันมาหา Ecotourism กันเป็นหลัก เรียกว่าตอนนั้นในบ้านเราเกิดเป็นกระแสท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ บางคนก็นิยามว่าเป็นท่องเที่ยวเชิงนิเวศ หลากหลายคำ” ซึ่งนิยามทั้งหมดทั้งมวลล้วนหมายถึงการที่เราจะเริ่มหันมาใส่ใจกับคนทั้งประเทศ ไม่มีการแยกนักท่องเที่ยวกับเจ้าของพื้นที่ออกเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย