ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม

หอพระไตร

» พระวินัยปิฎก

» พระสุตตันตปิฎก

» พระอภิธรรมปิฎก

» พระสูตร

พระไตรปิฎกฉบับประชาชน

พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔

ขุททกนิกาย อุปทาน

๖.พุทธาปทาน (ข้ออ้างหรือประวัติของพระพุทธเจ้า)

( ในที่นี้จะนำพุทธาปทานอีกบทหนึ่ง ซึ่งอยู่ในหน้าพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖ หน้าพระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๖ อันมีชื่อว่าปุพพกัมมปิโลติกะ ( ท่อนผ้าเก่าแห่งบุพพกรรม ) ส่วนใหญ่แสดงถึงกรรมชั่วที่พระผู้มีพระภาคเคยทรงทำไว้อันส่งผลร้ายแก่พระองค์ แม้ในพระชาติ สุดท้าย ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ ในการเปิดเผยพระประวัติทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่วอย่างตรงไปตรงมา ว่าเคยทรงทำไว้ทั้งกรรมดีกรรม ชั่ว เฉพาะเรื่องนี้ จะพยายามถอกความให้ละเอียดเพื่อเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้สนใจทั่วไป).

เรื่องเล่าว่า พระผู้มีพระภาคอันพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่แวดล้อม ประทับเหนือพื้นศิลาอันน่า รื่นรมย์ใกล้พระอโนดาด ตรัสเล่าบุพพกรรม ( กรรมในกาลก่อน ) ของพระองค์ ดังนี้.

" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้ทำไว้แล้ว เราเห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูป หนึ่ง จึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า ในกาลนั้นเราได้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จแม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า. "

" เราเคยเป็นนายโคบาลในชาติก่อน ๆ ต้อนแม่โคไปสู่ที่หากิน เห็นแม่โคดื่มน้ำขุ่นจึงห้ามไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในภพสุดท้ายนี้ เรากระหายน้ำ จึงไม่ได้ดื่มตามต้องการ ( ใช้พระอานนท์ไปตักน้ำ พระอานนท์ไม่ตัก กลับมากราบทูลว่า น้ำขุ่น ต้องตรัสย้ำให้ไปใหม่ พอพระอานนท์ไปตักครั้งที่ ๒ น้ำกลับใส-มหาปรินิพพาน-สูตร ).

" เราเคยเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภิ ผู้มิได้ประทุษร้าย ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมากด้วย กรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ( คือนางสุนทริกาเป็นนักบวชหญิงถูกพวกเดียรถีย์ ใช้ให้ทำเป็นบอกใครต่อใครว่าจะไปค้างคืนกับพระสมณโคดม แล้วไปค้างเสียที่อื่น รุ่งเช้าก็ทำเป็นเดินทางมาจากเชตวนารามที่ ประทับ พออีก ๒-๓ วัน พวกเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงไปฆ่านางสุนทริกาเป็นเชิงให้เห็นว่านางถูกฆ่า เพื่อจะปิดปาก คนก็สงสัยว่า อาจจะจริง แต่พระราชาส่งราชบุรุษสืบดูตามร้านสุรา ก็จับพวกนักเลงได้ และลงโทษผู้จ้างด้วยในที่สุด ).

" เพราะกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้า มีนามว่านันทะ เราจึงท่องเที่ยวไป ในนรก ตลอดกาลนานหลายหมื่นปี เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์ถูกใส่ความมาก. ด้วยกรรมที่เหลือนั้น นางจิญจมาณวิกา จึงได้ใส่ ความเราด้วยคำไม่จริงต่อหน้าหมู่ชน ( นางจิญจมาณวิกาซึ่งเป็นนักบวชสตรี ถูกพวกเดียรถีย์ใช้ให้ทำอุบายเป็นว่ามีครรภ์กับพระ พุทธเจ้า โดยเอาไม้ผูกไว้ที่ท้อง แกล้งด่าประจานพระผู้มีพระภาคในที่ประชุมชน แต่เผอิญไม้ที่ผูกไว้หลุดตกลงมา จึงถูกประชา ทัณฑ์ และถึงแก่ความตายในที่สุด ซึค่งอรรถกถาธรรมบทใช้คำว่า ถูกธรณีสูบตาย ภายหลังที่ถูกประชาชนลงโทษแล้ว ).

" เราได้เคยเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ ( ผู้ได้สดับ ) มีผู้เคารพสักการะ สอนมนต์แก่มาณพ ๕๐๐ ได้ใส่ความภิมฤษีผู้มีอภิญญา ๕ มีฤทธิ์มาก ผู้มาในที่นั้น โดยกล่าวกะศิษย์ทั้งหลายว่า ฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มาณพทั้งหลาย ก็พลอยชื่นชมไปกับเรา เมื่อไปภิกขาจารในสกุลก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่า ฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม. ด้วยผลของกรรมนั้น ภิกษุ ๕๐๐ เหล่านี้ ทั้งหมด ก็พลอยถูกใส่ความไปด้วยเพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ( เมื่อมีข่าวว่านางสุนทริกาถูกฆ่าตาย ชาวเมืองก็ เข้าใจว่า พระภิกษุทั้งหลายมีส่วนในการฆ่าปิดปาก จึงพากันด่าว่าเมื่อแลเห็นภิกษุทั้งหลาย.

เมื่อพระราชาทรงสืบทราบและให้ลง โทษผู้ฆ่าแล้ว เรื่องจึงได้สงบ ).

" ในกาลก่อน เราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดาเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงไปในซอกเขา เอา หินทุ่ม ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เทวทัตจึงเอาหินทุ่มเรา สะเก็ดหินมาถูกหัวแม่เท้าเรา.

" ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยฅู่ในทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเผาสิ่งต่าง ๆ ขวาง ทางไว้ ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ในภพสุดท้ายนี้ เทวทัตจึงส่งคนเพื่อให้ฆ่าเรา.

"ในกาลก่อนเราได้เป็นนายควาญช้าง ไสช้างให้ไล่กวดพระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้เที่ยวไปเพื่อ บิณฑบาต ด้วยผลแห่งกรรมนั้น ช้างนาฬาคิริ ดุร้าย เมามัน จึงวิ่งเข้ามาหาเรา ( เพื่อทำร้าย ) ในนครอันประเสริฐ ซึ่งมีภูเขาเป็น คอก ( คือในกรุงราชคฤห์ ซึ่งมีภูเขา ๕ ลูกแวดล้อม จึงมีนามว่านครที่มีภูเขาล้อมเป็นคอก ),

"เราได้เคยเป็นพระราชา เป็นหัวหน้าทหารเดินเท้า ได้ฆ่าบุรุษหลายคนด้วยหอก ด้วยผลแห่ง กรรมนั้น เราได้หมกไหม้อย่างหนักในนรก ด้วยผลที่เหลือแห่งกรรมนั้น สะเก็ดแผลที่เท้าของเราก็กลับกำเริบ เพราะกรรมยังไม่ หมด.

"เราเคยเป็นเด็กชาวประมง ในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลาก็มีความชื่นชม ด้วย ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดเจ็บที่ศรีษะ ในขณะที่วิฏฏภะ ( วิฑูฑภะ ) ฆ่าพวกศากยะ ( วิฑูฑภะฆ่าพวกศากยะ เพราะโกรธว่า ดูหมิ่นเอาน้ำนมสดล้างที่นั่ง เมื่อคราวที่ตนไปเยี่ยมญาติ ณ กรุงกบิลพัสดุ์. วิฑูฑภะเป็นโอรสพระเจ้าปเสนทิโกศล และนาง วาสภขัตติยาผู้เป็นบุตรี เกิดจากนางทาสีของมหานามศากยะ. คณะกษัตริย์ศากยะเลือกส่งมาถวายพระเจ้าปเสนทิเมื่อคราวทรงขอ อภิเสกกับนางกษัตริย์ศากยะ ).

"เราได้เคยบริภาษ ( ด่าโดยอ้อม ) พระสาวกในพระธรรมวินัยของพระผุสสพุทธเจ้าว่า ท่านจง เคี้ยวจงกินข้าวเหนียวเถิด อย่ากินข้าวสาลีเลย. ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราเลยต้องบริโภคข้าวเหนียวอยู่ ๓ เดือน ในเมื่อพราหมณ์ นิมนต์ไปอยู่ในเมืองเวรัญชรา ( พราหมณ์นิมนต์ไปจำพรรษาแล้วลืมถวายอาหาร ได้อาศัยพวกพ่อค้าม้าถวายข้าวแดง อาจเป็นข้าว เหนียวแดงที่สำหรับให้ม้ากิน ).

"ในสมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้า เราได้เคยทำร้ายบุตรแห่งนักมวยปล้ำ ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดเจ็บที่หลัง.

"เราได้เคยเป็นหมอ ( แกล้ง ) ถ่ายยาบุตรแห่งเศรษฐี ( คงเป็นการถ่ายอย่างแรงถึงแก่ชีวิต ). ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงลงโลหิต ( โรคปักขันทิกะ ).

"เราเป็นผู้ชื่อว่าโชติปาละ ได้เคยกล่าวกะพระสุตตพระรามนามว่ากัสสปะ การตรัสรู้เป็นของได้ โดยยาก ท่านจะได้จากควงไม้โพธิที่ไหนกัน. ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกกรกิริยาเป็นอันมากสิ้นเวลา ๖ ปี ต่อจาก นั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยทางนั้น ได้แสวงหาโดยทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา.

"เราสิ้นบุญและบาปแล้ว เว้นแล้วจากความเดือดร้อนทั้งปวง ไม่มีความโศก ไม่มีความคับ แค้น ปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน. "

( เป็นอันว่าได้แสดงตัวอย่างในอปทาน พอให้ท่านผู้อ่านได้เห็นว่า มีรายละเอียดอย่างไร ).

จบพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ ชื่อขุททกนิกาย อปทาน ภาคที่ ๑

<< ย้อนกลับ || หน้าถัดไป >>

- พุทธาปทาน (ข้ออ้างหรือประวัติของพระพุทธเจ้า)
- ปัจเจกพุทธาปทาน (ข้ออ้างของพระปัจเจกพุทธเจ้า)
- สาริปุตตเถราปทาน (ข้ออ้างของพระสาริบุตร)
- มหาโมคคัลลานเถราปทาน (ข้ออ้างหรือประวัติของพระมหาโมคคัลลาเถระ)
- มหากัสสปเถราปทาน (ข้ออ้างหรือประวัติของพระมหากัสสปเถระ)
- พุทธาปทาน (ข้ออ้างหรือประวัติของพระพุทธเจ้า)


» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๑

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔

» พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย