ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม
» พระสูตร
พระไตรปิฎกฉบับประชาชน
เล่มที่ ๒๔
ชื่ออังคุตตรนิกาย
ทสก-เอกาทสนิบาต
ทสกนิบาต ชุมนุมธรรมะที่มี ๑๐ ข้อ
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒
๒. ตรัสว่า ที่สุดเบื้องต้นของอวิชชาไม่ปรากฏ
ว่า ก่อนหน้านี้ไม่มีอวิชชา อวิชชามามีขึ้นในภายหลัง แต่ก็ปรากฏขึ้นเพราะมีปัจจัย เรากล่าวว่า อวิชชามีอาหาร นีวรณ์ ๕ เป็นอาหาร ของอวิชชา.
ครั้นแล้วได้ตรัสแสดงธรรมะอื่น ๆ ที่เป็นอาหารของนีวรณ์ และของสิ่งที่เป็นอาหารของนีวรณ์ต่อ ๆ ไปอีกเป็นลูกโซ่ คือทุจจริต ๓, การไม่สำรวมอินทรีย์, การไม่มีสติสัมปชัญญะ, การไม่ใส่ใจโดยแยบคาย, ความเป็นผู้ไม่มีศรัทธา, การไม่ฟังธรรม, การไม่คบสัตบุรุษ, ฝ่ายดีคือวิชชาวิมุติ มีโพชฌงค์ ๗ เป็นอาหาร, โพชฌงค์ ๗ มีสติปัฏฐาน ๔ เป็นอาหาร
โดยนัยนี้ได้แสดงสุจริต ๓ อินทรียสังวร, โยนิโสมน- สิการ จนถึงการคบสัตบุรุษว่า เป็นอาหารของธรรมะที่มาข้างหน้าตนโดยลำดับ.
ตรัสเรื่องที่สุดเบื้องต้นของภวตัณหา ( ความทะยานอยากในความมีความเป็น ) ในทำนองเดียวกับอวิชชา. ฝ่ายดีเริ่มต้นด้วยวิชชาวิมุติเช่นเดิม.
ตรัสว่า ผู้ถึงความตกลงใจ ( หมดความสงสัย ) ในพระองค์ ชื่อว่าผู้สมบูรณ์ด้วย ทิฏฐิ มี ๕ พวกที่ปรินิพพานในโลกนี้ คือพระโสดาบันพวกเกิด ๗ ชาติเป็นอย่างยิ่ง, พวกเกิดจากสกุลสู่สกุล ( เกิด ๒-๓ ชาติ ), พวกเกิด ชาติเดียว, พระสกทาคามี, ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ในปัจจุบัน, มี ๕ พวก ละโลกนี้ไปแล้วจึงนิพพาน คือพระอนาคามี ๕ ประเภท ( ดูหน้า พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๒ หน้า ๔ ) ทุติยปัณณสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒.ในหมายเลข ๔
ตรัสแสดงผู้เลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระองค์ว่า เป็นโสดาบัน และแบ่งเป็น ๕ พวก ๒ ประเภทเช่นข้างต้น.
พระสาริบุตร ตอบคำถามของสามัณฑกานิปริพพาชกบุตร ว่า ความเกิดเป็น ทุกข์ ความไม่เกิดเป็นสุข ที่ว่าเป็นทุกข์เพราะ หวังได้ถึงทุกข์ อื่น ๆ คือ เย็น, ร้อน, หิว, ระหาย, ปวดอุจจาระ ปัสสาวะ เป็นต้น. และได้ แสดงถึงความไม่ยินดี ( อนภิรตี ) ว่า เป็นทุกข์ในพระธรรมวินัยนี้ ส่วนความยินดี ( พอใจตามมีตามได้ ) เป็นสุขในพระธรรมวินัยนี้.
พระผู้มีพระภาคตรัสสั่งให้พระสาริบุตรแสดงธรรมแทน พระองค์ทรงพักผ่อน พระสาริบุตรได้แสดงถึงว่า ถ้าไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม ก็จะไม่มีหิริและธรรมะข้อต่อ ๆ ไปโดยลำดับ คือโอตตัปปะ, วิริยะ, ปัญญา, ทำให้มีความเสื่อมในกุศลธรรม : ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลผู้ไม่มีศรัทธา, ไม่ละอาย, ไม่เกรงกลัวต่อบาป, เกรียจคร้าน, มีปัญญาทราม, มักโกรธ, ผูกโกรธ, มีความปรารถนาลามก, คบคนชั่วเป็นมิตร, มีความเห็นผิด ฝ่ายดีคือตรงกันข้าม. พระผู้มีพระภาคตรัสรับรองและชมเชย.
พระสาริบุตรสอนภิกษุทั้งหลาย คล้ายกับที่กล่าวไว้แล้ว เป็นแต่ยักย้ายใน เล็กน้อย.
ตรัสสอนให้พูดอิงอาศัยกถาวัตถุ ( เรื่องที่ควรพูด ) ๑๐ ประการ คือ ถ้อยคำเรื่องมักน้อย, สันโดษ, สงัด, ไม่คลุกคลี, ปรารภความเพียร, ศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุตติ, วิมุตติญาณทัสสนะ.
- ตรัสว่า ถ้าภิกษุไม่ฉลาดในเรื่องจิตของคนอื่น
ก็ควรฉลาดในเรื่องจิตของตน
- ตรัสว่า ที่สุดเบื้องต้นของอวิชชาไม่ปรากฏ
- ตรัสสอนให้สมบูรณ์ด้วยศีล สมบูรณ์ด้วยปาฏิโมกข์
- ตรัสว่า พระตถาคตพ้นจากธรรม ๑๐ อย่าง
- ตรัสแสดงถึงผู้บริโภคกาม ๑๐ ประการ
ปฐมปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๑
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒
ตติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๓
จตุตถปัณณาสถ์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
ปัญจมปัณณาสถ์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
เอกาทสกนิบาต
พระสูตรนอกหมวด ๕๐