ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม
» พระสูตร
พระไตรปิฎกฉบับประชาชน
เล่มที่ ๒๒
จตุตถปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
๕.ตรัสแสดงธรรมเก่าแก่ของพราหมณ์ ๕ ประการ
ซึ่งในบัดนี้ไม่ ปรากฏในพราหมณ์ คือ
๑. พราหมณ์ย่อมอยู่ร่วมกับพราหมณี ไม่อยู่ร่วมกับคนที่มิใช่พราหมณี
๒. พราหมณ์ย่อมอยู่ร่วมกับพราหมณี ผู้มีระดู ไม่อยู่ร่วมกับพราหมณีผู้ไม่มีระดู ( ยังเด็กเกินไป ถือความสมควรเมื่อมีระดูแล้ว คือสามารถมีบุตรได้ )
๓. พราหมณ์ย่อมไม่ซื้อ ขายพราหมณี ย่อมอยู่ร่วมกันด้วยความรักใคร่ สัมพันธ์กัน
๔. พราหมณ์ย่อมไม่สะสมทรัพย์ ข้าวเปลือก ทองเงิน
๕. พราหมณ์ย่อม หาอาหารเย็นกินเย็น หาอาหารเช้ากินเช้า ( ถือการภิกขาจารไม่สะสมหรือขอเอาไว้กินในมื้ออื่น ).
ตรัสแสดงธรรมแก่โทณพราหมณ์ เรื่องคุณธรรมของพราหมณ์ในทางที่ เนื่องด้วยการอบรมจิต.
ตรัสแสดงธรรมแก่สังคารวพราหมณ์ เรื่องคุณธรรมที่ทำให้มนต์แม้ที่ไป ท่องบ่น ยังคงแจ่มแจ้งอยู่ตลอดกาลนาน โดยชี้ไปที่การทำให้จิตปราศจากนีวนณ์ ๕ ( เฉพาะข้อ ๑ ทรงใช้คำว่า กามราคะ แทนคำว่า กามฉันท์๑.( นิวรณ์ ๕ อย่างล้วนเป็นอกุศลราศี คือ :-
๑. กามฉันท์ ความพอใจในกาม
๒. พยาบาท ความคิดปองร้าย
๓. ถีนมิทธะ ความหดหู่ง่วงงุน
๔. อุทธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งสร้านรำคาญใจ
๕. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย )
๒. ( พึงสังเกตว่า ในที่นี้ ไม่ใช้คำว่า กามฉันท์ ความพอใจในกาม แต่ใช้ อภิชฌา แทน )
๓. ( นิวรณ์คือกิเลสอันกั้นจิตให้บรรลุความดี โดยปกติแสดงว่ากามฉันท์ความพอใจเป็นข้อแรก บางแห่งก็ใช้คำว่าอภิชฌา ( ความเพ่งเล็งหรือโลภ ) ในที่นี้ใช้อภิชฌาวิสมโลภ ( โลภขนาดรุนแรง ) เป็นข้อแรก )
พราหมณ์ชื่อการณปาลี ถามพราหมณ์ชื่อปิงคิยานีถึงคุณงามความดีของ ของพระพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังคำอธิบายก็เลื่อมใส แสดงตนเป็นอุบาสก.
ตรัสแสดงความปรากฏแห่งรัตนะ ๕ ที่หาได้ยากแก่เจ้าลิจฉวี มีความ ปรากฏแห่งพระพุทธเจ้า เป็นต้น.
ตรัสแสดงความฝันเรื่องใหญ่ ( มหาสุบิน ) ๕ ประการ ก่อนที่จะตรัสรู้ คือ
๑. ทรงฝันว่ามีมหาปฐพีเป็นที่บรรทม มีขุนเขาหิมพานต์เป็นหมอน, พระหัตถ์ซ้ายขวาพาดมหาสมุทรด้านตะวันออกตะวันตก พระบาททั้งคู่พาดมหาสมุทรด้านใต้
๒. ทรงฝันว่ามีหญ้าชื่อติริยา เกิดขึ้นจากพระนาภี สูง ขึ้นไปจดท้องฟ้า
๓. ทรงฝันว่ามีหนอนสีขาวมีหัวดำไต่ขึ้นมาจากพระบาทปกคลุมจนถึงชานุมณฑล ( บริเวณเข่า )
๔. ทรงฝันว่ามีนก ๔ ชนิดมีสีต่าง ๆ มาจาก ๔ ทิศ ตกลงมาแทบบาทมูลแล้วกลายเป็นสีขาวทั้งหมด
๕. ทรงฝันว่าทรงเดินไปมาบนภูเขาอุจจาระลูกใหญ่ แต่ไม่เปื้อนอุจจาระ แล้วทรงอธิบายว่า
ข้อ ๑ หมายความว่า จะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ข้อ ๒ หมายความว่าจะได้ตรัสรู้ อริยมรรคมีองค์ ๘ ข้อที่ ๓ หมายความว่า พวกคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาวจะมาถึงพระตถาคตเป็นสรณะตลอดชีวิต ข้อที่ ๔ หมายความว่า วรรณะทั้งสี่มีกษัตริย์ เป็นต้น จะมาบวชในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว และได้ทำให้แจ้งวิมุติอันยอดเยี่ยม ข้อที่ ๕ หมาย ความว่า พระองค์จะได้ลาภปัจจัย ๔ แต่ไม่ติดอยู่ในสิ่งเหล่านั้น. และได้ตรัสแสดงเรื่องอื่น ๆ เช่น
ลักษณะ ๕ ของวาจาสุภาษิต (ซึ่งได้แปลเอาไว้แล้วว่าลักษณะ ๕ ของวาจาสุภาษิต
" ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! วาจาที่ประกอบด้วยองค์ ๕ นับเป็นสุภาษิต ไม่เป็นทุพภาษิต ไม่มีโทษ อันผู้รู้ติไม่ได้ คือ :-
๑ . วาจาที่กล่าว ( ถูกต้อง ) ตามกาล
๒. วาจาที่กล่าว เป็นความจริง
๓ . วาจาที่กล่าว อ่อนหวาน
๔ . วาจาที่กล่าว ประกอบด้วยประโยชน์
๕ . วาจาที่กล่าว ด้วยจิตประกอบด้วยเมตตา. )
และนิสสารณธาตุ ( ธาตุคือความแล่นออก, ได้แก่พ้นไป ) คือการที่จิตของ บุคคลแล่นออกไป ( หรือพ้นไป ) จากกาม ( ความใคร่ ), พยาบาท ( ความคิดปองร้าย ), วิเหสา ( ความคิดเบียดเบียน ). รูป, สักกายะ ( กายของตน ).
-
ตรัสแสดงถึงผู้ฟังธรรมที่ไม่ดีและที่ดี หลายนัย
- ตรัสสอนวิธีนำออกซึ่งความอาฆาต
๕ อย่าง
- ตรัสแสดงอุบาสกผู้ประกอบด้วยศีล
๕ ว่า เป็นผู้ก้าวลงสู่ความแกล้วกล้า ตลอดจน ได้ตรัสถึงการค้าขายที่อุบาสกไม่ควรทำ
- ตรัสแสดงเรื่องภิกษุผู้อยู่ป่า
๕ ประเภท
- ตรัสแสดงธรรมเก่าแก่ของพราหมณ์ ๕ ประการ
ปฐมปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๑
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๓
จตุตถปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๔
ปัญจมปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๕
ฉักกนิบาต ชุมนุมธรรมะที่มี ๖ ข้อ
ทุติยปัณณาสก์ หมวด ๕๐ ที่ ๒
หมวดนอกจาก ๕๐
พระสูตรที่ไม่จัดเข้าวรรค