สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
วานิลา
ชื่อสามัญ : Vanilla
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Vanilla planifolia
ชื่อวงศ์ :
ORCHIDACEAE
วนิลาเป็นพืชไม้เลื้อยอายุหลายปี ลักษณะลำต้นสีเขียวอวบน้ำเลื้อยพันหลัก
มีรากอากาศสำหรับยึดติดบนต้นไม้อื่นหรือไม้หลัก ใบมีลักษณะเรียวรูปไขอวบหนา
ดอกมีสีเหลืองอมเขียวฝักยาว 7 - 22 เซนติเมตร
ภายในฝักมีเมล็ดขนาดเล็กละเอียดสีดำจำนวนมาก
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
วานิลาเจริญดีในป่าเขตร้อนชื้น ปลูกได้ในพื้นที่มีความสูงไม่เกิน 600
เมตรจากระดับน้ำทะเล พื้นที่ปลูกวานิลาควรลาดเทเล้กน้อย น้ำไม่ท่วมถึง ดินร่วนซุย
มีชั้นอินทรีย์วัตถุหนามีฝนตกสม่ำเสมอตลอดปี ต้องการช่วงแล้ง 2 เดือน
สำหรับการออกดอก ปริมาณน้ำฝน 2,000 - 2,500 มิลลิเมตรต่อปี
ต้องการร่มเงาและไม่มีลมพัดแรง
การปลูก
การปลูกวานิลาใช้วิธีปักชำเถาจากต้นแม่ที่แข็งแรงสมบูรณ์ โดยตัดส่วนที่เหลืออยู่เหนือพันดิน 20 - 25 เซนติเมตรเถาควรยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะให้ผลผลิตเร็ว ภายในเวลา 2 ปี ถ้าเถาสั้นจะใช้เวลานานกว่านี้ นำเถามาชำหรือปลูกเลยก็ได้การปลูกต้องยึดติดกับค้างเพื่อให้รากยึดเกาะ ค้างวานิลามีความสูงไม่เกิน 2 เมตร อาจใช้ร่วมเงาจากพืชอื่นเป็นค้างซึ่งต้องมีลำต้นตั้งตรง กิ่งก้านไม่มาก ไม่หักล้มง่าย เช่น แคฝรั่ง ทองหลางระยะระหว่างค้าง 2 เมตร ระหว่างแถว 2.5 - 3 เมตร ปลูก 2 -ต้นต่อหลุม การปลูกปรับปรุงดินด้วยอินทรีย์วัตถุ ริดใบ 2 ข้อล่างออก จัดวางเถาเอียง กลบดินหนาเพียง 2 - 3 เซนติเมตร ส่วนปลายผูกกับค้าง
การดูแลรักษา
ต้นวานิลาต้องการดูแลรักษาสม่ำเสมอ เพื่อจะได้บังคับเถาให้เจริญบนค้างในทิศทางแนวนอนของกิ่งแขนง ซึ่งมีผลต่อการออกดอกของวานิลา หากปล่อยให้เจริญขึ้นข้างบนเรื่อยๆ จะไม่ค่อยออกดอก ควรใช้กิ่งไม้ไผ่เป็นราวให้วานิลาไต่ห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร ไม่ควรใช้ปุ๋ยคอกกับวานิลา แต่ควรคลุมโคนด้วยเศษใบไม้ เศษวัชพืชปีละ 2 - 3 ครั้ง เพื่อกันรากลอยซึ่งจะเน่าสลายเป็นธาตุอาหารที่ดีแก่วานิลาด้วย ปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยทางใบในช่วงที่มีการเจริญทางลำต้น ทำการตัดแต่งทุกปีในช่วงก่อนฤดูออกดอก โดยตัดปลายเถาทิ้งประมาณ 7.5 - 10 เซนติเมตร เพื่อกระตุ้นให้เกิดตาดอกที่มุมใบ ตัดแต่งกิ่งที่แก่ แห้งและไม่สมบูรณ์ทิ้ง
เมื่อวานิลาออกดอกจำเป็นต้องช่วยผสมเกสรมิฉะนั้นจะไม่ติดฝัก ช่วงเวลาที่เหมาะคือ ช่วงเช้า ในต้นเดียวกันควรผสมไม่เกิน 10 - 12 ช่อ เด็ดตาดอกที่เหลือทิ้งเพื่อไม่ให้แย่งอาหารวิธีผสมเกสรโดยใช้ไม้ไผ่แหลม หรือไม้จิ้มฟันด้านแหลมเขี่ยแผ่นบางๆ ที่กั้นระหว่างเกสรตัวผู้กับตัวเมียออกและ ใช้หัวแม่มือบีบเกสรตัวเมียให้ติดกับเกสรผู้เกลี่ยละอองเกสรให้ทั่ว
ศัตรูพืชวานิลาที่สำคัฐได้แก่ โรครากเน่า ป้องกันกำจัดโดยใช้สารเคมี เช่น Methy Benzimidazole Carbomate ราดบริเวณรากพืช โรคเหี่ยว ควรนำต้นที่เป็นโรคไปทำลายทิ้ง กำจัดวัชพืชรอบต้นพืช หลีกเลี่ยงการทำให้รากพืชมีบาดแผล และราดสารเคมีรอบโคนต้นด้วย Bavistin อัตรา 200 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตร
การเก็บเกี่ยวและผลผลิต
วานิลาจะให้ผลผลิตเมื่ออายุ 2 - 3 ปี และให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจนอายุ 7 - 8 ปี ฝักวานิลานับแต่ได้รับการผสมเกสรจนถึงเจริญเต็มที่ใช้เวลาประมาณ 10 เดือน การเก็บเกี่ยวระยะเหมาะสมคือ ฝักเริ่มมีสีเหลืองที่ปลายฝัก หากปล่อยให้ฝักเหลืองจะเริ่มปริแตก หลังเก็บเกี่ยวต้องทำการบ่มฝักวานิลาเพื่อหยุดการเจริญเติบโตของฝัก ชะลอการแห้งให้เป็นไปอย่างช้าๆ และให้เกิดขบวนการที่ทำให้สารวานิลินที่มีกลิ่นหอม วิธีการบ่มน้ำฝักไปจุ่มน้ำอุ่น 63 - 65 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที แล้วทำให้แห้งอย่างรวดเร็ว ห่อด้วยผ้าเก็บไว้ในหีบ จากนั้นนำไปตากแดดโดยรองด้วยตาข่ายสีดำ 6 - 8 วัน แล้วผึ่งในถาดในที่ร่มระบายอากาศดีฝักแห้งที่มีคุฯภาพดีจะขึ้นอยู่กับกระบวนการบ่ม ซึ่งควรมีลักษณะคือ มีความชิ้น 30 - 40 เปอร์เซ็นต์ ฝักยาวตรง สีดำ ฉ่ำน้ำเป็นมันเงาและมีสารวานิลินสูงวานิลาจะให้ผลผลิตฝักสดประมาณ 500 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งมีน้ำหนักฝักเมื่อแห้งแล้งอยู่ในอัตรา 1 : 5
กระวาน
กานพลู
ขมิ้นชัน
จันทน์เทศ
ดีปลี
พริกไทย
มะแข่น
เร่ว
วานิลา
อบเชย
ไทม์
ออริกาโน