สุขภาพ ความงาม อาหารและยา สมุนไพร สาระน่ารู้ >>
เร่ว
ชื่อท้องถิ่น : เร่ว มะอี้ หมากอี้ (เชียงใหม่) ผาลา (แม่ฮ่องสอน) หมากเน็ง
หมากแหน่ง (อีสาน) เร่ว กระวาน กระวานป่า (ปัตตานี)
ชื่อสามัญ : Bastard Cardamon, Tavoy Cardamon
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amomum
xanthioides Wall.
ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE
เร่วเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีการเจริญเติบโตแบบกอ
มีลำต้นทอดเลื้อยอยู่ใต้ดินเรียกว่า เหง้า ซึ่งมีความสูงประมาณ 1 - 4 เมตร
และมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกอประมาณ 1 - 3 เมตร บริเวณกลางจนถึงปลายของลำต้นเทียม
จะมีส่วนของใบเรียงสลับกันก้านใบสั้นมาก
ช่อดอกเกิดจากตาที่อยู่บริเวณเหง้าโคนลำต้นเทียมโดยมีบางส่วนของช่อดอกฝังอยู่ใต้ดิน
ก้านช่อดอกยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ช่อดอกส่วนใหญ่จะมีดอกซึ่งอัดเรียงแน่นประมาณ 15
ดอก ใบประดับหลักทุกใบมีขนาดเท่าๆ กัน และยังคงอยู่ทนจนกระทั่งเป็นผล
ผลเป็นแบบแคปซูลรูปกลมหรือรี ผิวของผลอาจมีขนหนามแหลมหรือเกลี้ยง
ภายในผลมีเมล็ดอยู่เป็นจำนวนมาก
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
เร่วจะพบอยู่ในธรรมชาติในป่าที่มีความชื้นสูง เช่น จันทบุรี กาญจนบุรี
เป็นพืชที่ชอบร่มรำไร อากาศเย็น
มีฝนตกชุกภูมิประเทศเป็นแอ่งหรือหุบเขาในระดับความสูงจากน้ำทะเล 100 - 1,000 เมตร
และชอบดินร่วมซุย
การปลูก
การปลูกเร่วนิยมใช้เหง้าหรือหน่อมากกว่าเราใช้เมล็ดเนื่องจากจะให้ดอกผลที่เร็วกว่า โดยเริ่มปลูกในเดือน มิถุนายน - สิงหาคม การปลูกควรจะปลูกใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ระยะปลูกประมาณ 1 - 2 เมตร ตัดแยกหน่อออกจากต้นเดิม ตัดหน่อนเหลือประมาณ 1 คืบ แล้วนำไปชำหรือปลูกในแปลงปลูก
การดูแลรักษา
ระยะแรกที่ปลูกควรรดน้ำวันละครั้งต่อมาจึงเว้นบ้างแต่ต้องให้ดินและอากาศหรือมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ และดูแลกำจัดวัชพืชด้วย
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยวผลผลิตจะเก็บได้ในปีที่ 4 โดยผลผลิตที่ได้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณความชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผลของเร่วจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือน สิงหาคม - กันยายน เร่วกอหนึ่งอาจให้ดอกประมาณ 20 ช่อ และเมื่อทำให้แห้งจะเหลือประมาณ 30 - 35 กิโลกรัม
กระวาน
กานพลู
ขมิ้นชัน
จันทน์เทศ
ดีปลี
พริกไทย
มะแข่น
เร่ว
วานิลา
อบเชย
ไทม์
ออริกาโน