วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>

ป่าเมี่ยง

ป่าเมี่ยง, สวนเมี่ยง ชา และเมี่ยง
การกระจายของต้นชา
ความเป็นมาของชนกลุ่มที่ปลูกชาเมี่ยง
ป่าเมี่ยง พื้นที่กันชนที่ป้องกันแหล่งต้นน้ำ
การใช้ประโยชน์ที่ดินในหมู่บ้านป่าเมี่ยง
โครงสร้างและความหลากหลายทางชีวภาพของป่าเมี่ยง
ต้นไม้ควบคุมบรรยากาศใกล้ผิวดินในป่าเมี่ยง
ต้นไม้ช่วยควบคุมการหมุนเวียนของธาตุอาหาร
รากของต้นไม้ป่าถ่ายทอดน้ำและธาตุอาหารให้กับรากของต้นชา
บทบาทของพืชต่อการควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน
บทบาทของไม้พื้นล่างต่อการงอกของเมล็ดไม้และการรอดตายของกล้าไม้
การปลูกและผลิตเมี่ยง
ข้อเสนอแนะ
เอกสารอ้างอิง

การกระจายของต้นชา

ชา เป็นพืชที่ขึ้นกระจายอยู่ในธรรมชาติบนพื้นที่ภูเขา ในบริเวณตอนใต้ของที่ราบสูงทิเบต (Weatherstone, 1992) ภูเขาในรัฐอัสสัม ไปจนถึงทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ตามเส้นรุ้งที่ 29 องศาเหนือ ในทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมียนมาร์ บนเส้นแวงที่ 98 องศาตะวันออก จนถึงลุ่มแม่น้ำสาละวิน และกระจายลงไปทางทิศใต้ผ่านรัฐยูนานของจีน รัฐฉานของเมียนมาร์ ทางเหนือของประเทศไทย และทางใต้ของประเทศเวียดนาม (Harler, 1964; Kingdom-Ward, 1950; Weatherstone, 1992)

ชาถูกนำไปปลูกในหลายภูมิภาคของโลก จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของหลายประเทศ อาทิ เช่น อินเดีย, ศรีลังกา, จีน, บังกลาเทศ, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, ใต้หวัน, อิหร่าน และตุรกี (Othieno, 1992; Kingdom-Ward, 1950) ชาถูกนำจากจีนไปปลูกในญี่ปุ่นโดยพระในศาสนาพุทธ (Takeo, 1992) นอกจากนั้น การปลูกชายังกระจายไปสู่แหล่งปลูกที่สำคัญของทวีปอัฟริกา อาทิเช่น ประเทศเคนยา, มาลาวี และแทนซาเนีย (Othieno, 1992; Kingdom-Ward, 1950) และทวีปอเมริกาใต้ อาทิ เช่นประเทศอาเจนตินา และบราซิล (Weatherstone, 1992) โดย Carr (1972) สรุปว่าแหล่งปลูกชาเพื่อการค้ากระจายทางเหนือตรงเส้นรุ้งที่ 42 องศาเหนือในประเทศจอร์เจียของทวีปเอเชีย, ใต้สุดตรงเส้นรุ้งที่ 27 องศาใต้ บริเวณประเทศอาเจนตินา และปลูกในพื้นที่บริเวณระดับน้ำทะเลในประเทศมาเลเชีย และญี่ปุ่น จนถึงระดับที่สูงประมาณ 2,200 เมตรจากน้ำทะเล



ใบชาถูกนำไปเผยแพร่ครั้งแรกในทวีปยุโรปโดยบริษัทของชาวดัทช์ ซึ่งมีความชำนาญในการค้าทางภูมิภาคตะวันออกในยุคล่าอาณานิคม โดยนำไปขายในประเทศเนเธอร์แลนด์ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 17 จากนั้นก็ส่งเข้าไปในประเทศสหราชอาณาจักร (Weatherstone, 1992) ในปัจจุบันชากลายเป็นเครื่องดื่มที่สำคัญทั้งในเอเชีย และ ยุโรป โดยชาที่ปลูกเป็นการค้านั้น เป็นสายพันธุ์ที่ปรับปรุงมาจากสายพันธุ์ดั้งเดิมที่มีอยู่ทั้ง 3 สายพันธุ์อันประกอบด้วย สายพันธุ์จีน ซึ่งมีใบเล็ก และต้นมีลักษณะเป็นพุ่ม สายพันธุ์อัสสัม ซึ่งมีใบใหญ่ และเป็นคลื่น และ สายพันธุ์กัมพูชา ซึ่งมีใบยาว และการวางตัวของใบตั้งขึ้น (Harler, 1964)

ชาที่ใช้ดื่มในปัจจุบันมีกลุ่มใหญ่ 2 กลุ่ม คือ ชาจีน หรือ green tea เป็นใบชาที่ได้จากการนึ่ง แล้วมาทำให้แห้งโดยการอบหรือผึ่งแดด ซึ่งนิยมดื่มโดยชาวจีน และ ญี่ปุ่น (ชาเขียวของญี่ปุ่นแตกต่างจากชาจีน ตรงที่ชาเขียวญี่ปุ่นมีสีเขียว เป็นชาที่อบโดยไม่ผ่านการนึ่ง ขณะที่ชาจีนมีสีน้ำตาล ผ่านการนึ่ง และอบแห้ง) ส่วน ชายุโรป หรือ black tea เป็นใบชาที่นึ่งแล้ว ต้องผ่านการหมักเสียก่อน แล้วจึงนำมาอบให้แห้ง และบดจนเป็นผง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย