วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
ป่าเมี่ยง, สวนเมี่ยง ชา และเมี่ยง
การกระจายของต้นชา
ความเป็นมาของชนกลุ่มที่ปลูกชาเมี่ยง
ป่าเมี่ยง พื้นที่กันชนที่ป้องกันแหล่งต้นน้ำ
การใช้ประโยชน์ที่ดินในหมู่บ้านป่าเมี่ยง
โครงสร้างและความหลากหลายทางชีวภาพของป่าเมี่ยง
ต้นไม้ควบคุมบรรยากาศใกล้ผิวดินในป่าเมี่ยง
ต้นไม้ช่วยควบคุมการหมุนเวียนของธาตุอาหาร
รากของต้นไม้ป่าถ่ายทอดน้ำและธาตุอาหารให้กับรากของต้นชา
บทบาทของพืชต่อการควบคุมการชะล้างพังทลายของดิน
บทบาทของไม้พื้นล่างต่อการงอกของเมล็ดไม้และการรอดตายของกล้าไม้
การปลูกและผลิตเมี่ยง
ข้อเสนอแนะ
เอกสารอ้างอิง
บทบาทของไม้พื้นล่างต่อการงอกของเมล็ดไม้และการรอดตายของกล้าไม้
การศึกษาของ เกษม และ คณะ (2524) และพรชัย (2527)
พบว่ารากของหญ้าคาที่หนาแน่นมากทำให้เมล็ดไม้ที่ตกสู่ดินไม่ค่อยมีโอกาสสัมผัสกับดิน
ประกอบกับมีน้ำไหลบ่าหน้าดินมาก และเกิดไฟไหม้บ่อย จึงทำให้ไม่ค่อยมีโอกาสงอกมากนัก
แม้มีโอกาสตกลงสู่ดินโอกาสที่จะงอก และรอดตายเป็นไปได้ยาก
เพราะว่าปลายรากของหญ้าคามีสารยับยั้งการงอกของรากของพืชอื่น
และกิจกรรมของจุลินทรีย์ในดิน
เฟิร์นและสาบหมาทำให้การงอกและการรอดตายของกล้าไม้มาก ทั้งนี้
Preechapanya (1996) พบว่าเนื่องจากพืชทั้งสองชนิดมีส่วนทำให้ความชื้น
และความพรุนของดินมาก ประกอบกับทรงพุ่มพืชทั้งสองชนิดโปร่ง
ทำให้เมล็ดพืชค้างที่เรือนยอดไม่มาก โดยพบว่ากล้าไม้ในพื้นที่ที่เฟิร์น
และสาบหมาขึ้นมีมากกว่าพื้นที่ที่มีหญ้าคาประมาณ 6-10 เท่า
โดยกล้าไม้ในพื้นที่มีหญ้าคาประมาณ 370 กล้า ต่อ เฮกแตร์
Othieno (1992) กล่าวว่าการที่พืชมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของชา
โดยเฉพาะพืชดั้งเดิมที่เป็นตัวชี้พื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกชา
ทำให้การปลูกชาประสพความสำเร็จ
ทั้งนี้เพราะว่าต้นไม้นั้นเป็นตัวชี้ลักษณะนิเวศของพื้นที่ เช่น ลักษณะภูมิอากาศ
ลักษณะอากาศใกล้ผิวดิน และลักษณะดิน
ดังนั้นการคัดเลือกพื้นที่ปลูกชาควรสังเกตพืชพรรณ ยกตัวอย่างเช่น Mann (1935)
กล่าวว่าทางตอนเหนือของอินเดียชาวสวนชาเลือกพื้นที่ที่มีต้น Albizia chinensis, A.
lebbeck และ A. procera ปลูกชา ที่ศรีลังกาเกษตรกรเลือกพื้นที่มี A. moluccana
ที่รัฐจอร์เจีย รัสเซีย เกษตรกรเลือกพื้นที่มี A. julibrissim
ที่ยูกันดาเกษตรกรเลือกพื้นที่มี Dissotis violacea, D. brazzaei, D. irringiana
และ Craterispermum laurium (Othieno, 1992). ในขณะที่เคนย่า
ชาวสวนชาเลือกพื้นที่มี Pteridium aquilinum (Brown, 1966)
ซึ่งเป็นเฟิร์นชนิดเดียวกับที่พบที่ป่าเมี่ยงในประเทศไทยทั่วไป
สำหรับชาวป่าเมี่ยงในประเทศไทยแล้วส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า
พื้นที่เหมาะสมในการปลูกเมี่ยงควรเป็นป่าดิบเขาเท่านั้น
โดยให้เหตุผลว่าป่าดิบเขาเป็นป่าให้บรรยากาศชุ่มชื้นที่เหมาะสมกับการปลูก
และการเจริญเติบโตของต้นชา