ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
รวมธรรมบรรยายของ หลวงพ่อชา สุภัทโท
ฝึกจิตให้มีกำลัง
2
การเบียดเบียนสัตว์ เบียดเบียนคน เบียดเบียนพี่ป้าน้าอา ตั้งแต่เล็กๆ น้อยๆ จนถึงทำให้ขาดจากชีวิตมันไม่ดี เราก็เห็นได้ง่ายๆ ไม่ใช่ของยาก อย่างเขาเบียดเบียนเรา หรือฆ่าเรานี่ ดีไหม? มันไม่ดี นี่เราก็เห็นได้ง่ายๆ อันนี้มันจริงอยู่ ความจริงข้อนี้มันมีอยู่ตลอดเวลา คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีวันเก่า มันใหม่อยู่เสมอ ทันสมัยอยู่เสมอ ถ้าทำผิดก็ผิดอยู่แม้ในปัจจุบันนี้ใครไปทำมันก็ผิดนี้คือสิ่งที่เราเห็นอยู่ง่ายๆ ไม่ต้องเรียนในคัมภีร์ก็มองเห็นได้ การเบียดเบียนกันมันผิด เขาเบียดเบียนเรา เราก็เดือดร้อน เราเบียดเบียนเขา เขาก็เดือนร้อน นี่มันจริงอยู่ตลอดเวลา
คนเราทั้งหลายนั้น มิได้มองดูตัวเอง มองดูแต่คนอื่น สิ่งอื่น
สิ่งอื่นสวยก็สวยไปกับสิ่งอื่น สิ่งอื่นไม่สวยก็ไม่สวยไปตาม นี่มันพึ่งคนอื่น
ไม่ได้พึ่งตนเองพูดง่ายๆ เช่น ชาวนา ชาวไร่ พ่อค้า ข้าราชการ หรือภิกษุ
สามเณรก็เหมือนกัน ผู้ปฏิบัติตรงไปตรงมา ทำงานตามหน้าที่ของตน ถ้ารู้จักตัวองแล้ว
มันทำชั่วไม่ได้ ทำผิดไม่ได้ แต่โดยมากนั้น เราไม่ค่อยเห็นตัวเอง
เช่นพวกโจรไปแอบลักของเขา มันกลัวแต่เขาจะเห็นมัน หลบซ่อนอยู่อย่างนั้น หลบๆ หลีกๆ
กลัวเจ้าของทรัพย์จะเห็น ถ้าเจ้าของไม่เห็น ก็ลักเอาไปได้ตามสบาย
โจรนั้นก็นึกกระหยิ่มใจ ดีใจที่คนไม่เห็น ดูเอาเถอะ
มันดูถูกตัวเองขนาดไหนก็ผู้ที่ไปลักเอาของนั้นไม่ใช่คนหรืออย่างไร
นี่มันมองเห็นแต่ทางนอก ไม่เห็นตัวเองนี่เขาเรียกว่า ดูถูกตัวเองอย่างมาก
ก็ตัวโจรเองเป็นคนหรือเปล่า ถ้าหากรู้ว่าตัวเองเป็นคนแล้วไปทำชั่วทำผิดอะไร ที่ไหน
เรื่องคนจะไม่เห็นนั้นไม่มีหรอก คนอื่นไม่เห็นคน
คือตัวโจรนั่นแหละเห็นเองนี่ท่านเรียกว่า คน มองดูแต่ด้านนอก ไม่ได้ดูด้านใน
จนเห็นตัวเองไม่เป็นคน ไม่มีคนอยู่ นี่มันหลง อะไรเล่าปิดไว้ ความอยากปิดไว้
ความอยากได้มากจนลืมตัวลืมตน เลยเห็นตัวเองไม่เป็นคน ทำชั่วอยู่ก็ไม่รู้จัก
ก็ตัวเองนั่นแหละทำ แต่ตัวเองไม่รู้จัก คนดูถูกตัวเองนั่นเรียกว่า
คนไม่มีที่พึ่งที่อาศัย มันขัดคำสอนที่ว่า อตฺตนา โจทยตฺตานํ
จงเตือนตนด้วยตนเองมองข้ามตัวเองไป ธรรมะข้อนี้ ไม่ใช่ของลึกซึ้ง เป็นของง่ายๆ
เป็นของอยู่ตื้นๆ เพราะมีสิ่งปิดบังเอาไว้ จึงมองไม่เห็น สิ่งที่ปิดบังนั้น
ก็คือกิเลสโลภะบังไว้ความอยากบังไว้ มันปิดกั้นเอาไว้หมด โลภะ โทสะ โมหะ นี้
มันเป็นกิเลสก้อนใหญ่ ถ้ามันเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นคน ไม่มีหู ไม่มีตา หูไม่มี ตาไม่มี
พูดไม่ฟังก็ไม่ได้ยิน ได้ยินก็เหมือนไม่ได้ยิน ตาเห็นอยู่ก็เหมือนไม่เห็น
ปากพูดเป็นอยู่ก็เหมือนพูดไม่เป็น กลายเป็นคนใบ้ คนบอด คนหนวก ไปหมด ฉะนั้น
มันจึงงมทำในสิ่งที่ไม่ดี
อาตมามาคำนึงถึงตั้งแต่ครั้งไปเรียนหนังสือ ไปเรียนคัมภีร์มูลเดิม (มูลกัจจายนะ) เรียกว่าไปเรียน หนังสือใหญ่ มีความสงสัยอยู่ ที่คนเฒ่าคนแก่ เขาพูดกันว่าไปเรียนหนังสือใหญ่จบ หนังสือใหญ่มันคืออะไรหนอ เราคิดอยากไปเรียนกับเขา หนังสือใหญ่นี่มันจะใหญ่ขนาดไหน แต่เห็นคนไปเรียนมาแล้ว ก็ไม่เห็นใครปฏิบัติธรรม อวดอ้างตัวเองว่าเรียนหนังสือใหญ่จบ
เมื่ออาตมามาคิดดูพิจารณาดูแล้ว จึงรู้ว่า ไอ้หนังสือใหญ่นี้มีไม่มาก มีโลภะ - อยากได้ของเขา 1 โทสะ- คิดทำร้ายเขา 1 โมหะ - หลงไม่รู้จริง 1 เหล่านี้มันเป็นหนังสือใหญ่จริงๆ ถ้ามันมีโลภะ โทสะ โมหะแล้ว มันใหญ่ไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ตาลืมอยู่ก็มองไม่เห็นหูดีอยู่ก็ไม่ได้ยินเสียงพูดกับญาติพี่น้องไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักคนใกล้คนไกล มันเป็นไปได้จริงๆ เพราะหนังสือพวกนี้ มันใหญ่จริงๆ ไปท่องตามตำราไปพูดตามตำราไปท่องจำเอาแค่นั้นก็ยังเข้าใจว่า ตัวเองเรียนจบหนังสือใหญ่แล้ว แต่ที่แท้แล้ว ไปเรียนเอาคำพูดท่านเฉยๆ ที่จริงนั้น กิเลส 3 อย่างที่กล่าวมามันมีอยู่แล้วในใจ จนอัดแน่นเต็มอยู่แล้ว แต่มิได้ตรวจดู ที่ว่าเรียนจบนั้น มันไม่จบง่ายนักหรอก ถ้าหากว่า โลภะ โทสะ โมหะ มันมีอยู่ในใจของสัตว์ทั้งหลายแล้ว มันใหญ่จริงๆ ไม่มีทางข้ามภพข้ามชาติไปได้เลย เขาจะทำความชั่วความผิดได้หลายอย่างไม่หวาดกลัว ไม่สะดุ้งต่อบาปกรรม ทำให้คนเป็นเปรตเป็นผีไปได้ ถ้าหากว่าเราละสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว มันก็ใหญ่จริงๆ อย่างพระบรมศาสดาของเรา และพระพุทธสาวกทั้งหลาย เป็นผู้ปลดปลื้องภาระออกจากจิตใจได้แล้วนั่น ก็ใหญ่จริงๆ คนมี โลภะ โทสะ โมหะ นั้นใหญ่ไปในทางที่ไม่ดี ถ้าหากไล่สิ่งที่เป็นสนิมเหล่านั้นออกจากใจได้แล้ว ก็ใหญ่ไปในทางที่ดี อาตมาจึงได้บอกว่ามันเป็นของจริงแท้ แต่มันไม่จริงที่พวกเราไม่ได้ทำตามที่ท่านสอนคือไม่ได้พิจารณาให้มันรู้แจ้งชัด การเบียดเบียนกันทางทรัพย์สิน ลักของกันอันนี้มันก็ผิด มันเป็นของจริงมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหกามีใครมาลักของๆ เรา เราก็เกิดความเสียดาย อาจจะตามจับตามฆ่ากันก็ได้ นี่ก็จริงอยู่แล้ว แต่เราคิดไม่ละเอียดจึงมองไม่เห็น เรื่องธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้านี้ มันยังไม่เสื่อมไปไหน ไม่ล้าสมัย มันยังเป็นของทันสมัยอยู่ เรื่องกาเมสุมิจฉาจาร ไม่ให้นอกใจกัน การนอกใจกันนั้นมันไม่ดี แม้แต่ลูกศิษย์นอกใจครูบาอาจารย์ก็ไม่ดี ครูบาอาจารย์นอกใจลูกศิษย์มันก็ไม่ดี ยิ่งถ้าหากผัวนอกใจเมีย เมียนอกใจผัวแล้ว ก็เป็นเรื่องใหญ่มากเดือดร้อนวุ่นวายมาก เรื่องอย่างนี้มันก็ไม่เก่า ยังใหม่อยู่เสมอถ้าทำผิดวานนี้ ก็เดือนร้อนวานนี้ ทำวันนี้ก็เดือนร้อนวันนี้ ถ้าทำพรุ่งนี้ ก็ต้องเดือดร้อนพรุ่งนี้ ไม่เชื่อก็ลองดูซิ มันจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร ถ้าหากยังนอกใจกันอยู่จะอยู่ปราสาทก็ไม่มีความสุข มีเงินเป็นแสนเป็นล้านก็ไม่มีความสุข นี่แหละมันยังเป็นของใหม่อยู่ ธรรมะนี้มันเป็นของตื้นๆ ของเห็นอยู่ ของเป็นอยู่นี่แหละมุสาวาท พูดไม่จริง พูดเหลวไหล พูดไม่จริงมันก็ไม่จริงจนถึงทุกวันนี้ ถ้าโกหกวานนี้มันก็เป็นโกหกอยู่นั้นเอง โกหกวันนี้มันก็ผิด จะโกหกวันพรุ่งนี้ มันก็ไม่ดีอยู่นั้นแหละ กฎอันนี้ก็ยังไม่เสื่อม
» ตามดูจิต
» ธาตุ 4
» มรรค 8