เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การปลูกไม้ดอกกระถาง
การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบ่งตามชนิดของพืชได้หลายอย่าง เช่น
ยาฆ่าแมลง
ยาฆ่าเชื้อรา
ยาฆ่าไร
ยาฆ่าหนู
ยาฆ่าหอยทาก
ยาฆ่าไส้เดือนฝอย
ยาฆ่าแบคทีเรีย
ยาฆ่าปู
ควรใช้ยาให้ถูกกับศัตรูพืช อาการผิดปกติบางอย่างเกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต เช่น อาการใบไหม้ที่เกิดจากแดดเผา อาการใบเหลืองเนื่องจากขาดธาตุไนโตรเจน เป็นต้น ก่อนใช้ยาควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร? ควรพ่นยาฆ่าเชื้อรา และยาฆ่าแมลงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะยังไม่ปรากฏอาการก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนซึ่งดีกว่าการรักษา
อาการผิดปกติ ที่มักพบเป็นส่วนมากกับไม้ดอกกระถาง คือ
- อาการใบไหม้ อาจเกิดจากแดดเผา (อาการไม่ลาม) หรือ เกิดจากเชื้อโรค
(อาการจะลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง) ควรใช้ยาฆ่าเชื้อราหรือแบคทีเรีย เช่น
คาร์เบนดาซิม, เทอเอม 45, ออร์โธไซด์ฯ
- อาการเหี่ยว อาจเกิดจากการขาดน้ำ
(ถ้าไม่ขาดน้ำมากเมื่อรดน้ำแล้วก็จะฟื้นเป็นปกติ) หรือ เกิดจากเชื้อโรค
(ถึงแม้จะให้น้ำแล้วอาการจะไม่ดีขึ้น) ต้องนำไปเผาทำลายทิ้ง
มิฉะนั้นอาจแพร่กระจายโรคให้กับต้นอื่น ๆ
ไม่มียารักษาสำหรับโรคเหี่ยวที่เกิดจากเชื้อโรค
- อาการโรคเน่า มักเกิดกับต้นกล้า สาเหตุอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา
จึงควรลดการให้น้ำลง นำต้นที่เป็นโรคไปทิ้ง
และใช้ยาฆ่าแบคทีเรียหรือยาฆ่าเชื้อรา เช่น เทอร์คาคลอร์
- อาการใบด่าง เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น โรคใบด่างของพิทูเนีย ไม่มียารักษา
ต้องนำไปเผาทิ้งหรือฝัง
- อาการเน่าเละ มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ควรตัดส่วนที่เน่าทิ้ง ลดการให้น้ำ และใช้ยาฆ่าแบคทีเรีย เช่น แอกริไมชิน
ยาที่ใช้กันมากสำหรับไม้ดอกกระถาง คือ ยาฆ่าเชื้อรา, ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าไร เราสามารถผสมยาหลายอย่างแล้วพ่นพร้อมกันได้ เช่นยาฆ่ารา+ปุ๋ยใบ+ยาเปียกใบ โดยมีขั้นตอนการผสมดังนี้ (ห้ามลัดขั้นตอน แต่สามารถเว้นบางขั้นตอนได้ถ้าไม่ใส่สารนั้น)
- ผสมยาที่เป็นผงกับน้ำน้อย ๆ (ประมาณ 250 ซีซี.) ก่อน คนให้เป็นสารละลายเข้มข้นก่อนในถังผสมยา (อาจใช้บัวรดน้ำพลาสติกสีฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งมีปริมาตรประมาณ 10 ลิตร เป็นถังผสมยา) และควรหาไม้ไว้คนยาด้วย
- เติมน้ำลงไปให้ได้ประมาณครึ่งถัง ผสมยา แล้วคนให้เข้ากัน
- ใส่ยาที่เป็นน้ำลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
- เติมน้ำลงไปให้เต็มถังผสมยา แล้วคนให้เข้ากัน
- ใส่ปุ๋ยใบลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
- ใส่ฮอร์โมนและอาหารเสริมลงไปแล้วคนให้เข้ากัน แต่ไม่แนะนำให้ผสมสารพวกนี้กับยาอื่น ๆ ควรแยกพ่นต่างหากจะดีกว่า
- ใส่ยาเปียกใบลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
ควรกะประมาณยาที่จะใช้ก่อนผสมยา แล้วอ่านฉลากยา สังเกตอัตราการผสมยา เช่น 30 ถึง 60 ซีซี. ต่อ น้ำ 20 ลิตร คือ ถ้าจะใช้อัตราต่ำสุดให้ใช้ 30 ซีซี. ต่อ น้ำ 20 ลิตร ถ้าต้องการยาเพียง 5 ลิตร ต้องใช้ยา 7.5 ซีซี. เป็นต้น
นำยาที่ผสมแล้วเทลงถังหรือเครื่องพ่นยา (ถ้ามีกรวยกรองเศษผงอย่าลืมใส่กรวยกรองทุกครั้งที่เทยาลงถัง มิฉะนั้นเศษตะกอนยาจะไปตันหัวพ่นยา) แล้วปิดฝาถังผสมยานำไปพ่นได้ หลักการพ่นยาคือ พ่นเหนือลมให้ลมพัดละอองยาออกจากผู้พ่นยา เดินขวางทางลม หรือเดินขึ้นไปทางต้นลม ปรับหัวพ่นให้น้ำยาออกเป็นฝอยละเอียด และละอองยาจับอยู่ที่ใบพืช ไม่พ่นนานจนยาไหลออกจากใบ ควรใส่ถุงมือ รองเท้าบู๊ท เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว แว่นกันละอองยา หน้ากากป้องกันละอองยาเข้าจมูก
การเลือกยา ต้องรู้ด้วยว่าเป็นยาดูดซึม (ยาจะซึมเข้าไปในทุกส่วนของพืช เมื่อศัตรูพืช เช่น แมลงเข้ากัดกินหรือดูดน้ำเลี้ยงของพืชก็จะตายเนื่องจากยา ) หรือเป็นยาแบบถูกตาย (คือเมื่อพ่นยาถูกศัตรูพืช เช่น แมลง แมลงจะตาย) ยาบางชนิดออกฤทธิ์ทั้งแบบดูดซึมและถูกตัวตาย
»
การเพาะเมล็ด
»
การย้ายกล้า
»
การย้ายปลูกลงกระถาง
»
การเด็ดยอด
»
การให้น้ำ
»
การให้ปุ๋ย
» การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
»
โรคของไม้ดอกกระถาง
»
การแพร่ระบาดของโรค
»
ลักษณะอาการของโรค
»
การป้องกันกำจัดโรคพืช
»
แนวทางการป้องกันกำจัดโรค
»
การปฏิบัติเพื่อให้มีอายุใช้งานได้นาน