เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การปลูกไม้ดอกกระถาง
การป้องกันกำจัดโรคพืช
การป้องกันกำจัดโรคพืชนั้นมีข้อควรพิจารณาเพื่อดำเนินการหาทางป้องกันกำจัดคือ
ต้องวางแผนตั้งแต่ยังไม่ลงมือปลูกพืช
เพราะโรคบางอย่างเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่มีทางแก้ไขได้เลย หลักการอีกข้อหนึ่งก็คือ
การอาศัยหลาย ๆ
วิธีประกอบกันอย่างผสมผสานให้เหมาะสมกับโอกาสและสภาพแวดล้อมและเป็นขั้นตอน
วิธีการในป้องกันกำจัดโรคพืชมีหลายวิธี ดังนี้
- การเตรียมดิน
หากมีการเพาะเมล็ดหรือกิ่งตอนในแปลงจะต้องมีการขุดหรือไถพลิกดินก่อน
การปลูกพืชบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อตากดิน แสงแดดจะช่วยทำลายเชื้อโรคในดินได้บ้าง
โดยเฉพาะเชื้อราบางชนิด ไข่ของไส้เดือนฝอย เป็นต้น
การตากดินครั้งหนึ่งใช้เวลาประมาณ 10-15 วันก็พอ
จะทำให้ดินร่วนและมีการระบายน้ำดีขึ้นด้วย
- การปรับปรุงดิน สภาพของดินบางครั้งเป็นกรดมากเกินไป
หรือที่เรียกว่าดินเปรี้ยว ซึ่งทำให้ต้นพืชที่ปลูกลงไปแล้วไม่โต
เนื่องจากรากไม่แข็งแรงและหาอาหารไม่ได้
ฉะนั้นควรทำการตรวจวัดความเป็นกรดเป็นด่างของดินเป็นครั้งคราว
ถ้าทำเองไม่ได้ก็ควรส่งตัวอย่างดินมาวิเคราะห์ที่กองเกษตรเคมี กรมวิชาการเกษตร
หรือภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หรือกรมพัฒนาที่ดิน
เมื่อเราทราบว่าดินมีสภาพเป็นกรด วิธีที่จะแก้ไขคือ การใส่ปูนขาวแล้วคลุกกับดินให้ดี ไม่ควรโดนผิวหน้าหากผิวหน้าดินเปียก เพราะเมื่อปูนขาวถูกน้ำจะจับกันเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการปลูกพืช การใส่ปูนขาวจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าดินมีสภาพเป็นกรดมากน้อยแค่ไหนเป็นสำคัญ การใส่ปุ๋ยคอกหรืออินทรีย์วัตถุเป็นอีกวิธีการหนึ่งที่สามารถปรับสภาพของดิน ทำให้พืชมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแรงและต้านทานต่อโรคได้ดีขึ้น
- การเลือกเมล็ดพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ เป็นสิ่งสำคัญอีกอันดับหนึ่ง
เพราะหากสามารถเลือกหรือคัดเมล็ดพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ที่ไม่มีโรคติดมาแล้ว
ก็จะช่วยป้องกันโรคในระยะแรกได้ การเลือกเมล็ดพันธุ์หรือส่วนขยายพันธุ์ เช่น
กิ่งตอน หากสามารถสอบถามถึงต้นต่อได้ว่า
ในไร่หรือสวนที่จะนำมาใช้ขยายพันธุ์ไม่เคยมีโรคระบาด ต้นพืชเติบโตแข็งแรงดี
ใบไม่มีอาการด่าง ต้นไม่ทรุดโทรม มีการบำรุงรักษาดีก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ทั้งนี้เนื่องจากว่า มีโรคหลายชนิดที่ติดไปกับเมล็ดหรือกิ่งตอนได้
ดังนั้นหากไม่แน่ใจว่าต้นพันธุ์ดีหรือไม่ ก็ควรทำการใช้ยาคลุกเมล็ด
หรือการแช่ท่อนพันธุ์ในน้ำร้อน หรือสารเคมีก่อนนำไปปลูก
เพื่อทำลายเชื้อหรือป้องกันเชื้อโรคก่อน ก็จะให้ผลดียิ่งขึ้น
- การใช้พันธุ์ต้านทานโรค จะช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้
โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อสารเคมีเพื่อการป้องกันโรคหรือแมลงศัตรู
ปัจจุบันมีพืชพันธุ์ต้านทานโรคที่ใช้ได้ผลแพร่หลายอยู่ในขณะนี้
- ปรับปรุงสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการเกิดโรค เช่น
ไม่ให้น้ำชื้นแฉะเกินไป ไม่เพาะกล้าหรือปลูกพืชแน่นเกินไป
จัดให้แปลงปลูกพืชหรือโรงเรือนได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสมถูกต้อง
มีการระบายอากาศที่ดี เป็นต้น
- การตัดกิ่งเป็นโรค
หรือขุดต้นที่เป็นโรคเผาทำลายในกรณีที่เป็นโรคเพียงเล็กน้อยบนกิ่งหรือใบ
ถ้าใช้สารเคมีฉีดพ่นจะไม่คุ้มกับการลงทุน ฉะนั้น
ถ้าพบเพียงเล็กน้อยก็ควรเก็บหรือตัดส่วนที่เป็นโรคออก นำมาเผาทำลาย
ไม่ควรกองทิ้งเอาไว้ในสวนหรือบริเวณที่ปลูกพืช
เพราะบนส่วนของพืชที่เป็นนั้นเชื้อโรคยังไม่ตาย
การฝังดินหรือเผาไฟหลังจากที่พืชเป็นโรคแห้งแล้วจึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ส่วนในกรณีที่ต้องขุดต้นออกทิ้งนั้น
เกิดจากที่เชื้อเข้าทำลายจนทำให้ต้นทรุดโทรม รักษาให้หายได้ยาก
ก็จำเป็นต้องขุดทิ้ง ตัวอย่างเช่น โรครากเน่าของมะลิ เป็นต้น
- ควรใช้เครื่องมือที่สะอาดปราศจากเชื้อ โดยพยายามทำความสะอาดอุปกรณ์ เช่น
มีด กรรไกร ด้วยความร้อนจากเปลวไฟ
หรือใช้สารเคมีบางชนิดเพื่อทำความสะอาดเครื่องมือ
เพื่อการป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส เช่น การใช้สารละลายไตรโซเดียมฟอสเฟต
เป็นต้น
- การเลือกดินปลูก
ไม่ควรปลูกพืชโดยการใช้ดินเก่าหรือจากกระถางเก่าที่เคยเป็นโรคระบาด
ควรเลือกดินหรือดินผสมหรือเครื่องปลูกใหม่ ๆ จะช่วยลดการเกิดโรคลงได้มาก
โดยเฉพาะถ้าหากโรคนั้นเกิดจากเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในดินได้
- การเลือกเวลาปลูก โรคบางอย่างอาจหลีกเลี่ยงหรือหนีโรคได้
ถ้าเลือกเวลาปลูกให้ดี เช่น ถ้าพืชนั้นมักเกิดโรครุนแรงในฤดูฝน
ก็ควรเลี่ยงมาปลูกต้นฤดูหรือปลายฤดูฝน
ถ้าเกิดโรคมากในฤดูหนาวก็ควรเลี่ยงมาปลูกต้นฤดูหรือปลายฤดูหนาวแทน
ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
- การปลูกพืชสลับหรือหมุนเวียน
ก็จะช่วยป้องกันความเสียหายเนื่องจากโรคบางชนิดได้
โดยเฉพาะเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในดินได้
การที่จะพิจารณาว่าจะใช้พืชอะไรมาสลับนั้น
ส่วนมากไม่ควรใช้พืชพวกเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกัน
แต่ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามในกรณีที่พบโรคบนใบ หรือบนผล การปลูกพืชอื่นสลับจะได้ผลดี
ถ้าโรคนั้นเกิดกับต้นกล้า หรือเกิดกับรากทำให้รากเน่า
โคนเน่าหรือโรคเหี่ยวทั้งต้น
- การฉีดสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เพื่อทำลายแมลงพาหะนำเชื้อโรค
โรคพืชที่เกิดจากไวรัสหรือมายโคพลาสมาหลายชนิดที่มีแมลงพวกเพลี้ยจั๊กจั่น
เพลี้ยกระโดด แมลงหวี่ขาว เพลี้ยอ่อน
เป็นตัวนำเชื้อโรคไปยังต้นปกติที่อยู่ข้างเคียง หรือที่แมลงบินไปถึง
ฉะนั้นการฉีดสารเคมีป้องกันกำจัดแมลงเป็นครั้งคราวก็จะช่วยลดการระบาดของโรคลงได้
- ป้องกันโรค โดยการฉีดสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืชเป็นครั้งคราว
โดยเฉพาะสารเคมีที่เคยใช้ได้ผลดี การฉีดพ่นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
ถ้าเป็นโรคมากและรุนแรงควรฉีดพ่นถี่หน่อย
แต่ถ้าต้นไม้เป็นโรคแล้วพบว่าโรคนั้นไม่ค่อยเกิดความเสียหายแก่พืช ก็นาน ๆ
ฉีดครั้งหนึ่งได้ แต่การใช้สารเคมีนั้นจะต้องทราบเสียก่อนว่า
สารเคมีอะไรบ้างที่ฉีดแล้วได้ผล ไม่ใ่ช่ไปขอซื้อสารเคมีตามตลาด
ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายก็ไม่ทราบว่าจะเอาไปฉีดป้องกันโรคอะไร ใช้แล้วได้ผลหรือไม่
ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าใช้สารเคมีผิดชนิดหรือผิดวิธีการ
นอกจากใช้ไม่ได้ผลแล้ว จะต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
ฉะนั้นการพิจารณาใช้สารเคมี ควรสอบถามผู้รู้ให้รอบคอบเสียก่อน จึงตัดสินใจ
- การรักษาต้นพืชที่เป็นโรค พืชบางชนิดโดยเฉพาะพืชประเภทหรือชนิดที่มีราคาแพง หรือหายาก ถ้าเป็นโรคจะเผาทิ้งก็เสียดาย อาจใช้วิธีรักษา เช่น กล้วยไม้ ไม้ยืนต้นบางชนิด ซึ่งจะมีวิธีการแตกต่างกันไปตามชนิดของโรค แต่โดยหลักการปฏิบัติในการป้องกันกำจัดโรคนั้น จะต้องยึดถือหลักที่ว่า ควรทำการป้องกันไม่ให้พืชเป็นโรคมากกว่าการรักษา เพราะเราจะรักษาพืชที่เป็นโรคให้หายดีเช่นพืชปกตินั้นปฏิบัติได้ยาก
»
การเพาะเมล็ด
»
การย้ายกล้า
»
การย้ายปลูกลงกระถาง
»
การเด็ดยอด
»
การให้น้ำ
»
การให้ปุ๋ย
»
การใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช
»
โรคของไม้ดอกกระถาง
»
การแพร่ระบาดของโรค
»
ลักษณะอาการของโรค
» การป้องกันกำจัดโรคพืช
»
แนวทางการป้องกันกำจัดโรค
»
การปฏิบัติเพื่อให้มีอายุใช้งานได้นาน