สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ความหมายการเมืองการปกครอง
รัฐ (State)
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสังคม
รัฐธรรมนูญ (Constitution)
กฎหมาย (Law)
อำนาจอธิปไตย
รัฐสภา พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง
ประชาชนกับบทบาททางการเมือง
ลัทธิการเมืองและเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
การเมืองการปกครองไทย
ระบบเศรษฐกิจและระบบการปกครอง
ธรรมาภิบาล
บรรณานุกรม
รัฐสภา พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งโดยวิธีแบ่งเขต
การเลือกตั้งโดยวิธีการแบ่งเขต ได้แก่ การเลือกตั้งในจังหวัดหนึ่ง ๆ นั้นจะแบ่งออกเป็นเขต ๆ ตามจำนวนราษฎรเป็นเกณฑ์ คือพลเมืองหนึ่งแสนห้าหมื่นคนต่อผู้แทน 1 คน ถ้าจังหวัดใดมีผู้แทนได้ 9 คน จังหวัดนั้นก็จะแบ่งออกเป็นสามเขตเลือกตั้ง คือเขตหนึ่ง ๆ จะมีผู้แทนได้ไม่เกิน 3 คน แต่ถ้าจังหวัดใดมีผู้แทนได้เพียง 1-3 ก็ถือว่าจังหวัดนั้นเป็นหนึ่งเขตการเลือกตั้ง เช่น ภูเก็ต แม่ฮ่องสอน เป็นต้น ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ได้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
ข้อดีของการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
สมพงศ์ เกษมสิน และจรูญ สุภาพ ได้กล่าวสรุปข้อดีของการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตไว้ดังนี้
1. ผู้แทนสามารถดูแลทุกข์สุขของราษฎรในเขตเลือกตั้งได้ทั่วถึง
2. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้แทนกับราษฎรก็กระชับแน่น เพราะราษฎรผู้มีสิทธิในเขตเลือกตั้งมีน้อย
3. เมื่อราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งมีจำนวนน้อย ก็เป็นการง่ายแก่ผู้แทนที่จะหยั่งทราบเจตจำนงของราษฎรในเขตเลือกตั้ง
4. เป็นวิธีการเลือกตั้งที่ให้ความเสมอภาค เพราะไม่ว่าราษฎรจะอยู่ในจังหวัดเล็กหรือจังหวัดใหญ่ราษฎรทุกคนก็มีคะแนนเสียงเพียงเสียงเดียวในการเลือกตั้ง
5. การเลือกตั้งแบ่งเขตเป็นการให้โอกาสแก่ราษฎรฝ่ายข้างน้อย ในจังหวัดแต่ชุมนุมกันเป็นฝ่ายข้างมากอยู่ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง
6. การเลือกตั้งแบ่งเขต ย่อมทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและในการโฆษณาเพื่อการเลือกตั้งน้อย จึงเหมาะสมกับหลักประชาธิปไตย
ข้อเสียของการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต
1.ทำให้พรรคการเมืองหรือผู้สมัครกระทำการทุจริตได้ง่าย เพราะเขตการเลือกตั้งมีจำนวนประชากรไม่มาก อาจจะใช้เงินหรืออิทธิพลอื่น ๆ เข้าควบคุมเสียงในบางหน่วยการเลือกตั้งเท่านั้นก็สามารถได้เป็นผู้แทน
2.เขตพื้นที่ในการหาเสียงน้อยประชาชนที่ผู้แทนจะไปพบไม่มากจึงไม่ลำบากในการหาเสียง เมื่อได้เป็นผู้แทนมาก็จะรู้สึกว่า เป็นการได้มาโดยไม่ยากนัก จะทำให้ผู้แทนคนนั้นไม่รู้คุณค่าของประชาชน
3.การแบ่งเขตการเลือกตั้งกำหนดโดยฝ่ายบริหารซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ถ้าบังเอิญผู้บริหารสนับสนุนพรรคการเมืองใดก็อาจจะแบ่งเขตการเลือกตั้งเข้าข้างได้ คือ ถ้าเห็นว่าผู้สมัครของพรรคการเมืองนี้มีผู้นิยมหรือมีคะแนนเสียงอยู่มาก ในเขตตำบลหรืออำเภอใดก็จะแบ่งเขตให้กลุ่มพื้นที่ของอำเภอนั้น ๆ ไว้ ด้วยวิธีการนี้ก็จะทำให้ผู้สมัครพรรคอื่นเสียเปรียบไม่เกิดความยุติธรรม
วิธีเลือกตั้งซึ่งถือเอาเขตจังหวัดเป็นเกณฑ์และเคยใช้มาแล้วทั้งวิธีรวมเขตและวิธีแบ่งเขตนั้น ไม่อาจพิจารณาได้แน่ชัดลงไปว่า วิธีใดจะก่อให้เกิดผลทำให้คนสนใจมาใช้สิทธิของตนเองมากกว่ากัน เพราะปรากฏว่าผลสับสนกันอยู่อย่างไรก็ดีพอสรุปได้ว่าวิธีการเลือกตั้งรวมเขตหรือแบ่งเขตไม่มีผลต่อการที่ประชาชนจะใช้สิทธิมากหรือน้อย แต่อาจมีผลต่อยุทธวิธีการของผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองในแง่การรณรงค์หาเสียงจากเขตที่เคยสร้างความนิยมไว้แก่ประชาชน และมีผลต่อทางราชการในแง่ที่ถ้าจัดให้มีการแบ่งเขตแล้วการลงคะแนนของผู้เลือกตั้งการนับคะแนนของกรรมการตรวจคะแนนมีผลเร็วขึ้นกว่าการจัดให้มีการเลือกตั้งรวมเขต
รัฐสภา (Parliament)
ประเภทของรัฐสภา
พรรคการเมือง (Political Party)
ความหมายของพรรคการเมือง
องค์ประกอบของพรรคการเมือง
ความสำคัญของพรรคการเมือง
ระบบของพรรคการเมือง
โครงสร้างของพรรคการเมือง
บทบาทและหน้าที่ของพรรคการเมือง
พรรคการเมืองไทย
ประเภทของพรรคการเมืองไทย
การจัดตั้งพรรคการเมืองไทย
ลักษณะของพรรคการเมืองไทย
การเลือกตั้ง
ความสำคัญของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
หลักเกณฑ์ของการเลือกตั้ง
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไทย
วิธีการเลือกตั้งของไทย
การเลือกตั้งโดยวิธีรวมเขต
ข้อดีของการเลือกตั้งแบบรวมเขต
ข้อเสียของการเลือกตั้งแบบรวมเขต
การเลือกตั้งโดยวิธีแบ่งเขต
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้ง
วิธีดำเนินการเลือกตั้ง