สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ต้นตอของขบวนการโลกาภิวัตน์
โครงสร้างอำนาจของทุน
การปรับโครงสร้างการผลิต
บทบาทของหนี้
โครงสร้างของโลกาภิวัตน์
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองของโลก
ความเปราะบางของระเบียบโลกใหม่
อัตลักษณ์และความรู้ : การเผชิญหน้ากับอนาคต
ความล้าสมัยของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฯ
กระบวนการทางการเมืองและระเบียบโลก
พลังท้าทายของสรรพสิ่งมีชีวิต
ทางออกสู่รูปแบบใหม่ของสังคมเศรษฐกิจ
เชิงอรรถ
กระบวนการทางการเมืองและระเบียบโลก
หากเรามีสมมติฐานว่า อำนาจมีรากฐานอยู่ที่ชุมชนมนุษย์
และเมื่อพูดถึงระเบียบโลกเราให้ความสำคัญกับมุมมองแบบ ล่างสู่บน (bottom up)
เราจำเป็นต้องพิจารณาว่าสาธารณชนคนธรรมดาคิดอย่างไรกับองค์กรด้านอำนาจต่างๆ ระบบรัฐ
และองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมทั้งกระบวนการเจรจาระหว่างประเทศต่าง ๆ ด้วย
ทัศนคติที่ว่านั้น ทุกหนแห่งในโลกมีตั้งแต่ตึงเครียดไปจนถึงเป็นปฏิปักษ์
ความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างผู้คนและองค์กรรัฐนั้นอ่อน ความ
มั่นใจของผู้คนต่อชนชั้นทางการเมืองตกต่ำ
บางประเทศ
ผู้คนมองว่านักการเมืองเปรียบเสมือนทรราชย์ที่คอยแต่จะเอาเปรียบประชาชน
จึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะเกี่ยวข้องด้วยเท่าที่จะทำได้
แม้ในประเทศที่มีรัฐบาลภายใต้ระบบรัฐธรรมนูญ
และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างได้ผลครอบคลุมทุกชนชั้น
ประชาชนยังไม่ค่อยจะเชื่อใจผู้นำทางการเมืองเท่าใดนัก
ชนชั้นทางการเมืองถูกมองว่าคอร์รัปชันและทำงานขาดประสิทธิภาพ
คอร์รัปชันในความหมายที่ว่าให้ความสำคัญกับตำแหน่งของตนเองมากกว่า
คำนึงถึงผลประโยชน์ของสาธารณชน และไร้ประสิทธิภาพ
เนื่องจากไม่อาจเข้าใจและจัดการแก้ปัญหาสำคัญ เช่น การว่างงาน
การบริการสาธารณะที่เสื่อมถอย และความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้น
การที่ผู้คนขาดความเชื่อมั่นชนชั้นทางการเมือง
เหตุผลสวนหนึ่งอาจโยงกับขบวนการโลกาภิวัตน์ซึ่งมีลักษณะครอบงำทางอุดมการณ์
โดยมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าขบวนการโลกาภิวัตน์พร้อม ๆ กับการแข่งขันระดับโลก
เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังเช่นที่อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นางมาร์กาเร็ต
แคชเชอร์มักพูดว่า ไม่มีทางเลือก ขบวนการโลกาภิวัตน์จึงเป็นความแปลกแยกที่แท้จริง
เป็นสิ่งที่ผู้คนสร้างขึ้นแล้วกลับมีอำนาจเหนือพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
นักการเมืองเลิกพูดถึงความเป็นพลเมือง (citizens)
พลเมืองคือปัจเจกบุคคลที่เป็นอิสระมีสิทธิได้รับบริการจากรัฐ
และพิจารณากำหนดแนวทางสู่สังคมอนาคตที่ดี
ในเมื่อขบวนการโลกาภิวัตน์ยกเลิกทางเลือกต่าง ๆ ไปแล้ว จึงไม่มีบทบาทใด ๆ
หลงเหลือไว้ให้กับพลเมืองอีก นักการเมืองจะพูดถึงแต่ผู้เสียภาษี ผู้หางานทำ และ
stake-holder หรือผู้ที่กุมเงินที่ลงทุน (สะท้อนแนวคิดบรรษัทนิยม หรือ
corporatism28) เมื่อรัฐบาลปิดกั้นทางเลือกสำหรับสังคมในอนาคตเสียแล้ว
รัฐบาลจึงถูกลดบทบาทลง มุ่งแต่การบริหาร แข่งขันกับทีมนักบริหารทีมอื่น ๆ
ที่อาจจะเข้าเป็นผู้บริหาร
ภายใต้สภาพดังกล่าว มีช่องทางเปิดให้พลังต่าง ๆ
ที่อยู่นอกการควบคุมของทางการ และอยู่นอกกรอบการวิเคราะห์การเมืองแบบเดิม ๆ
เข้ามีบทบาทเป็นกระบวนการใต้ดินขนานไปกับกระบวนการทางการเมืองที่เป็นทางการและมองเห็นได้
นี่คือโลกใต้ดินของการเมืองระดับโลก บางทีเรามีโอกาสได้เห็นโลกใต้ดินนี้ เช่น
เมื่อปฏิบัติการสืบราชการลับเป็นปัญหาขึ้น
เมื่อมีการสืบค้นต้นตอของเงินสกปรกผิดกฎหมาย เมื่อมีปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้าย
เมื่อมีการคอร์รัปชันในธุรกิจการเงิน
หรือเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนนักการเมือง
องค์กรต่าง ๆ มากมายมีบทบาทปฏิบัติการในโลกใต้ดิน ตัวอย่างเช่น
หน่วยงานสืบราชการลับ มาเฟีย นักค้ายาเสพติด นักค้าอาวุธสงคราม ธนาคารที่ฟอกเงิน
องค์กรก่อการร้ายข้ามแดน ผู้รับจ้างเป็นทหารอาชีพ ทหารส่วนตัว
ผู้อุปโลกตนเองเป็นผู้นำทางศาสนา และนักธุรกิจเพศพาณิชย์
เอเยนต์เหล่านี้อาจร่วมมือกันทำงาน หรืออาจขัดแย้งกัน
นักรัฐศาสตร์ศึกษาแต่เรื่องการเมืองภาคทางการ หรือการเมืองบนโต๊ะ
แต่สภาพของการเมืองทางการที่เสื่อมถอย
หมายถึงการที่การอภิปรายเรื่องคุณค่าสังคมถูกเบียดออกไป
โดยให้ความสำคัญกับเรื่องเทคนิคในประเด็นเกี่ยวกับการบริหาร
และเรื่องผลประโยชน์ของกลุ่มหรือของเอกชนมากกว่าเรื่องของพลเมือง
ทำให้ต้องใส่ใจกับการวิเคราะห์วิจารณ์โลกใต้ดินมากขึ้น
เมื่อเราพิจารณาถึงทวิลักษณะของโลกทางการที่เสื่อมถอย และโลกใต้ดินเฟื่องฟู
ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ
กระบวนการทางการเมืองสาธารณะควรต้องปรับให้ฟื้นคืนมาเพื่อให้ควบคุมผลทางการเมืองและเพื่อลดช่องทางของกิจกรรมใต้ดิน
แม้จะไม่อาจจำกัดออกไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเริ่มจากสมมติฐานว่าอำนาจทางการเมืองที่ก่อมาจากเบื้องล่างสู่เบื้องบน
จะนำไปสู่ประเด็นเรื่องสังคมประชา (civil society)
ซึ่งเป็นปัจจัยทางบวกที่จะต้านกับผลเสียของโลกใต้ดิน
นักรัฐศาสตร์กำลังใส่ใจกับพัฒนาการของสังคมประชามากขึ้น ๆ
ที่อาฟริกาผู้คนในหลายประเทศ รวมตัวกันเป็นองค์กรภายในชุมชนท้องถิ่น
เพื่อต่อสู้ดำรงชีวิตภายใต้สภาวการณ์ที่บีบรัดจากทั้งโดยรัฐบาลของเขาเอง
และจากองค์กรระหว่างประเทศ ที่อินโดนีเซีย ขบวนการชุมชนที่มีการจัดตั้ง
แผ่ขยายออกไป
และอาจมีศักยภาพเป็นฐานของอำนาจการเมืองใหม่ที่ทดแทนอำนาจเดิมที่ทั้งคอร์รัปชันและเผด็จการ
ที่ยังหลงเหลือยู่ สังคมประชาที่คองโกนำไปสู่การล่มสลายของรัฐบาลโจรของโมบูโต
แม้ว่าจะยังไม่มีบทบาทภายใต้สภาวะไร้เสถียรภาพหลังจากนั้น ที่เชียปาส
กลุ่มของซาปาติสตา
ที่พัฒนามาจากขบวนการกองโจรของกลุ่มชนชาติมีบทบาทเป็นพลังฟื้นฟูสังคมประชาของเม็กซิโก
และขบวนการดังกล่าว สามารถสร้างกระแสข้ามชาติต่อต้านโลกาภิวัตน์
โดยใช้ระบบสื่อสารอิเล็คโทรนิกส์สมัยใหม่ ที่คานาดา
สังคมประชาถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวด้วยกระแสการต่อต้าน NAFTA, APEC
และข้อตกลงพหุภาคีว่าด้วยการลงทุนหรือ MAI (ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสถาบันต่าง ๆ
ของขบวนการโลกาภิวัตน์)
และการพยายามนำเอาผลประโยชน์ทางการค้ามาเป็นตัวนำนโยบายต่างประเทศจนขัดแย้งกับหลักการสิทธิมนุษยชน
เมื่อเปรียบเทียบกับโลกใต้ดิน
ซึ่งโดยทั่วไปมีบทบาทสนับสนุนอำนาจของโลกทางการด้วย กล่าวได้ว่าขบวนการสังคมประชา
เป็นโลกของการต่อต้าน กลุ่มต่าง ๆ ที่เข้าร่วม
ขบวนการขาดความเชื่อมั่นต่ออำนาจทางการ จึงสำแดงออกด้วยการรวมกลุ่มเป็นองค์กร
และมุ่งหาโลกทางเลือกให้กับสังคม ซึ่งถูกปฏิเสธโดยอุดมการณ์นำของโลกาภิวัตน์
ดังนั้น โลก ณ จุดเปลี่ยนแห่งสหัสวรรษจึงมีกิจกรรมทางการเมืองแบ่งได้เป็น 3
ส่วนใหญ่ คือ อำนาจครอบงำของโลกาภิวัตน์ หรือโลกทางการ
โลกใต้ดินที่เป็นกาฝากของโลกทางการ และโลกของการต่อต้าน [สังคมประชา
ขบวนการทางสังคม - ผู้แปล]
ที่พยายามแสวงหาทางเลือกเพื่อท้าทายการครอบงำของโลกทางการ