วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
ความสำคัญของแนวปะการัง
ประเภทของแนวปะการัง
สิ่งมีชีวิตในแนวปะการัง
ชีววิทยาของปะการัง
แนวปะการังที่สำคัญของประเทศไทย
สภาวะความเสื่อมโทรมของแนวปะการัง
สาเหตุความเสื่อมโทรมของแนวปะการัง
การฟื้นฟูแนวปะการัง
ข้อควรพิจารณาในการฟื้นฟูแนวปะการัง
ชีววิทยาของปะการัง
ลักษณะทั่วไป
ปะการัง (corals) เป็นสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกหนึ่ง
จัดอยู่ใน Phylum Coelenterata ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ มีโพรงในลำตัว มีเนื้อเยื่อ 2
ชั้น ระหว่างเนื้อเยื่อทั้งสอง มีลักษณะเป็นวุ้น มีช่องปากแต่ไม่มีทวารหนัก
มีหนวดซึ่งมีเซลล์เข็มพิษเพื่อป้องกันตัวหรือจับเหยื่อกินเป็นอาหารเรียงรายอยู่รอบปาก
สัตว์จำพวกซีเลนเทอราตานี้รวมไปถึง ไฮดรา ปะการังไฟ แมงกะพรุน ดอกไม้ทะเล ปะการังดำ
ปะการังอ่อน กัลปังหา ปะการังสีน้ำเงิน และปากกาทะเล
ซึ่งสัตว์เหล่านี้บางชนิดอาจมีลักษณะแตกต่างกันมาก
แต่บางชนิดก็คล้ายคลึงกันจนจำแนกออกได้ยาก
ปะการังที่จะพูดถึงในที่นี้ส่วนใหญ่เป็นปะการังแข็ง
ปะการังแข็งมีส่วนประกอบที่สำคัญ 2 ส่วน คือ
โครงร่างหินปูนและเนื้อเยื่อของตัวปะการัง เนื้อเยื่อตัวปะการังเรียกว่า
โพลิป(polyp) ประกอบด้วยปากซึ่งเป็นช่องเปิดเข้าไปในช่องว่างภายในลำตัว
มีหนวดเรียงเป็นวงโดยรอบ แต่ละ โพลิปฝังตัวอยู่ภายในช่องหินปูน
ซึ่งผนังของห้องอาจยกตัวสูงขึ้นมาเป็นกระบอก
บนผนังภายในช่องมีแผ่นซี่หินปูนที่เรียกว่า เซ็ปต้า(septa)
เรียงรายเป็นรัศมีเข้าหาจุดศูนย์กลางของช่อง
ที่จุดศูนย์กลางนี้มักจะมีกลุ่มหนามหินปูนอยู่เป็นกระจุก
จุดนี้จะอยู่ใต้ตำแหน่งปากของโพลิป
โครงร่างหินปูนที่ประกอบขึ้นมาเป็นที่อยู่ของแต่ละโพลิปนี้เรียกว่า
คอรอลไลท์(corallite) ปะการังแต่ละชนิดมีลักษณะของคอรอลไลท์แตกต่างกันไป
ในปะการังแต่ละกอแต่ละก้อนมีโพลิปอยู่เป็นจำนวนมาก
โดยที่โพลิปมีเนื้อเยื่อเชื่อมโยงถึงกันหมด นั่นแสดงว่าโพลิปอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม
หรือที่เรียกว่าโคโลนี(conoly) ยกเว้นปะการังเพียงไม่กี่ชนิด เช่นปะการังดอกเห็ด
เป็นชนิดที่อยู่เดี่ยวๆ(solitary) คือทั้งก้อนมีอยู่เพียงโพลิปเดียว
การกินอาหาร
ปะการังกินอาหารโดยใช้หนวดจับแพลงก์ตอนที่ล่องลอยอยู่ในน้ำส่งเข้าปากซึ่งอยู่ตรงกลาง
นอกจากนี้ปะการังยังได้รับสารอาหารจากสาหร่ายเซลล์เดียวที่เรียกว่า Zooxanthellae
ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากภายเนื้อเยื่อของปะการัง สาหร่ายจะใช้ของเสียจากปะการัง เช่น
คาร์บอนไดออกไซด์ ไนเตรท และฟอสเฟต
ในการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารและเพิ่มจำนวนเซลล์
โดยที่ปะการังจะได้รับสารอาหารที่สาหร่ายสร้างขึ้นด้วย
นอกจากนี้กระบวนการสังเคราะห์แสงของ Zooxanthellae ยัง
ส่งผลให้อัตราการสร้างหินปูนของปะการังเกิดได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ปะการังที่มีสาหร่ายนี้อาศัยอยู่จึงเจริญเติบโตก่อตัวเป็นแนวปะการังได้
เรียกปะการังพวกนี้ว่า Hermatypic coral
นอกจากนั้นก็มีปะการังบางชนิดที่อาจพบในที่ลึก แสงสว่างน้อย
จะมีการสร้างหินปูนได้ช้า จึงไม่สามารถก่อตัวเป็นแนวปะการังได้
เรียกปะการังประเภทนี้ว่า Ahermatypic coral
การสืบพันธุ์
ปะการังสืบพันธุ์ได้ 2 วิธีคือ แบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศ
ปะการังมีทั้งชนิดที่เป็นกะเทย คือภายในโคโลนีหนึ่งๆ
แต่ละโพลิปมีทั้งเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ และเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย และชนิดที่แยกเพศ
คือมีโคโลนีเพศผู้ และโคโลนีเพศเมียแยกกัน
รูปแบบการสืบพันธุ์แตกต่างกันไปในแต่ละชนิด
บางชนิดจะปล่อยสเปิร์มและไข่ออกมาผสมกันในน้ำ
บางชนิดจะปล่อยสเปิร์มออกมาผสมกับไข่ที่ฝังตัวอยู่ภายในตัวเมีย
ตัวอ่อนของปะการังที่เกิดขึ้นซึ่งมีขนาดประมาณ 1-3 มิลลิเมตร
จะล่องลอยไปตามกระแสน้ำ เมื่อเจอสภาพแวดล้อมและพื้นผิวที่เหมาะสม
มันจะใช้ส่วนฐานยึดเกาะและสร้างหินปูนขึ้น
หลังจากนั้นจึงเริ่มสร้างโพลิปใหม่โดยการแตกหน่อ จากโพลิปเดิมจนกลายเป็นโคโลนี
ปะการังแข็งที่พบโดยทั่วไปในเขตอินโดแปซิฟิกมีมากกว่า 400 ชนิด
ในน่าน้ำไทยฝั่งทะเลอันดามันพบประมาณ 240 ชนิด แนวปะการังบริเวณหมู่เกาะสุรินทร์
และหมู่เกาะซิมิลันเป็นแนวปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดในน่าน้ำไทย
เป็นแหล่งที่มีความหลากหลายของชนิดปะการังเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะปะการังเขากวางก่อตัวอยู่เป็นบริเวณกว้างและไม่พบในบริเวณอื่นเลย
(สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์, 2538)