ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

หอพระไตร

พระพุทธคุณ 3

กาย เวทนา จิต ธรรม เท่ากับเป็นขันธ์ 4

เพราะว่าทุกคนมีกายมีเวทนามีจิตมีธรรม และกาย เวทนา จิต ธรรม ก็เป็นไปอยู่ในปัจจุบัน เท่ากับว่าเป็นขันธ์ 4 เหมือนอย่างขันธ์ 5 แต่ในที่นี้ไม่เรียกว่าขันธ์ 4 แต่เรียกว่าสติปัฏฐาน 4 กายเวทนาจิตธรรมนี้ ก็เท่ากับเป็นนิวาสะคือเป็นที่อาศัยอยู่ของสัตว์ทั้งหลาย ของบุคคลทั้งหลาย หรือของเราทั้งหลายอยู่ด้วยกันทุกคน แต่ว่าเมื่อไม่ระลึกถึงก็ไม่รู้ ต่อเมื่อระลึกถึงจึงจะรู้ เหมือนอย่างว่าหายใจเข้าหายใจออก ทุกคนก็ต้องหายใจเข้าหายใจออกกันอยู่ หยุดไม่ได้ แต่เมื่อไม่ระลึกถึงลมหายใจเข้าลมหายใจออก ก็ไม่รู้ลมหายใจเข้าลมหายใจออก ระลึกถึงเมื่อไรก็รู้เมื่อนั้น ว่าเราหายใจเข้าอยู่หายใจออกอยู่ แม้ในข้ออิริยาบถก็เหมือนกัน ก็ต้องเดินต้องยืนต้องนั่งต้องนอนกันอยู่ ในอิริยาบถน้อยก็เหมือนกัน ต้องก้าวไปข้างหน้า ต้องถอยไปข้างหลังเป็นต้น ต้องหลับต้องตื่นต้องพูดต้องนิ่งกันอยู่เป็นต้น

และแม้อาการในกาย 31, 32 มีผมขนเล็บฟันหนังเป็นต้นก็เหมือนกัน ก็ต้องมีกันอยู่ และผมขนเล็บฟันหนังเป็นต้นเหล่านี้ต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนอยู่ ปรากฏเป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นฟัน เป็นหนัง เป็นต้น รวมเข้าก็เป็นธาตุ 4 ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ประกอบกันอยู่เป็นกายนี้ เหล่านี้เป็นต้น เมื่อระลึกถึงก็จึงจะรู้ได้ แต่เมื่อไม่ระลึกถึงก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้น สติคือความระลึกนี้จึงเป็นข้อสำคัญ เมื่อมาหัดปฏิบัติทำสติปัฏฐานอยู่ ก็ย่อมจะทำให้มีสติอยู่กับตัว และทำให้มีความรู้อยู่กับตัว ซึ่งนับว่าเป็นสติสัมปชัญญะที่เป็นภาคพื้น และจะทำให้ได้ความรู้ที่เป็นตัวปัญญาเห็นเกิดเห็นดับต่อไปด้วย ความระลึกได้และความรู้อยู่กับตัวซึ่งเป็นสติสัมปชัญญะนี้ ก็เป็นสมาธิ ความรู้ที่เป็นตัวปัญญาเห็นเกิดเห็นดับ ก็เป็นตัวปัญญา เพราะฉะนั้น เมื่อปฏิบัติทำสติ ในกาย ในเวทนา ในจิต ในธรรม ก็ย่อมจะได้สติสัมปชัญญะ ได้สมาธิ ได้ปัญญา ไปด้วยกัน

และเมื่อปฏิบัติทำสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว เป็นสมาธิที่แนบแน่นยิ่งขึ้น ก็จะทำให้สติคือความระลึกนี้ ระลึกได้ดีขึ้น จะระลึกย้อนหลังไปได้ดีขึ้นในชาตินี้เอง ความระลึกได้ซึ่งเป็นตัวสตินี้ถ้าไม่ดี ระลึกย้อนหลังไปในชาตินี้เองก็ไม่ดี ดังเช่นถ้ามีสติที่ระลึกได้ดี ฟังอะไรก็ย่อมจะจำได้ดี อ่านอะไรก็ย่อมจะจำได้ดี คือมีสติสัมปชัญญะตั้งอยู่ในสิ่งที่ฟังในสิ่งที่อ่าน ก็เป็นอันว่าได้สมาธิในสิ่งที่ฟังในสิ่งที่อ่าน อ่านหนังสือหนึ่งหน้าก็จะจำได้มาก ฟังเรื่องอะไรก็จะจำได้มาก แต่ถ้าไม่มีสติไม่มีสัมปชัญญะอยู่ในสิ่งที่ฟังในสิ่งที่อ่านแล้ว จะจำอะไรไม่ได้เลย ถ้ามีสติสัมปชัญญะอยู่ในสิ่งอ่านสิ่งที่ฟังน้อย ก็จะจำได้น้อย มากก็จำได้มาก

เพราะฉะนั้น การฝึกหัดสติให้ดีพร้อมทั้งสัมปชัญญะนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ จะทำให้ระลึกได้จำได้ย้อนหลังไปได้มาก เมื่อวานนี้ วานซืนนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว ถอยหลังไปเป็นต้น จะจำได้มากขึ้นๆ และเมื่อมีสติสัมปชัญญะอยู่กับตัว คืออยู่กับกายเวทนาจิตธรรม เป็นสมาธิที่แนบแน่น เป็นอัปปนาสมาธิ อย่างดีที่สุดก็จะทำให้ความจำคือความระลึกได้นี้ ย้อนหลังไปได้มากที่สุด

ก็เพราะว่าสัตว์ทั้งหลาย คือตัวเราเองนี้ก็เป็นหนึ่งในสัตว์ทั้งหลาย ย่อมได้ประสบพบผ่านอดีตของตนมาแล้วทั้งนั้น และจุติคือเคลื่อน อุบัติคือเข้าถึง หรือเกิดมาชาติหนึ่งๆก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น สัตว์ทั้งหลายโดยเฉพาะคือตัวเราทั้งหลายนี้ จึงมีสิ่งที่ประสบพบผ่านเหล่านี้เก็บอยู่ ซึ่งเมื่อมีสติที่ระลึกได้ดีแล้ว ก็ย่อมจะนึกย้อนหลังได้ดี เหมือนอย่างเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วในวันนี้ หรือเมื่อวานนี้

วิชชา 3
ขันธ์ 5 นามรูป
สติพละ สติอินทรีย์
กาย เวทนา จิต ธรรม เท่ากับเป็นขันธ์ 4

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย