ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรม >>
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
อารยธรรมอียิปต์
อารยธรรมเปอร์เซีย
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุและอินเดีย
อารยธรรมจีน
อารยธรรมกรีก
ประเด็นทางความคิดหลักๆ
วิทยาศาสตร์กับอภิปรัชญาสมัยใหม่
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุและอินเดีย
อินเดียเป็นอารยธรรมของคนในแถบเอเชียใต้และมีอิทธิพลต่ออารยธรรมอื่นๆ โดยเฉพาะอารยธรรมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก อารยธรรมอินเดียโบราณหรืออารยธรรมลุ่มแม้น้ำสินธุ จัดเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ดินแดนบริเวณนี้ประมาณ 3,000-2,500 ปีก่อนคริสตกาล จัดเป็นแหล่งอารยธรรมเมืองแห่งหนึ่งของโลกยุคโบราณ จากการขุดค้นพบ เมืองโมเฮนโจดาโร (Mohenjo-daro) และเมืองฮารัปปา (Harappa) ซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมแห่งนี้ พบว่ามีความเจริญอย่างยิ่งในด้านการวางผังเมือง เพราะมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระบบระเบียบ มีระบบท่อระบายน้ำ มีสระขนาดใหญ่ภายใต้ตึก 3 ชั้น ยุ้งฉางสำหรับเก็บผลผลิตทางการเกษตร และมีหลักฐานการติดต่อค้าขายกับดินแดนเมโสโปเตเมียอีกด้วย
เมืองโมเฮนโจดาโร
ผู้คนที่มีบทบาทในการพัฒนาและสร้างสรรค์อารยธรรมในแถบนี้มีด้วยกัน
2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในลุ่มแม่น้ำสินธุตั้งแต่ปลายยุคหินใหม่
เรียกว่า ดราวิเดียน มีรูปร่างเล็ก ผิวดำ จมูกแบน ส่วนอีกลุ่มหนึ่ง คือ
อินโด-อารยัน มีรูปร่างสูงใหญ่ จมูกโด่ง ผิวขาว
มีถิ่นอาศัยอยู่บริเวณภาคกลางของทวีปเอเซียรอบๆ ทะเลสาบแคสเปียน
ต่อมาได้อพยพจากถิ่นเดิมไปยังดินแดนอื่นๆ
กลุ่มหนึ่งอพยพไปตั้งถิ่นฐานบริเวณคาบสมุทรกรีซและในแหลมอิตาลี กลุ่มนี้เรียกว่า
อินโดยูโรเปียน
กลุ่มที่สองไปตั้งถิ่นฐานทางทิศตะวันออกเฉียงใต้บริเวณอัฟกานิสถานและขยายสู่ทิศตะวันตกเข้าไปยังเปอร์เซีย
กลุ่มนี้เรียกว่า เปอร์เซีย
และกลุ่มที่สามขยายมาทางตะวันออกเข้ามาด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย
กลุ่มนี้เรียกว่า อินโดอารยัน และได้พัฒนาอารยธรรม
ต่อมาดินแดนแห่งนี้ได้กลายเป็นบ่อเกิดของลัทธิความเชื่อ ศาสนา และระบบปรัชญามากมาย
พัฒนาการทางความคิดที่สำคัญในอารยธรรมอินเดียเริ่มจากการนับถือเทพเจ้าหลายองค์โดยการสวดสรรเสริญและอ้อนวอนเทพเจ้า
ในช่วงแรกเป็นการสืบต่อกับด้วยการท่องจำแบบปากเปล่าในกลุ่มของผู้ทำพิธีกรรมเท่านั้น
ต่อมาได้พัฒนาเป็นคัมภีร์ประกอบด้วยสามส่วนคือ ฤคเวท ยชุรเวท และสามเวท รวมเรียกว่า
ไตรเวท ภายหลังได้แต่งคัมภีร์ชื่ออถรรพเวทเพิ่มขึ้นรวมเป็นสี่ส่วน
แต่ก็ยังเรียกว่าคัมภีร์พระเวทเหมือนเดิม เรียกยุคนี้ว่า ยุคพระเวท
พัฒนาการความคิดของอินเดียในยุคถัดมามีความหลากหลายทางความคิด
ในส่วนที่พัฒนาต่อจากพระเวท คือ มหากาพย์ที่สำคัญสอง เรื่อง คือ มหาภารตะและรามายณะ
แต่ในขณะเดียวกันก็มีการพัฒนากระแสความคิดอื่นที่แตกต่างไปจากความคิดแบบพระเวท
นั่นคือ กระแสความคิดจากพุทธศาสนาและจากศาสนาเชน
พัฒนาการความคิดจากคัมภีร์พระเวทนั้นมีหลายระดับ คือ
เริ่มแรกเป็นความคิดความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าแบบ พหุเทวนิยม (Polytheism)
นั่นคือการนับถือเทพเจ้าหลายองค์
ต่อมาได้พัฒนามาเป็นการยกย่องและให้การนับถือเทพเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว เรียกว่า
เอกเทวนิยม (Monotheism) แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีการนับถือเทพองค์อื่นๆ
ไปด้วยแต่ไม่ได้ยกย่องเป็นเทพสูงสุด
ในช่วงหลังได้พัฒนาแนวความคิดให้เป็นปรัชญามากยิ่งขึ้น จึงเกิดคัมภีร์อุปนิษัท
ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการขั้นสุดท้ายของคัมภีร์พระเวทในนามของศาสนาฮินดู
แนวความคิดในปรัชญาอุปนิษัทได้พัฒนามาสู่ เอกนิยม อย่างสัมบูรณ์
นั่นคือมีความเชื่อในความจริงสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว มีลักษณะเป็นอมตะ
เที่ยงแท้แน่นอน และเป็นจุดหมายของมนุษย์ทุกคน เรียกว่า พรหมัน หรือ ปรมาตมัน
แต่ความจริงที่ถูกเสนอโดยปรัชญาอุปนิษัทก็ถูกแย้งโดยพุทธศาสนา และศาสนาเชน
ซึ่งทั้งสองแนวความคิดนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดในปรัชญาอุปนิษัท
โดยศาสนาเชนได้เสนอความคิดเรื่องความจริงสูงสุดนั้นคือ การเข้าถึง ไกรวัลย์
หรือโมกษะ ด้วยการชำระวิญญาณให้บริสุทธิ์ด้วยการทรมานตนเองเท่านั้น
ส่วนพุทธศาสนานั้นมีความคิดแย้งกับทั้งสองกระแสความคิด คือ
พระเวทและศาสนาเชน โดยเสนอว่า
การที่มนุษย์จะเข้าถึงความจริงสูงสุดได้นั้นจะต้องขจัดกิเลสด้วยการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ไม่ใช่ด้วยการอ้อนวอนเทพเจ้าหรือการทรมานร่างกายแต่อย่างใด
พุทธศาสนาจึงเสนอความคิดเรื่อง ไตรลักษณ์ คือ หลักอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา
และหลักการปฏิบัติแบบทางสายกลาง เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา คือ ความเห็นชอบ
ความดำริชอบ การพูดชอบ การกระทำชอบ การเลี้ยงชีพชอบ การทำความเพียรชอบ
การตั้งสติชอบ และการตั้งใจชอบ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มรรค 8 ประการ
ความคิดจากอารยธรรมอินเดียได้แพร่กระจายได้ตามอาณาจักรต่างๆ มากมาย
โดยเฉพาะความคิดจากศาสนาฮินดูได้แพร่เข้าสู่อาณาจักรทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนก่อให้เกิดวิหารเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา
ก่อให้เกิดสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และวรรณคดีทางศาสนามากมาย
ต่อมาเมื่อพุทธศาสนาได้รับการยอมรับมากขึ้นและได้แพร่ขยายเข้ามาสู่ทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และเอเชียตะวันออก
โดยเฉพาะการแพร่ขยายไปตามเส้นทางสายไหมจากอินเดียสู่จีนและเปอร์เซีย
แนวความคิดทางพุทธศาสนาก็เข้ามาเจริญแทนที่กระแสความคิดเดิม