วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>
เสือโคร่ง
เสือดาว
เสือดำ
เสือลายเมฆ
แมวป่าหัวแบน
แมวป่า
แมวลายหินอ่อน
แมวดาว
เสือปลา
แมวป่าหัวแบน
ลักษณะทั่วไป
แมวป่าหัวแบน จัดเป็นแมวที่แปลกกว่าแมวชนิดอื่น ๆ
มันมีรูปหัวที่ยาวและแคบ และหน้าผากที่แบนราบสมชื่อ มีลำตัวยาวและขาสั้น ดูเผิน ๆ
อาจคล้ายกับพวกชะมดหรือนากมากกว่าแมว
แมวป่าหัวแบนมีขนาดใกล้เคียงกับแมวบ้านตัวโต ๆ ตัวเต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ
1.5-2.5 กิโลกรัม ลำตัวยาว ขนตามลำตัวยาว อ่อนนุ่มและแน่น
ตามลำตัวมีสีน้ำตาลคล้ำและลายจุดละเอียดทั่วตัว
ขนตรงส่วนที่เป็นลายจุดมีสีเทาหรือสีเนื้อที่ปลายเส้น
สีของหัวมีสีน้ำตาลอมแดงและดูสว่างกว่าลำตัว ปากค่อนข้างยาว
คางสีขาวและมีแต้มขาวที่แก้ม มีเส้นสีเหลืองลากตั้งแต่ตาไปที่หูทั้งสองข้าง
หูกลมและเล็กผิดจากแมวทั่วไป และอยู่ค่อนไปทางข้างหัวมากกว่า
ใต้ลำตัวสีขาวและมักมีจุดหรือแถบสีน้ำตาล ดวงตาใหญ่สีน้ำตาลอยู่ชิดกัน
ใบหูกลมและสั้น ขาสั้น อาจมีแถบลายจาง ๆ พาดตามแนวนอน
อุ้งตีนแคบและยาวคล้ายกับแมวบอร์เนียวแดง หางสั้นประมาณ 13-17 เซนติเมตร หรือราว
25-35 เปอร์เซ็นต์ของความยาวหัว-ลำตัวและมีขนหนาแน่น มีสีน้ำตาลแดง
ส่วนใต้หางจะออกเหลืองเล็กน้อย
แมวป่าหัวแบนมีปลอกเล็บตีนสั้นทำให้เมื่อหดเล็บเข้าไปจะยังเห็นส่วนปลาย
เช่นเดียวกับชีตาห์ เสือปลา และแมวชอฟรัว (Oncifelis geoffroyi)
โดยจะเก็บเข้าไปได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น
เล็บของมันจึงโผล่พ้นตีนออกมาและมองเห็นได้
ระหว่างนิ้วตีนยังมีพังพืดเชื่อมเพื่อช่วยในการว่ายน้ำแบบเดียวกับเสือปลา
พังผืดของแมวป่าหัวแบนมีมากกว่าพังผืดของเสือปลาเสียอีก
ทำให้เหมาะแก่การใช้ชีวิตริมน้ำ นอกจากนี้ยังมีกรามที่ยาว แคบ
มีฟันที่แหลมคมกว่าแมวชนิดอื่น ๆ ซ้ำยังโย้เข้าหาด้านในปาก
ยิ่งทำให้เหมาะที่จะคาบเหยื่อจำพวกปลาหรือกบไม่ให้ลื่นหลุดได้ง่าย
ดวงตาที่ใหญ่ทำให้เหมาะกับการล่าในเวลากลางคืน จริง ๆ แล้วแมวชนิดนี้น่าจะเรียกว่า
เสือปลา มากกว่าเสือปลา (Felis viverrina) จริง ๆ เสียอีก
ถิ่นที่อยู่อาศัย
แม้ว่าเราจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับแมวป่าหัวแบนน้อยมาก
แต่เชื่อว่ามันอาศัยอยู่ในป่าลึกที่ราบต่ำ และมีลำธารอุดมสมบูรณ์ หรือในพื้นที่ ๆ
เป็นหนองน้ำ ระดับสูงสุดที่เคยพบเห็นคือ 700 เมตร
ที่เขาดูลิตเขตกระจายพันธุ์สูงสุดไม่เกินคอคอดกระ
เมื่อปี 2528 ได้มีการประกาศว่าแมวป่าหัวแบนได้สูญพันธ์ไปจากมาเลเซียแล้ว
แต่ต่อมาในปี 2534 มีผู้พบเห็นอีกในสวนปาล์มน้ำมันในมาเลเซียและล่าหนูเป็นอาหาร
อุปนิสัย
จากการสังเกตอุปนิสัยในกรงเลี้ยงของลูกแมวป่าหัวแบนตัวหนึ่งในกัวลาลัมเปอร์
พบว่ามันชอบเล่นน้ำมาก เมื่อเจ้าหน้าที่นำอ่างน้ำเข้าไปในกรง
มันจะรีบกระโจนเข้ามาเล่นโดยไม่รีรอ และเล่นอย่างสนุกสนาน
ทั้งเล่นของเล่นใต้น้ำหรือแม้แต่นั่งแช่น้ำนานนับชั่วโมง
มันสามารถมุดหัวลงไปคาบจับปลาใต้น้ำลึก 5 นิ้วได้
นอกจากนี้ยังพบว่ามันชอบนำสิ่งของไปล้างน้ำ ซึ่งคล้ายกับพฤติกรรมของแรกคูน
และพบว่ามันมีการล้างอาหารก่อนกินด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำล้างกรง
มันก็จะเข้ามาเล่นกับสายน้ำอย่างสนุกสนาน มันจับกบที่บังเอิญกระโดดเข้าไปในกรง
แต่เมื่อมีนกกระจอกบินเข้าไปในกรงบ้างมันกลับไม่สนใจเลย เวลาอาหาร
มันจะเข้ามากินโดยการตะครุบ
แล้วคาบย้ายเหยื่อไปกินห่างจากจุดที่ให้อาหารไม่น้อยกว่า 6 ฟุต
นี่อาจเป็นสัญชาติญานตามธรรมชาติที่ทำให้เหยื่อที่ลื่นไหลของมันที่ถูกจับได้ไม่อาจกลับสู่น้ำได้แม้ว่าอาจจะลื่นลุดจากปากก็ตาม
เมื่อปี 2548 ประเทศไทยได้ยืดลูกแมวป่าหัวแบนสองตัวจากผู้ลักลอบขนย้าย
ปัจจุบันแมวทั้งสองตัวซึ่งเป็นตัวเมียทั้งสองตัวได้รับการเลี้ยงดูที่ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์ป่าเขาประทับช้าง
จังหวัดราชบุรี จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ผู้เลี้ยง
แมวป่าหัวแบนจะกินเฉพาะปลาน้ำจืดเท่านั้น แต่ไม่กินปลาทะเลเลย ไม่กินเนื้อกบ
เมื่อให้อาหาร แมวจะคาบอาหารแล้วนำกลับเข้าไปกินในลังนอน
จากการผ่าดูกระเพาะของแมวป่าหัวแบนตัวเต็มวัยตัวหนึ่งในประเทศมาเลเซีย
พบว่ามีปลาเพียงอย่างเดียว
อีกตัวหนึ่งเป็นตัวผู้ที่ตายในป่าของป่าอนุรักษ์กาลิมันตัน
ในกระเพาะมีเกล็ดปลาและเปลือกกุ้ง ในบอร์เนียว
พบว่าแมวป่าหัวแบนมักจับกบและปลาเป็นอาหาร
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแมวป่าหัวแบนจะหากินกับสัตว์น้ำเป็นหลัก
แต่ก็มีบันทึกว่ามันกินสัตว์ฟันแทะและนกบ้างเหมือนกัน มีบันทึกจากนักปักษีวิทยาชื่อ
บี.เอ็น. สมิททีส์ ว่าพบแมวป่าหัวแบนตัวหนึ่งในซาราวักถูกยิงขณะไล่จับลูกไก่ และ
เอ็ม. คาน ก็เคยบันทึกว่าแมวป่าหัวแบนตัวหนึ่งในเปรัก มาเลเซีย
เคยติดกับดักสำหรับดักชะมดที่ใช้ไก่เป็นเหยื่อล่อ
เชื่อว่าแมวป่าหัวแบนในธรรมชาติอาศัยโดยลำพัง
และประกาศอาณาเขตโดยการปล่อยปัสสาวะเช่นเดียวกับแมวทั่วไป ในแหล่งเพาะเลี้ยง
พบว่าแมวป่าหัวแบนทั้งตัวผู้และตัวเมียต่างก็ปล่อยกลิ่นโดยปัสสาวะเหมือนกัน
วิธีปล่อยกลิ่นของแมวป่าหัวแบนต่างจากแมวชนิดอื่น
แมวทั่วไปใช้วิธีหันก้นเข้าใส่เป้าหมายซึ่งอาจเป็นต้นไม้หรือพุ่มไม้
เหยียดหางตรงชี้ฟ้า แล้วฉีดปัสสาวะออกไปเป็นฝอย แต่แมวป่าหัวแบนจะยกหางขึ้นเฉียง ๆ
ย่อขาหลังลงแล้วเดินไปข้างหน้าทั้งที่อยู่ในท่าย่ออย่างนั้นพร้อมกับปล่อยปัสสาวะออกมาเป็นทาง
เสียงลูกแมวป่าหัวแบนคล้ายเสียงของลูกแมวบ้านทั่วไป
แต่ค่อนข้างสั่นเครือมากกว่า Muul และ Lim บรรยายไว้ว่าเสียงเหมือนเอานิ้วถูไปบนหวี
ชีววิทยา
แมวป่าหัวแบนตัวเมียตั้งท้องนานราว 56 วัน ออกลูกครั้งละ 1-4 ตัว
ฤดูกาลไม่ทราบแน่ชัด แต่เคยมีผู้พบเห็นลูกแมวในเดือนมกราคม
ลูกแมวมีสีสันคล้ายกับตัวเต็มวัยมาก เพียงแต่สีออกจะเป็นสีเทามากกว่าเท่านั้น
หลังจากนั้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปจนเหมือนตัวเต็มวัยเมื่ออายุได้ 1 ปี
ในสถานที่เพาะเลี้ยง มันอาจมีอายุอยู่ได้ถึง 14 ปี
ภัยที่คุกคาม
ด้วยเหตุที่แมวป่าหัวแบนอาศัยและหากินอยู่ริมน้ำ
มันจึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากมลภาวะทางน้ำ โดยเฉพาะการปนเปื้อนของน้ำมัน
คลอรีน และโลหะหนักที่ได้จากการทำเกษตรเคมีและการทำไม้
โดยสารพิษเหล่านี้จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางอาหารของมัน นอกจากนี้
การเปลี่ยนแปลงสภาพของแหล่งน้ำที่หากินของแมวป่าหัวแบนเพื่อขยายที่ดินทำกินของมนุษย์ก็ทำให้มันลดจำนวนลงเช่นกัน
สถานภาพ
สถานะภาพของประชากร
แมวป่าหัวแบนจัดเป็นแมวป่าที่หายากที่สุดชนิดหนึ่งของโลก
มีผู้พบเห็นมันน้อยครั้งมาก จึงไม่อาจประเมินสถานภาพที่แน่นอนได้ไอยูซีเอ็น :
ข้อมูลไม่เพียงพอ
สถานภาพการคุ้มครอง ไซเตส : บัญชีหมายเลข 1
ไทย :
สัตว์ป่าคุ้มครอง
ห้ามล่าและห้ามซื้อขาย อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ไทย
ควบคุมการล่า สิงคโปร์
ไม่มีการคุ้มครอง บรูไนดารุสซาราม
ข้อมูลอ้างอิง
- Wild Cats of the World, Mel Sunquist and Fiona Sunquist, The University of Chicago Press
- http://www.canuck.com/iseccan/flathd.html
- http://lynx.uio.no/catfolk/plani-01.htm
- http://dialspace.dial.pipex.com/agarman/flathead.htm