วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา >>

จริยธรรมในการวิจัยด้านเซลล์ต้นกำเนิด

ใครได้ ใครเสียประโยชน์ และใครควรถูกคุ้มครอง
ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นเมื่อไหร่
แนวทางขององค์การ UNESCO
อังกฤษ ผู้นำของการวิจัยวิทยาศาสตร์ด้านตัวอ่อนและการเจริญพันธุ์
สหรัฐอเมริกา ประกาศนโยบายไม่สนับสนุนการวิจัยที่ใช้ตัวอ่อน
แนวปฏิบัติสำหรับประเทศไทยยังอยู่ในระยะทดลองใช้

อังกฤษ ผู้นำของการวิจัยวิทยาศาสตร์ด้านตัวอ่อนและการเจริญพันธุ์

       เป็นที่ทราบกันดีว่าอังกฤษเป็นประเทศที่อยู่ในระดับแนวหน้าของการวิจัยเกี่ยวกับตัวอ่อนและเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เห็นได้จากการที่ประเทศอังกฤษให้กำเนิดเด็กหลอดแก้ว (เกิดด้วยกระบวนการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือ in vitro fertilisation – IVF) รายแรกของโลกที่ชื่อหลุยส์ บราวน์ เมื่อปี ค.ศ. 1978

จากนั้นเรื่องของเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และความเหมาะสมของการวิจัยเกี่ยวกับตัวอ่อนก็เป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคม จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1982 รัฐบาลก็ได้มอบหมายให้คณะกรรมการชุดหนึ่งที่มีชื่อว่า The Warnock Committee ศึกษาโดยรวบรวมข้อมูลและความคิดเห็นของประชาชน สรุปและจัดทำข้อเสนอแนะเป็นรายงานต่อรัฐบาลที่ชื่อว่า The Warnock Report (1984) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่นำไปสู่การออกกฎหมาย Human Fertilisation and Embryology Act ในปี ค.ศ. 1990

 

กฎหมายฉบับนี้มอบอำนาจแก่หน่วยงานอิสระที่ชื่อว่า Human Fertilisation and Embryology Authority (HFEA) ตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 ให้เป็นองค์กรระดับชาติที่ควบคุมดูแล และออกใบอนุญาตแก่ผู้ที่ปฏิบัติงานด้านตัวอ่อนมนุษย์และการเจริญพันธุ์ ภายใต้บทบังคับของกฎหมายฉบับนี้นักวิจัยอังกฤษสามารถใช้ตัวอ่อนที่มีอายุไม่เกิน 14 วันในการวิจัย (ด้านสเต็มเซลล์ ฯลฯ) หรือแม้แต่สร้างตัวอ่อนขึ้นเพื่อการวิจัยก็ได้ แม้ว่าต่อมาในปี ค.ศ. 2001 อังกฤษได้ออกกฎหมายเพิ่มเติมอีกฉบับหนึ่งชื่อว่า Human Reproductive Cloning Act ทำให้การโคลนมนุษย์เพื่อเจริญพันธุ์เป็นสิ่งผิดกฎหมายและมีบทลงโทษทางอาญาที่ชัดเจนก็ตาม แต่ก็มิได้ห้ามการโคลนมนุษย์เพื่อ (สร้างสเต็มเซลล์สำหรับ) บำบัดรักษา ทำให้นักวิจัยอังกฤษมีอิสระค่อนข้างมากในการวิจัย

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกันการที่มีหน่วยงานเฉพาะทางที่มีอำนาจควบคุมดูแลตามกฎหมายเช่นนี้ เปิดโอกาสให้มีการระงับการวิจัยในอนาคต (เมื่อมีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ) ที่อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมได้โดยทันทีด้วยการเพิกถอนใบอนุญาต ไม่ต้องรอให้มีการออกกฎหมายหรือกฎระเบียบใหม่ จึงถือได้ว่าเป็นระบบที่ทั้งเข้มงวดและยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย