วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา
ชีววิทยาของไรน้ำนางฟ้า
ประวัติการค้นพบ
ชนิดและการแพร่กระจายในประเทศไทย
ความสำคัญและประโยชน์
การเพาะเลี้ยงไรน้ำนางฟ้า
การส่งเสริมให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจ
ประวัติการค้นพบ
ไรน้ำนางฟ้า ความจริงแล้วมีอยู่ในธรรมชาติมานานแล้ว คนอีสานเรียกว่า
แมงอ่อนช้อย หรือ แมงหางแดง หรือ แมงแงว หรือ แมงน้ำฝน
ชาวบ้านได้นำมาประกอบอาหารเช่นเดียวกับลูกอ๊อดของกบ เมื่อศาสตราจารย์ ดร.ละอองศรี
เสนาะเมือง ได้ทำการเก็บตัวอย่างแพลงก์ตอนสัตว์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อปี
พ.ศ.2536 ได้พบตัวอย่างไรน้ำนางฟ้าเพศเมียที่หนองน้ำแห่งหนึ่งในจังหวัดหนองบัวลำภู
หลังจากนั้นได้พยายามเก็บตัวอย่างติดต่อกันหลายปี
เพื่อให้ได้ตัวอย่างตัวเต็มวัยเพศผู้ เพื่อใช้ในการจำแนกชนิด จนกระทั่งในปีพ.ศ.2541
จึงได้ตัวอย่างทั้งสองเพศที่ตัวเต็มที่
และจากการตรวจสอบลักษณะทางสัณฐานวิทยาโดยละเอียด
รวมทั้งเปรียบเทียบกับตัวอย่างไรน้ำนางฟ้าสกุลเดียวกันที่มีการตั้งชื่อแล้วทั่วโลก
จากการตรวจสอบเอกสารพบว่าเคยมีนักวิชาการไทยนำไรน้ำนางฟ้ามาเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการแล้วตั้งแต่ปี
พ.ศ.2530 โดยเรียกว่า อาร์ทีเมียน้ำจืด
แต่ไม่มีใครจำแนกชนิดและรายละเอียดเกี่ยวกับอนุกรมวิธานและยังไม่มีการตั้งชื่อวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ
ลักษณะรูปร่างและที่อยู่อาศัย
ไรน้ำนางฟ้าจัดเป็นสัตว์น้ำจืดชนิดหนึ่งที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกุ้งขนาดเล็ก
แต่ไม่มีเปลือกแข็งหุ้ม จัดอยู่ในประเภทสัตว์โบราณ เนื่องจากมีขาว่ายน้ำจำนวน 11
คู่
และมีพฤติกรรมการว่ายน้ำแบบหงายท้องโดยใช้ขาว่ายกรรเชียงน้ำและโบกพัดอาหารเข้าปาก
ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย ลำตัวยาวโดยเฉลี่ย 2 เซนติเมตร
ส่วนหางแยกเป็นสองแฉกมีสีแดงส้ม บริเวณหัวมีตาขนาดใหญ่มีก้านตายาว 1 คู่มีหนวด 2
คู่ หนวดคู่ที่ 2
ของตัวผู้จะเปลี่ยนแปลงไปใช้สำหรับการจับตัวเมียเมื่อถึงเวลาผสมพันธุ์และใช้ในการจำแนกชนิด
ไรน้ำนางฟ้าเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างหายากในบริเวณเขตร้อนชื้น
ส่วนใหญ่พบอาศัยอยู่ในน้ำจืดในเขตอบอุ่นของทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อาฟริกา
และเอเชีย สำหรับในเอเชียพบว่ามีไรน้ำนางฟ้าที่ตั้งชื่อแล้ว 6
ชนิดอาศัยอยู่ในอินเดีย และอินโดนีเซีย
แหล่งที่อยู่อาศัยของไรน้ำนางฟ้ามีลักษณะเฉพาะ
กล่าวคือเป็นบ่อหรือคลองที่มีน้ำขังอยู่ชั่วคราวในฤดูฝน (temporary pond) เท่านั้น
ในช่วงฤดูแล้งน้ำจะแห้ง ก่อนที่น้ำจะแห้งตัวเมียจะผลิตไข่ที่มีเปลือกหนาจำนวนมาก
เมื่อน้ำแห้งไข่เหล่านี้จะอยู่ในระยะพักตัว
เมื่อมีฝนตกลงใหม่ในปีถัดไปไข่สามารถฟักเป็นตัวอ่อนและเจริญเป็นตัวเต็มวัยต่อไป
ซึ่งในประเทศไทยพบอยู่ในบ่อที่มีน้ำขังชั่วคราวขนาดเล็ก คลองข้างถนนและนาข้าว
ส่วนฤดูกาลที่พบไรน้ำนางฟ้าได้นั้นเป็นช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนสิงหาคม