ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน
นิวรณ์ธรรมจัดเป็น ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไรภิกษุ ย่อมพิจารณาเป็นธรรมในธรรมเนือง ๆ อยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคือ นิวรณ์ ๕ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อย่างไรภิกษุ ย่อมพิจารณาธรรมในธรรมคือ นิวรณ์ ๕ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันท์เกิด มี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อกามฉันท์ไม่มี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่ากามฉันท์ไม่มี ณ ภายในจิตของเรา
อนึ่ง ความที่กามฉันท์อันยังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความละกามฉันท์ที่เกิดขึ้น แล้วเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความที่ตนละกามฉันท์นั้นแล้ว ไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
อนึ่ง เมื่อพยาบาทมี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อพยาบาทไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าพยาบาทไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่งความที่พยาบาทยังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความละพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วเสียด้วยประการใดย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความที่พยาบาทอันตนละเสียแล้วไม่เกิดขึ้นได้ต่อไปได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
อนึ่ง เมื่อถีนมิทธะมี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่งความที่ถีนมิทธะยังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความละถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วเสียด้วยประการใดย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความที่ถีนมิทธะอันตนละเสียแล้วไม่เกิดขึ้นได้ต่อไปได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
อนึ่ง เมื่ออุทธัจจะกุกกุจจะมี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจะกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่ออุทธัจจะกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าอุทธัจจะกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่งความที่อุทธัจจะกุกกุจจะยังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความละอุทธัจจะกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วเสียด้วยประการใดย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความที่อุทธัจจะกุกกุจจะอันตนละเสียแล้วไม่เกิดขึ้นได้ต่อไปได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
อนึ่ง เมื่อวิจิกิจฉามี ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อวิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่าวิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่งความที่วิจิกิจฉายังไม่เกิดขึ้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความละวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วเสียด้วยประการใดย่อมรู้ประการนั้นด้วย อนึ่งความที่วิจิกิจฉาอันตนละเสียแล้วไม่เกิดขึ้นได้ต่อไปได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ประการนั้นด้วย
ดังนี้ภิกษุย่อมพิจารณา เห็นธรรมในธรรม ในภายในบ้าง ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมในภายนอกบ้าง ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม ทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือ ความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง ย่อมพิจารณาเห็นธรรมดา คือความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมพิจารณาคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมไปในธรรมบ้าง ก็หรือสติว่าธรรมมีอยู่ เข้าไปตั้งอยู่เฉพาะหน้าแก่เธอบ้าง แต่เพียงสักว่าเป็นที่รู้ แต่เป็นสักว่าเป็นที่อาศัยระลึก เธอย่อมไม่ติดอยู่ด้วย ย่อมไม่ยึดถืออะไร ๆ ในโลกด้วย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ อย่างนี้แล