เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การเพาะเลี้ยงปลาสวาย
เรียบเรียงโดย
ปกรณ์ อุ่นประเสริฐ, สถาบันวิจัยสุขภาพสัตว์น้ำ
การเลี้ยงปลาสวาย
การเลี้ยงปลาสวายประเภทเลี้ยงชนิดเดียวนั้น ปัจจุบันมีการเลี้ยงอยู่ 2 วิธีคือเลี้ยงในบ่อดินและเลี้ยง ในกระชัง
1. การเลี้ยงปลาในบ่อดิน
การเลี้ยงปลาสวายในบ่อดินทำกันมากในภาคกลาง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดนครสวรรค์ลงมาถึงสุพรรณบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร แต่ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยง การให้อาหารตลอดจนการเจริญเติบโตค่อนข้างจะแตกต่างกันมาก ทั้งนี้เป็น เพราะมีปัจจัยอยู่หลายอย่างที่ทำให้มีข้อแตกต่างดังกล่าว เช่น น้ำและคุณสมบัติของน้ำที่ใช้เลี้ยง อาหารที่ใช้เลี้ยง วิธีการเลี้ยง และการจัดการ ตลอดจนการเอาใจใส่ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่สำคัญใน การเลี้ยงทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามการเลี้ยงปลาสวาย ควรจะได้มีการพิจารณาหลักทั่ว ๆ ไปดังต่อไปนี้
- ขนาดของบ่อและที่ตั้ง ควรเป็นบ่อขนาดใหญ่ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 1
ไร่ขึ้นไปหรืออย่างน้อยไม่ควร ต่ำกว่า 400 ตารางเมตร ความลึกประมาณ 2 เมตร
ที่ตั้งของบ่อควรใกล้แม่น้ำหรือลำคลองที่สามารถรับน้ำและ
ระบายน้ำเข้าออกได้เมื่อต้องการ
- การเตรียมบ่อ ใช้หลักการและวิธีการเดียวกับหลักการเตรียมบ่อเลี้ยงปลาทั่วไป
- น้ำที่เอามาใส่ไว้ในบ่อ ต้องเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติมีความเป็นกรด-ด่าง
และปริมาณออกซิเจนเหมาะสม
- การคัดเลือกพันธุ์ปลาสำหรับปล่อยลงบ่อเลี้ยงควรพิจารณาถือเอาหลักง่าย ๆ
ดังนี้
- เป็นปลาที่สมบูรณ์ ไม่เป็นแผล ไม่แคระแกร็นหรือพิการ และปราศจากโรค
- เป็นปลาขนาดไล่เลี่ยกัน เพราะปลาที่โตแตกต่างกันจะรังแกกันและแย่งอาหาร สู้ตัวโตไม่ได้ เมื่อถึงเวลา จับขายทำให้มีปัญหา บางทีต้องคัดทำการเลี้ยงต่อไปหรือบางทีมีอุปสรรคในการเลี้ยง
- อัตราการปล่อย ปลาที่ปล่อยควรมีขนาดค่อนข้างโต หรือขนาด 5 - 12 ซม.
อัตราการปล่อย 2 - 3 ตัว/ ตารางเมตร
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณณและคุณภาพของอาหาร
และความอุดมสมบูรณ์ของน้ำที่ใช้เลี้ยง
- อาหาร ปลาสวายเป็นปลากินอาหารได้ทุกประเภทโดยไม่เลือก ซึ่งได้แก่พืช
สัตว์เล็ก ๆ อยู่ในน้ำ เช่น พวกแมลง ไส้เดือน หนอนและตะไคร่น้ำ
ตลอดจนพวกจอกแหนและผักที่กินใบ นอกจากนั้นปลาสวายยังมีความ
สามารถในการใช้มูลสัตว์จำพวกหมู ไก่ และจำพวก วัว ควาย
ให้เป็นอาหารโดยตรงได้อีกด้วย เพราะเหตุนี้เอง
ปลาสวายจึงเป็นปลาที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นปลาเลี้ยงแบบไร่ผสมหรือเรียกว่าแบบผสมผสานชนิดหนึ่งที่ได้รับ
ความนิยมอย่างกว้างขวาง
การหาวัสดุมาใช้เป็นอาหารของปลาสวายเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งของการเลี้ยงปลาสวายเพราะในการเลี้ยง ปลาสวายให้มีความสำเร็จหรือให้ได้ผลกำไรนั้นอยู่ที่การหาวัสดุมาใช้เป็นอาหาร ถ้าหากการหาวัสดุมาได้ด้วยราคา ถูก การเลี้ยงปลาก็ได้กำไร และในทางตรงกันข้ามถ้าวัสดุอาหารหาได้ด้วยราคาแพงก็จะได้กำไรน้อยหรือขาดทุน
อาหารที่ใช้เลี้ยงปลาสวายในเขตชานเมืองของกรุงเทพมหานครปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นแหล่งผลิตปลาสวาย ส่วนใหญ่จะได้มาจาก
- เศษอาหารจากภัตตาคารและร้านค้า
- พวกมูลสัตว์ หรืออาหารจากส่วนที่ย่อยไม่หมดของกระเพาะและลำไส้ของโค กระบือและสุกรจาก โรงฆ่าสัตว์
- เศษผักจากสวนผักซึ่งผู้ทำสวนผักตัดและคัดทิ้ง
- เศษผักจากตลาดสดที่ถูกตัดทิ้ง ตลอดจนเศษเครื่องในและเหงือกปลาที่แม่ค้าในตลาดควักออกทิ้ง
- เศษมันเส้น (จากมันสำปะหลัง) หรือมันเส้น หรือหัวมัน ตลอดจนใบมัน โดยเฉพาะใบมันอาจโยนให้ โดยตรงหรือต้มผสมกับวัสดุอื่นให้กิน
- การเจริญเติบโต การเลี้ยงปลาสวายในบ่อดินจะใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 8-12 เดือน
ปลาสวายจะมีขนาด 1 - 1.5 กก. ซึ่งเป็นขนาดที่จำหน่ายได้ในท้องตลาดทั่ว ๆ ไป
- การจับ หากทำการจับปลาจำนวนน้อย ให้ใช้แหหรือสวิงแต่ถ้าจำนวนมาก
ควรใช้อวนหรือเฝือกสุกล้อม
หากเป็นบ่อขนาดใหญ่ให้แบ่งตอนของบ่อด้วยเฝือกหรืออวนก่อน
แล้วใช้อวนล้อมสกัดจับส่วนที่ต้องการ ออก
เพื่อไม่ให้ปลาในบริเวณที่เหลือมีอาการตื่นตกใจตามไปด้วย
- ผลผลิต ปลาที่เลี้ยงในบ่อดินจะมีผลผลิตในระยะ 8 - 12 เดือน ประมาณ 4,000 - 6,000 กก./ไร่ ทั้งนี้แล้วแต่ความอุดมสมบูรณ์ของอาหารที่ให้และน้ำที่ใช้เลี้ยง
ผลผลิตที่ได้นำไปขาย
การแก้ปัญหากลิ่นสาบโคลนของปลาสวายที่เลี้ยงในบ่อ
จากการเลี้ยงปลาสวายในบ่อโดยเฉพาะที่เลี้ยงอย่างหนาแน่นนั้น
มักจะมีกลิ่นสาบโคลนเมื่อนำมาทำเป็น อาหาร การแก้ปัญหากลิ่นสาบโคลนมีดังนี้
- ถ่ายเทน้ำที่เลี้ยงปลาติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ก่อนจะนำปลาสวายไปจำหน่ายหรือทำอาหาร
- ก่อนจะนำไปจำหน่ายหรือทำอาหาร ควรจับปลาหรือถ่ายปลาจากบ่อใหม่ที่มีน้ำสะอาดและถ่ายเทได้ พอสมควร แล้วให้อาหารจำพวกปลายข้าวต้มผสมรำก่อนนำไปจำหน่าย 2 - 3 วัน จะทำให้ปลามีกลิ่นดีขึ้นเมื่อ ทำอาหาร
2. การเลี้ยงปลาในกระชัง
การเลี้ยงปลาสวายในกระชังนั้น เป็นการเลี้ยงที่ให้ผลผลิตสูงกว่าการเลี้ยงในบ่อดิน เป็นการเลี้ยงที่ได้รับ ความนิยมอย่างมาก จากราษฎรที่อาศัยเรือนแพในแม่น้ำ ลำคลองแถบภาคกลาง เช่น จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ หลักเกณฑ์การเลี้ยงปลาสวายในกระชังมีดังนี้
- ที่ตั้งของกระชัง ควรตั้งในแหล่งน้ำจืดที่มีน้ำไหลถ่ายเทได้ เช่น แม่น้ำ
ลำคลอง หากจะเลี้ยงในอ่างเก็บน้ำควรตั้งกระชังให้อยู่ในบริเวณตอนบนของอ่าง
ซึ่งมีกระแสน้ำพอที่จะช่วยถ่ายเทของเสียจากกระชังได้บ้างก็จะเป็นการดี
- วัสดุที่ใช้สร้างกระชัง ส่วนใหญ่นิยมทำด้วยไม้เนื้อแข็ง
และจะมีอยู่บ้างที่ยังใช้ไม้ไผ่สานทำเป็นกระชัง
นอกจากนั้นก็มีการใช้เนื้ออวนโพลีเอททีลิน แต่ยังไม่แพร่หลายมากนัก
ในการใช้วัสดุพยุงกระชังให้ลอยน้ำนั้นนิยม ใช้ไม้ไผ่มัดเป็นแพลูกบวบ
- ขนาดของกระชัง ส่วนใหญ่ถ้าเป็นกระชังไม้หรืออวนจะมีขนาด 8 - 15 ตารางเมตร
ลึก 1.25 - 1.50 เมตร และถ้าเป็นไม้ไผ่สานจะมีขนาด 2 x 5 x 1.5 เมตร
- อัตราการปล่อย ปลาที่ปล่อยเลี้ยงในกระชังขนาด 7 - 12 ซม. ปล่อยในอัตรา 100
- 200 ตัว/ตารางเมตร
- อาหารและการให้อาหาร ใช้อาหารและส่วนประกอบของอาหารที่เลี้ยงในบ่อ
แต่มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับการให้อาหารปลาที่เลี้ยงในกระชังนั้น
อาหารอาจจะฟุ้งกระจายขณะที่ปลาสวายแย่งกันกินอาหาร
จะมีส่วนสูญเสียอยู่จำนวนหนึ่งอาจแก้ไขได้โดยใส่สารเหนียวผสมในอาหารที่ให้ควรจะให้วันละ
1 ครั้ง ในปริมาณ 3 - 5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว
- การเจริญเติบโต ขึ้นอยู่กับปริมาณและคุณภาพของอาหารที่ให้
หากเป็นกระชังขนาดประมาณ 10 ตารางเมตร ลึก 1.25 เมตร ปล่อยปลา 150 - 200
ตัว/ตารางเมตร ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 1 ปี จะให้ผลผลิตประมาณ 1,500 กก./กระชัง
- การจับและลำเลียงส่งตลาด การจับปลาสวายที่เลี้ยงในกระชังนั้น ทำง่าย ๆ
แบบใช้อวนล้อมจับในกระชังซึ่งง่ายกว่าการ จับในบ่อมาก
การลำเลียงทางบกเพื่อให้ได้ปลามีชีวิตไปขายในตลาด ทำได้ง่าย ๆ โดยรถยนต์โดยเฉพาะรถปิกอัพ ใช้ ถังสี่เหลี่ยมขังน้ำประมาณเพียงเพื่อให้ท่วมปลา แล้วใช้อวนปิดถัง การลำเลียงแบบนี้ควรทำตอนเช้ามืดหรือ กลางวันซึ่งมีอากาศเย็นจะได้ผลดีมาก
»
แหล่งกำเนิดและการแพร่กระจาย
»
รูปร่างลักษณะ
»
ลักษณะเพศและการผสมพันธุ์
»
การอนุบาลลูกปลาสวาย
» การเลี้ยงปลาสวาย
»
โรคของปลาสวายและการรักษา
»
คุณค่าทางอาหารของเนื้อปลาสวาย
»
ผลผลิต และต้นทุนการผลิต
»
แนวโน้มของการเลี้ยงปลาสวาย