สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>
ประวัติและวิวัฒนาการของการพนัน
ตามหลักฐานในประวัติศาสตร์ การพนันมีต้นกำเนิดที่ประเทศจีน
เมื่อประมาณ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช จากนั้นได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอินเดีย
บาบิโลนและแพร่ขยายต่อไปยังประเทศตะวันตก กรีก โรมัน และประเทศต่างๆ
ในทวีปยุโรปกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในประเทศเยอรมันและฝรั่งเศส
จนในที่สุดประเทศอังกฤษได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการพนันขึ้นใช้บังคับเป็นผลสำเร็จขึ้นเป็นประเทศแรก
เมื่อปี ค.ศ. 1541
หลังจากนั้นจึงมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการพนันเพื่อใช้บังคับในหลายๆ
ประเทศในทวีปยุโรป การพนันประเภทลูกเต๋า
ซึ่งเป็นที่นิยมเล่นกันในประเทศแถบทวีปยุโรป ก็มีที่มาจากการพนันประเภทถั่วโป อันมี
ต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ตั้งฮั่นเป็นผู้มีอำนาจในแผ่นดินจีน
และในรัชสมัยของพระเจ้าสูนฮ่องเต้ที่ 7 ก็มีขุนนางจีนชื่อ เลียงกี
ได้คิดการพนันประเภทถั่วขึ้น ซึ่งในภาษาจีนเรียกว่า อีจี๋ หรือหัวจี๋
ต่อมาในสมัยราชวงศ์ไต้เซงราว พ.ศ. 2100
ประเทศจีนจึงได้คิดค้นวิธีการเล่นลูกเต๋าขึ้นเป็นครั้งแรกเรียกว่า ป๊อ หรือโป
และแพร่หลายมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับการเล่นพนันประเภทหวยซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสลากกินแบ่ง สลากกินรวบ
หรือลอตเตอรี่ ก็มีกำเนิดมาจากประเทศจีนในสมัยพระเจ้าเตากวางแห่งราชวงศ์ไต้เช็ง
ประมาณ พ.ศ. 2364 2394 ซึ่งแต่เดิมได้มีการเรียกกันว่า ฮวยหวย
และภายหลังต่อมาได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศแถบทวีปยุโรปและอเมริกา
เมื่อเทคโนโลยีทางจักรกลและไฟฟ้าเจริญก้าวหน้าจึงเกิดมีการเล่นแบบพลิกแพลง เช่น
สล๊อทแมชีน หรือบิลเลียดไฟฟ้า เป็นต้น
ประเทศไทยในเรื่องของการพนันเริ่มเข้ามาในยุคใด
สมัยใดไม่มีการบันทึกเป็นหลักฐานที่แน่ชัดไว้
แต่สันนิษฐานว่าการพนันน่าจะเข้ามาโดยการติดต่อทางการค้ากับประเทศจีน
ซึ่งประเทศจีนเป็นผู้นำเข้ามา คือ การพนันประเภทถั่วโป
ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
แต่ที่มีปรากฏหลักฐานให้เห็นเด่นชัดนั้นมีขึ้นอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
โดยในสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
หรือในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้มีการเล่นการพนันชนิดหนึ่งเรียกว่า กำตัด
ซึ่งมีวิธีการเล่นและอุปกรณ์การเล่นคล้ายคลึงกับการเล่นถั่ว หรืออีจี๋ของประเทศจีน
จากข้อสันนิษฐานและเรื่องราวจากประวัติศาสตร์ดังกล่าวพอสรุปได้ว่า
คนไทยได้รู้จักการเล่นการพนันมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
ส่วนในสมัยพระเจ้าบรมโกศทรงเห็นว่า ประชาชนนิยมเล่นการพนันกันมาก
จึงโปรดให้มีการเก็บค่าธรรมเนียมจากเจ้าของบ่อนการพนันเป็นเงินช่วยราชการเรียกว่าอากรบ่อนเบี้ย
และยอมให้มีผู้ผูกขาดอากรไปตั้งบ่อนเบี้ยตามหัวเมืองทั่วไป
ซึ่งระบบนี้ยังคงใช้ต่อมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
และในสมัยรัชกาลที่ 4
ได้มีการจัดเก็บภาษีการพนันเพิ่มขึ้นนอกเหนือจากบ่อนเบี้ยอีกประเภทหนึ่ง
เพื่อใช้ทดแทนรายได้ภาษีที่ขาดไปเนื่องจากผลของการยกเลิกภาษีผูกขาดหลายประเภท
ซึ่งสืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยมีสัญญาทางการค้ากับต่างชาติมากขึ้น
สมัยรัชกาลที่ 4 ตอนต้น
แนวการปฏิบัติเกี่ยวกับการพนันในประเทศไทยเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากการพนันมากกว่าการจำกัดหรือควบคุมการเล่นการพนันและเป็นการแสวงหาผลประโยชน์จากการพนันโดยผ่านเอกชนเสียเป็นส่วนใหญ่
การควบคุมการเล่นการพนันบางประเภทเริ่มปรากฏชัดขึ้นในปลายรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่
5 โดยมีการดำเนินการปิดบ่อนการพนันหลายแห่ง เช่น จังหวัดเพชรบุรี พระนครศรีอยุธยา
จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งให้จำกัดการเล่นการพนันในที่อื่นๆ
ให้น้อยลง เนื่องจากปรากฏว่าราษฎรพากันหมกมุ่นกับการพนันจนยากจนลงไปมาก
ตลอดจนอาชญากรรมเกิดขึ้นมากมาย เพราะสาเหตุจากการพนัน
ความหมายและคำนิยามคำว่า พนัน
ประวัติและวิวัฒนาการของการพนัน
ประวัติและวิวัฒนาการของกฎหมายเกี่ยวกับการพนัน
ความหมายและคำนิยามคำว่า การพนันและขันต่อ
การพนันและขันต่อ
กฎหมายแม่บทและกฎหมายอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
ประเภทของการพนัน
บุคคลที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการพนัน
ลักษณะของการกระทำผิด
ทรัพย์สินพนัน และเครื่องมือเล่นการพนัน
สินบนนำจับ
การอนุญาตให้มีการเล่นการพนัน
ใบอนุญาต
สถานที่ยื่นใบอนุญาต
ข้อยกเว้นการพนันที่ไม่ต้องมีใบอนุญาต
หน้าที่ของผู้รับใบอนุญาต
แนวทางในการพิจารณาการขอใบอนุญาต
ภาษีและค่าธรรมเนียมการพนัน
โทษและการเพิ่มโทษ
การฟ้องคดีการพนัน
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คำพิพากษาของศาลฎีกา
ความเห็นทางกฎหมาย ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
การเล่นการพนันตามบัญชี ก.
การเล่นการพนันตามบัญชี ข.
การเล่นการพนันที่เป็นการเล่นที่ให้รางวัล
การเล่นตามมาตรา 4 ทวิ