ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป >>

อาณาจักรอยุธยากับกลุ่มประเทศอาเซียน

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับล้านช้าง

ไทยกับลาวหรือล้านช้าง มีความสัมพันธ์กันมาแต่โบราณ หลักฐานจากตำนานเรื่องขุนบรมได้กล่าวว่า ขุนลอโอรสของขุนบรมได้สร้างเมืองเซ่าหรือเมืองหลวงพระบาง เป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง

ในสมัยพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. 1896-1917) ได้ทรงรวบรวมดินแดนลาวเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วสถาปนาเป็นอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งขณะนั้นตรงกับสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) แห่งอยุธยา กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระราชไมตรีที่ดีต่อกัน ได้มีการแบ่งดินแดนกัน โดยใช้แนวเทือกเขาเพชรบูรณ์และเทือกเขาดงพญาเย็นเป็นเขตแดนระหว่างกัน ต่อมาเมื่อพระเจ้าฟ้างุ้มสวรรคต พระเจ้าสามแสนไทยได้สืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดา สมเด็จพระรามาธิบดีที่1 ยังได้ พระราชทานพระนางแก้วยอดฟ้าซึ่งเป็นราชธิดาให้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าสมาแสน ไทย กรุงศรีอยุธยาจึงมีความสัมพันธ์ทางเครือญาติกัน

เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาพระโอรสพระเจ้าโพธิสารขึ้นเป็นกษัตริย์ล้านช้าง (พ.ศ. 2093-2115) เนื่องจากพระราชมารดาของพระองค์ คือ พระนางยอดคำทิพย์เป็นเจ้าหญิงเชียงใหม่ ประกอบกับพระองค์ได้ครองเชียงใหม่มาก่อนน่าที่จะมาครองล้านช้างด้วย จึงทำให้ล้านช้างกับเชียงใหม่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก ในเวลานั้น พระเจ้าบุเรงนองแห่งพม่าเป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็งในการรบ มีนโยบายที่จะขยายอำนาจมายังล้านนาและอยุธยา ได้ยกกองทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ได้แล้ววางแผนโจมตีกรุงศรีอยุธยาต่อไป สมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยากับพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างจึง ทรงดำเนินนโยบายทางการเมืองร่วมกัน เพื่อป้องกันการขยายอำนาจของพม่า แสดงว่าอยุธยาและล้านช้างได้เป็นพันธมิตรกันเพื่อป้องกันการรุกรานของพม่าใน ขณะนั้น และยังผลให้ทั้งสองอาณาจักรมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

 

ต่อมาพระเจ้าไชยเชษฐาได้มีพระราชสาสน์มาขอพระเทพกษัตรี พระราชธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปเป็นมเหสี เนื่องจากพระเจ้าไชยเชษฐาได้สูญเสียพระมเหสีไปเมื่อคราวพม่ายกทัพไปตี เวียงจันทน์ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงส่งพระธิดาไปเพื่อผูกไมตรีกันไว้ แต่ถูกกองทัพพม่าแย่งชิงตัวระหว่างทางและนำไปถวายพระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดี

หลักฐานสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่แสดงถึงสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างไทยและลาวสมัย สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐา คือ การร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรัก มีศิลาจารึกเป็นตัวอักษรธรรมภาษาลาว อีกด้านหนึ่งเป็นอักษรขอมภาษาไทย เมื่อฝรั่งเศสเข้ามายึดเมืองด่านซ้ายใน พ.ศ.2449 ได้นำศิลาจารึกนี้ไปเวียงจันทน์ เนื้อความในศิลาจารึกกล่าวถึงกษัตริย์ทั้งสองนครว่าจะรักใคร่กลมเกลียวกันจน ชั่วลูกชั่วหลาน จึงกล่าวได้ว่าการสร้างพระธาตุศรีสองรักนี้ เป็นสักขีพยานในการเป็นพันธมิตรระหว่างไทยกับลาว หากฝ่ายใดถูกพม่ารุกราน อีกฝ่ายก็จะเข้าช่วยเหลือกัน ปัจจุบันพระธาตุศรีสองรักอยู่ในเขตอำเภอด่าซ้าย จังหวัดเลย

หลังจากไทยเสียกรุงศรอยุธยาแก่พม่าครั้งที่ 1 แล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานความเป็นมิตรไมตรีระหว่างไทยกับลาวแต่อย่างใด เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีปัญหาภายใน เช่น การแย่งอำนาจกันระหว่างกษัตริย์กับขุนนางของลาว จนลาวแตกแยกออกเป็น 3 แคว้น คือ แคว้นหลวงพระบาง แคว้นเวียงจันทน์ และแคว้นจำปาศักดิ์ ส่วนกรุงศรีอยุธยาก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันเอง ทำให้การสร้างความสัมพันธ์ระหว่าง อยุธยากับประเทศเพื่อนบ้านลดน้อยลง จนกระทั่งสิ้นอำนาจใน พ.ศ. 2310

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับล้านช้าง มีลักษณะเป็นมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน แม้ว่าบางช่วงอยุธยาจะมีอำนาจเหนือล้านช้าง แต่ไม่ได้ควบคุมอย่างจริงจังเพียงแต่ดูแลให้ส่งเครื่องราชบรรณาการตาม ประเพณีอยุธยาปฏิบัติต่อล้านช้างในฐานะบ้านพี่เมืองน้อง เมื่อล้านช้างมีปัญหาภายในก็มักจะมาพึ่งไทย นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ด้านเชื้อชาติ ภาษา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และการนับถือศาสนาที่คล้ายคลึงกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับล้านช้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับพม่า
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับมอญ
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับเขมร
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับเวียดนาม
ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับหัวเมืองมลายู

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย