ปรัชญา อภิปรัชญา ญาณวิทยา จิตวิทยา ตรรกศาสตร์ >>

ปรัชญาความงาม

โลกแบบในทัศนะของอริสโตเติล
เอกภาพ (The Unities)
ความเป็นสากล (universality)
ความแตกต่างระหว่าง”กวีนิพนธ์”กับ”ประวัติศาสตร์”
ประวัติของอริสโตเติล
โศกนาฏกรรม - หัสนาฏกรรม
การเรียนรู้และการอนุมาน (learning and inference)
ความรู้สึกสงสารและความกลัว (pity and fear)
katharsis (catharsis) – การระบายอารมณ์ความรู้สึก
หนังสือเล่มที่สองของ Poetics ที่หายไป
หัสนาฏกรรม
เปรียบเทียบระหว่างละครโศกนาฏกรรมกับมหากาพย์

โลกแบบในทัศนะของอริสโตเติล

แม้ Plato และ Aristotle จะมีแนวคิดทางปรัชญาแตกต่างกัน แต่ความต่างนั้นไม่ควรจะถูกแสดงให้เกินเลยไป เพราะทั้ง Plato และ Artistotle เชื่อว่า ในแก่นสารของเหตุผลอันไม่เปลี่ยนแปลง หรือแบบ (Forms), ได้ให้รูปร่างสรรพสิ่งที่เรารู้จัก ทั้งคู่เชื่อว่าไม่มีสิ่งใดสามารถถูกทำความเข้าใจได้โดยปราศจากความเข้าใจรูปทรงของมัน (nothing can be understood without grasping its form.) คำว่า "information" (ข้อมูล-ความรู้) สืบทอดมาจากปรัชญาของพวกเขา กล่าวตามตัวอักษร มันหมายถึงการจับเอารูปทรงของบางสิ่งเข้ามาในใจ (taking the form of something into one's mind), และปล่อยให้รูปทรงนั้นก่อรูปร่างในจิตใจ

Aristotle ต่างจาก Plato ในสิ่งที่เขาเรียกว่า”การแบ่งแยกเกี่ยวกับแบบต่างๆ”(the separation of the forms.) Plato ยืนยันว่าแบบ (Forms) คือสัจจะที่แท้จริง(true reality), และโลกคือปรากฏการณ์ที่จำลองมาจากแบบเหล่านั้น. ส่วน Aristotle ถือว่า”แบบ” (Forms) ไม่เคยแยกออกจากสิ่งต่างๆ ในวิธีการนี้. ข้อยกเว้นหนึ่งสำหรับเรื่องดังกล่าวคือ ”สิ่งที่เคลื่อนไหวที่ไม่ถูกเคลื่อนไหว”(unmoved Mover-ความเคลื่อนไหวในความนิ่งสงบ) ซึ่งคือแบบอันบริสุทธิ์ คือสิ่งซึ่งสรรพสิ่งพยายามดิ้นรนอย่างหนัก

สรรพสิ่งที่เราคุ้นเคยซึ่งถูกสร้างขึ้นจากสสารได้รับการก่อรูปให้เป็นนั่นเป็นนี่ ไม่มีรูปแบบใดที่ปราศจากเนื้อหา และไม่มีเนื้อหาใดที่ปราศจากรูปทรง รูปทรงอันเป็นแก่นของสรรพสิ่งได้กำหนดนิยามว่ามันคืออะไร และตระเตรียมพลังขับเคลื่อนสำหรับการดำรงอยู่และการพัฒนาของสิ่งนั้น ทุกสิ่งพยายามดิ้นรนที่จะ”งอกงามไปสู่”(grow into) รูปแบบของมัน และรูปแบบได้กำหนดนิยามให้สิ่งนั้นสามารถเป็นไปตามศักยภาพ ยกตัวอย่างเช่น ผลของต้นโอ๊กมีแบบของต้นโอ๊กอยู่ ซึ่งการที่มันมีรูปทรงนั้น แน่นอนมิได้มาจากการจ้องมองไปที่มัน แต่มันเป็นไปภายใต้เงื่อนไขหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่ถูกต้อง ต้นโอ๊กคือสิ่งที่ผลต้นโอ๊กจะกลายเป็น

 

อริสโตเติล: ศิลปะเลียนแบบอะไร
Aristotle ได้ใช้เวลากับเรื่องของศิลปะและเปลี่ยนแปลงมันอย่างจริงจังกว่า Plato. ไม่ต้องประหลาดใจว่า เขาค่อนข้างเป็นมิตรกับความลุ่มหลงต่างๆ มากกว่า Plato ด้วย แม้ว่าเขาจักตระหนักว่า ความดีทางศีลธรรม คืออุปนิสัยอันหลากหลายที่ถูกควบคุมด้วยเหตุผล เหนืออารมณ์ความรู้สึกหรือกิเลส

คล้ายคลึงกับ Plato, Aristotle คิดว่าศิลปะเกี่ยวข้องกับการเลียนแบบ[imitation] (mimesis-การสำเนาหรือคัดลอก), แม้ว่าในประเด็นนี้เช่นเดียวกับอีกหลายคน เขามีความยืดหยุ่นและยินยอมให้สำหรับข้อยกเว้นต่างๆ เขายังคิดมากกว่า Plato ในเรื่องเกี่ยวกับคำถามที่ว่า ศิลปะเลียนแบบอะไร(what art imitated). ยกตัวอย่างเช่น เขากล่าวว่า โศกนาฏกรรมคือการเลียนแบบชนิดหนึ่ง ซึ่ง“มิใช่ตัวบุคคล แต่เป็นท่าทีและชีวิต, ทั้งความสุขและความทุกข์โศก”(Poetics 1451b) ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเอนเอียงไปสู่ทฤษฎี”ศิลปะในฐานะการเลียนแบบโลกอุดมคติ” (art as imitation of the ideal) ซึ่งเป็นหลักการที่ Plato ได้พัฒนาขึ้น แต่ไม่เคยทำ

Poetics – Aristotle

การระบายอารมณ์ความรู้สึก (Catharsis - katharsis)
แนวคิดต่อไปนี้ที่เชื่อมโยงกับศิลปะได้รับการพัฒนาขึ้นในงาน Poetics ของ Aristotle. สำหรับละครกรีกเป็นสิ่งที่ค่อนข้างหลีกเลี่ยงกัน ดังที่ Plato ทำ, เนื่องจากการที่ละครได้ไปปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ (กิเลส) แต่ Aristotle กลับโอบกอดคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้ไว้. หนึ่งในแก่นสารทางสุนทรียศาสตร์ของเขาก็คือ ทฤษฎีเกี่ยวกับ catharsis (การระบายถ่ายท้อง – การปลดเปลื้องอารมณ์) หรือ การชำระล้างอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ (ผ่านความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ และความกลัว)(through pity and fear) ซึ่งถูกทำให้บรรลุโดยละครโศกนาฏกรรม

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พัฒนาทฤษฎีไปไกล (เพียงปรากฏในข้อความไม่กี่บรรทัดในเรื่อง Poetics) แต่กลับมีอิทธิพลอย่างมาก. ดูเหมือน Aristotle มีความเชื่อว่า การระบายถ่ายเททางอารมณ์ความรู้สึกนี้(emotional katharsis) เป็นสิ่งที่ดี และด้วยเหตุดังนั้น จึงดูประหนึ่งว่าเขาได้โอบรัดแง่มุมหนึ่งของศิลปะไว้ ขณะที่ Plato ปฏิเสธ

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย