ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป

สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
(ช่วง บุนนาค)

บทบาททางด้านการเมืองการปกครอง
บทบาททางด้านการต่างประเทศ
งานทางด้านวิทยาการสมัยใหม่
งานด้านการก่อสร้าง
งานทางด้านศาสนา
งานทางด้านวรรณคดี
เกร็ดประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
ความเป็นมาของตระกูล “บุนนาค”

บทบาททางด้านการเมืองการปกครอง

    ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเห็นการณ์ไกลว่า ต่อไปภายหน้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) จะเป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในหมู่เสนาบดี ดังจะเห็นได้จากพระบรมราชโองการตอนหนึ่งที่มีต่อพระยาศรีสุริยวงศ์ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตว่า “...ที่สติปัญญาพอจะรักษาแผ่นดินได้อยู่ ก็เห็นแต่ท่านฟ้าใหญ่ ท่านฟ้าน้อย 2 พระองค์ ...การต่อไปภายหน้า เห็นแต่เอง (คือ พระยาศรีสุริยวงศ์) ที่จะรับราชการเป็นอธิบดีผู้ใหญ่ต่อไป การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดีอย่าให้เสียทีแก่เขาได้”

เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประชวรใกล้จะสวรรคต พระยาศรีสุริยวงศ์ได้มีส่วนเสนอความเห็นต่อเจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกลาโหม (ดิศ) ผู้เป็นบิดาว่า ควรจะสนับสนุนให้เจ้าฟ้ามงกุฎได้ขึ้นครองราชย์และมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ต่อไป เพราะเป็นพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระบรมราชินี บ้านเมืองจึงจะเป็นปกติต่อไป ซึ่งเจ้าพระยาพระคลังก็เห็นด้วย จึงกล่าวได้ว่า พระยาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้หนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการอัญเชิญเจ้าฟ้ามงกุฎมาทรงเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4

ในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายหลังที่ไทยทำสนธิสัญญากับนานาประเทศ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมอบอำนาจให้แก่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ทั้งทางด้านการเมือง การทหาร และการปกครองประเทศ เมื่อรัชกาลที่ 4 ทรงต้องการปรับปรุงบ้านเมืองให้ทันสมัยตามแบบอย่างชาวยุโรป ก็ได้ส่งเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์พร้อมด้วยพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร และพระองค์เจ้าชายสุประดิษฐ์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ออกไปดูการต่างประเทศ ณ สิงคโปร์ใน พ.ศ. 2404 เพื่อดูแบอย่างการบริหารและการปกครองของอังกฤษนำมาปรับปรุงบ้านเมือง  

จึงนัยได้ว่า เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้มีอำนาจอย่างกว้างขวางตลอดสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเมื่อรัชกาลที่ 4 จะเสด็จสวรรคต ก็ทรงฝากฝังและให้ท่านเป็นผู้พิจารณาว่า ควรจะมอบสมบัติให้แก่ผู้ใด และเมื่อเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ได้สนับสนุนให้เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ซึ่งยังทรงพระเยาว์ได้เป็นกษัตริย์ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สมเร็จราชการแผ่นดินจนกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 จะทรงมีพระชนมายุบรรลุนิติภาวะ นอกจากนี้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ยังเป็นแรงสำคัญในการสนับสนุนให้กรมหมื่นบวรวิชัยชาญ พระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่มีอยู่นี้ ถ้าเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์จะคิดทรยศต่อราชบัลลังก์ โดยยกตนเองเป็นกษัตริย์ก็ย่อมจะทำได้ แต่ท่านหาได้มีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงเกินศักดิ์ไม่ หากแต่มีความจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีเป็นอย่างยิ่ง คติประจำใจที่ท่านยึดถือไว้คือคำโบราณที่ว่า “คำพระ คำพระมหากษัตริย์ คำบิดามารดา ใครลบล้างก็เป็นอกตัญญู”

เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์อยู่ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดินระหว่าง พ.ศ. 2411-2416 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกผนวชและทรงทำพิธีบรมราชาภิเษกเป็นครั้งที่ 2 ใน พ.ศ. 2416 แล้ว ก็โปรดเลื่อนบรรดาศักดิ์เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ มีสร้อยสมญาภิไธยตามจารึกในสุพรรณบัตรว่า “สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ สมันตพงศ์พิสุทธิ มหาบุรุษยรัตโนดม บรมราชุตมรรคมหาเสนาบดี มหาสุริยมัณฑลีมุรธาธร จักรรัตนสหจรสุรศรขรรค์ วรลัญจธานินทร์ ปริมินทรมหาราชวรานุกูล สรรพกิจจานุกิจมูลประสาท ปรมามาตยกูลประยูรวงศ์วิวัฒน์ สกลรัชวรณาจักโรประสดัมภ์ วรยุติธรรมอาชวาธยาศัยศรีรัตนตรัยคุณาภรณ์ภูษิต อเนกบุยฤทธิประธิสรรค์ มหันตวรเดชานุภาพบพิตร” หลังจากนั้นก็พ้นจากตำแหน่งหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน แต่คนทั่วไปยังคงเรียกท่านว่า “ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน” เป็นหัวหน้าเสนาบดี มีหน้าที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ช่วยทำนุบำรุงบ้านเมือง อย่างไรก็ดีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ยังคงมีอำนาจและอิทธิพลยิ่งใหญ่ในประเทศสยาม ท่านได้ถือตรามหาสุริยมณฑล ได้บังคับบัญชาข้าราชการแผ่นดินทั่วพระราชอาณาจักรอย่างเป็นที่ปรึกษาที่สำคัญยิ่งในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และยังมีอำนาจสิทธิ์ขาดที่จะสั่งประหารชีวิตนักโทษขั้นอุกฤษฏ์ได้

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย