ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สาระของชีวิตตามแนวศาสนาอิสลาม
ศาสนาอิสลาม เกิดขึ้นในทวีปเอเชียแถบตะวันออกกลาง อันเป็นดินแดนแห่งชนชาวอาหรับ
เป็นศาสนาที่มีคนนับถือมาจำนวน 1 ใน 3
ของศาสนาโลกอุบัติขึ้นที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อ พ.ศ.1113
โดยพระมุฮำมัดเป็นศาสดาและได้แพร่หลายไปที่ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ยุโรป อเมริกา
และในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก
คำว่า อิสลาม มาจากศัพท์ภาษาอาหรับว่า อิสลามะ
ซึ่งมาจากศัพท์เดียวกันกับคำว่ามุสลิม คือมาจากคำว่า ซะลิมะ หรือซะละมุน แปลว่า
สันติ การนอบน้อม การยอมจำนนโดยสิ้นเชิง
อิสลาม
จึงมีความหมายว่าการนอบน้อมมอบตนต่อพระผู้เป็นเจ้าอัลเลาะฮแต่พระองค์เดียวอย่างสิ้นเชิงหรือความสันติ
ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประเภทเทวนิยม (Theism) คือเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าสร้างโลก
พระเจ้าสูงสุดของอิสลาม คือพระอัลเลาะฮพระองค์เดียวเท่านั้น
ส่วนเทพอื่นเป็นเพียงบริวาร
หลักคำสอนที่สำคัญ
ความเชื่อพื้นฐานในศาสนาอิสลาม
(รุก่นอีหม่าน)
ศาสนาอิสลามเน้นเรื่องศรัทธาหรือความเชื่อเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
จะต้องเชื่อทุกอย่างที่ปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน แต่เมื่อกล่าวถึงความเชื่อใหญ่ ๆ
หรือพื้นฐานที่มุสลิมทุกคนจะต้องเชื่อ จะระแวงสงสัยไม่ได้ก็มีดังต่อไปนี้
มุสลิมต้องเชื่อว่าพระอัลเลาะฮมีจริง พระองค์ทรงสร้างโลกและสรรพสิ่ง ทรงรู้
ทรงเห็น ทรงได้ยินทุกสิ่ง ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ
มุสลิมจะต้องเชื่อในเทพบริวาร หรือ เทวทูต (มะละอิกะ)
ซึ่งมีมากมายตามความประสงค์ขององค์อัลเลาะฮ
โดยพระอัลเลาะฮทรงสร้างเทวทูตเหล่านี้จากแสงสว่าง เพื่อชักนำคนให้ไปสู่ทางดีงาม
มุสลิมต้องเชื่อว่า คัมภีร์อัลกุรอาน เป็นคัมภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุด
พระอัลเลาะฮทรงส่งมาล่าสุด เป็นฉบับสุดท้าย ไม่มีการส่งมาอีก
โดยประทานผ่านนบีมุฮัมมัดด้วยพระองค์เองบ้าง ผ่านเทวทูตยิบรออิลบ้าง
มุสลิมต้องเชื่อในตัวแทนพระอัลเลาะฮหรือศาสนทูต (นบี) ของพระองค์
นั่นก็คือนบีมุฮัมมัดนอกจากนี้ก็เคยมีศาสนทูตที่พระอัลเลาะฮได้ส่งมาอีกมากมาย
ดังมีข้อความในคัมภีร์อัลกุรอานว่า ทุกชาติย่อมมีรอซูล
แต่เท่าที่ปรากฎในคัมภีร์อัลกุรอาน มี 25 ท่าน (ซูเราะห์ 10 : 47) มุสลิมถือว่า
นบีมุฮัมมัดเป็นศาสนาทูตคนล่าสุด สมบูรณ์ที่สุด พระอัลเลาะฮจะไม่ส่งศาสนทูตมาอีก
มุสลิมต้องเชื่อในวันสิ้นโลก (กียามะห์)
ทั้งนี้ก็เพราะพระอัลเลาะฮทรงสร้างโลกได้ก็ทรงทำลายได้เช่นกัน
แต่ก่อนที่จะถึงวันสิ้นโลกจะมีนิมิตหลายอย่างปรากฏ เช่นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
และสัตว์ประหลาดปรากฎขึ้น เป็นต้น
ตัวอย่างหลักคำสอนทั่วไป
1. สอนให้มีความเมตตา กรุณาต่อกัน
2. สอนให้กตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา
3. สอนไม่ให้ดื่มสุราเมรัยและยาเสพติดต่าง ๆ
4. สอนไม่ให้ออกดอกเบี้ย
รับสินบน ให้สินบน กักตุนสินค้า และทุจริตต่าง ๆ
5. สอนให้รักความยุติธรรม
6. สอนหลักการตัดสินความ
7.
สอนไม่ให้บังคับนับถือศาสนา
8. สอนถึงความสำคัญของเจตนา
9. สอนถึงบาปหนักในศาสนา
10.
สอนถึงทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
สาระความจริงของชีวิตตามหลักอิสลาม
อิสลาม เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า
สันติ ศาสนาอิสลาม เป็นสายธารแห่งคุณธรรม จริยธรรมที่สำคัญของดลกศาสนาหนึ่ง
มีศาสนิกอยู่ทุกมุมโลก ศาสดาชื่อว่า นะบีมูฮัมหมัด
ศาสนาธรรมของศาสนาอิสลาม ที่ปรากฏในคัมภีร์อัล กุรอาน
เป็นโองการมาจากพระเจ้า เป็นธรรมนูญชีวิตของชาวมุสลิม ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นศาสนาธรรมที่สมบูรณ์ดีแล้ว
ชีวิตคืออะไร
กำเนิดชีวิตคนมีมาจากการสร้างของพระอัลเลาะห์
ดังที่ปรากฏในพระคัมภีร์อัลกุรอานว่า
พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนี้ด้วยความจริง
และทรงทำให้สู่เจ้าเป็นรูปร่างและทรงทำรูปร่างสู้เจ้าให้ดียิ่งขึ้น
และพระองค์คือการกลับไปในปั้นปลาย ดังนั้น พระเจ้าคือผู้ทรงสร้าง
ทรงอภิบาลชีวิตของมนุษย์ทั้งมวล
ลักษณะของมนุษย์
มนุษย์มีลักษณะเด่น พิเศษจากสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย
แม้มนุษย์จะมีลักษณะรวมกับสิ่งที่มีชีวิตอื่น ๆ เช่น พืช และสัตว์
แต่องค์ประกอบชีวิตมนุษย์ละเอียดและสลับซับซ้อนกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ
สิ่งที่เสริมให้ชีวิตมนุษย์มีลักษณะเด่นเฉพาะในตัวเอง เพราะได้รับ รุฮ์
จากองค์อัลเลาะห์ คำว่า รุฮ์ ที่พบในภาษาไทยคือ วิญญาณ
ชีวิตอยู่เพื่ออะไร
เป้าหมายสูงสุดของชีวิตทั้งศาสนายิว
ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม ไม่แตกต่างกันมากนัก
เพราะทั้งสามศาสนามีความเชื่อพื้นฐานว่า ชีวิตได้มาจากพระเจ้า
พระเจ้าเป็นองค์ประเสริฐสุด อาณาจักรของพระเจ้าเป็นสถานที่ไร้ทุกข์ทั้งมวล
กรีสุดา เฑียรทอง (2450 : 64) ได้ระบุถึงเป้าหมายของชีวิตของชาวมุสลิมไว้ 2
ระดับ คือ
1. เป้าหมายในโลกนี้ เป็นเป้าหมายเพื่อให้ตนมีความสุขทั้งทางกายและใจ
หมดความทุกข์ ความหวาดกลัว และทำให้สังคมและโลกมีความสุข
2. เป้าหมายในโลกหน้า คือการพ้นจากการถูกลงโทษ ได้เข้าถึงสวรรค์มีความสุขตลอดไป
พ้นจากความทุกข์ ความทรมานต่าง ๆ จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นอีก
ชีวิตควรเป็นอยู่อย่างไร
หลักประพฤติของชาวมุสลิมมี 2 ประการ
คือ
หลักศรัทธา
1. ศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว
2. ศรัทธาต่อพระคัมภีร์
3. ศรัทธาต่อผู้รับใช้พระเจ้า
4. ศรัทธาต่อศาสนฑูต
ผู้สื่อสารบทบัญญัติต่างๆ ของพระองค์
5. ศรัทธาในวันสิ้นโลก วันพิจารณากรรมของมนุษย์ เมื่อโลกแตกดับ
ศรัทธาต่อลิขิตพระเจ้า
หลักปฏิบัติ
- การปฏิญาณตน เพื่อความยืนยันว่า ศรัทธาพระเจ้า
- ทำละหมาด วันละ 5 เวลา คือ
1. เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น
2. เวลาบ่าย
3. เวลาเย็น
4. เวลาพลบค่ำ
5. เวลากลางคืน
การละหมาด คือ การแสดงความจงรักภักดี ต่อพระเจ้า ชำระความสะอาดของร่างกายให้สะอาดผ่องแผ้ว
- การบริจาทาน (ซากาต) คือ การบริจาคทรัพย์สินตามอัตราส่วนแก่ผู้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ
- การถือศีลอด การถือศีลอด คืออดกิน อดดื่ม งดประพฤติตามอารมณ์ฝ่ายต่ำตั้งแต่รุ่งอรุณจนถึงตะวันลับขอบฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนรอมฎอน
- การประกอบพิธีฮัจจ์ มุสลิมผู้มีทุนทรัพย์เพียงพอ มีร่างกายแข็งแรง ให้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจจ์ ณ กรุงเมกกะ อย่างน้อยชีวิตละหนึ่งครั้ง
สิ่งที่ชาวมุสลิมควรละเว้น
1. ห้ามตั้งภาคี หรือ
สิ่งอื่นใดมาเทียบพระเจ้า
2. ห้ามกราบไหว้สิ่งเหล่านี้ เช่น ผี, สาง, เทวดา, ต้นไม้, ภูเขา เป็นต้น
3. ห้ามเชื่อดวงดาว, เครื่องลางของขลัง, ห้ามเชื่อไสยศาสตร์ทุกประเภท
4. ห้ามเล่นการพนัน, เสี่ยงทายทุกประเภท
5.
ห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ที่ตายเอง
ห้ามรับประทานสุกรห้ามรับประทานอาหารที่นำไปเซ่นไหว้
6. ห้ามเสพสิ่งเสพติด
7. ห้ามประพฤติผิดประเวณี
8.
ห้ามฆ่าสิ่งมีชีวิตด้วยเจตนา
9. ห้ามประกอบมิจฉาชีพ เช่น การตั้งสถานเริงรมย์ ซ่องนางโลม เป็นต้น
10.
ห้ามบริโภคอาหารที่หามาได้โดยไม่ชอบธรรม
11. ห้ามกักตุนสินค้าเพื่อให้ราคาสูงขึ้น
12. ห้ามกระทำการใด ๆ
ที่นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติ
» กำเนิดชีวิตตามทัศนะของนักวิทยาศาสตร์
» การดำเนินชีวิตตามแนวพุทธธรรม
» สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาคริสต์
» สาระความรู้ทางแนวชีวิตตามศาสนาคริสต์
» สาระของชีวิตตามแนวศาสนาอิสลาม
» สาระความจริงของชีวิตตามแนวศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
» สาระของชีวิตตามแนวศาสนาเต๋าและขงจื้อ
» คุณค่า เป้าหมายและความสำเร็จของชีวิต
» คุณค่า เป้าหมายและความสำเร็จของชีวิต
» การมองความจริงของชีวิตด้วยศาสนธรรม