ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป  >>

เปลือกโลก

ระดับความรุ่นแรงของแผ่นดินไหวที่วัดด้วยมาตราเมอร์คัลลี่

ระดับ      ผลของแรงสั่นสะเทือน

  1. คนรับความรู้สึกไม่ได้

  2. คนนั่งอยู่นิ่ง ๆ จะรู้สึก

  3. ของที่แขวนอยู่จะแกว่ง คนที่อยู่ในอาคารสูงจะรู้สึก ถึงแรงสั่นสะเทือนเหมือนมีรถบรรทุกขนาดเล็กแล่นผ่านในระยะใกล้ ๆ

  4. ประตูหน้าต่างจะสั่น รถยนต์จะสั่น แรงสั่นเทียบได้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่แล่นผ่านในระยะใกล้ ๆ

  5. ของเหลวในภาชนะจะสั่นจนหก คนที่นอนหลับในอาคารจะรู้สึกตัวจนตื่น ประตูจะปิดเปิดไปมา

  6. ทุกคนจะรู้สึกในแรงสั่นสะเทือนจน

  7. ตกใจและไม่สามารถเดินได้มั่นคง

  8. ระฆังใบเล็กจะแกว่งเกิดเสียงดังเองได้

  9. คนยังเดินทรงตัวอยู่ได้ ของที่วางไว้จะตกจากชั้นวาง ระฆังใบใหญ่จะแกว่งจนเกิดเสียงดังเอง คนที่ขับรถอยู่จะควบคุมรถลำบาก

  10. อาคารบ้านเรือนที่สร้างไม่แข็งแรงจะพังทลายกิ่งไม้จะหัก บนแผ่นดินจะมีรอยแยกให้เห็น

  11. คนจะแตกตื่นไปทั่ว เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำอาจเสียหาย มีแผ่นดินแยกจากกันให้เห็นอย่างชัดเจน

  12. ตึกใหญ่ ๆ จะพังทลาย มีการเลื่อนไหลของแผ่นดิน น้ำจะกระฉอกออกจากแม่น้ำลำธารและทะเลสาบ

  13. รางรถไฟจะบิดงอ

  14. วัตถุที่ติดอยู่กับพื้นดินทุกอย่างจะ

  15. พังทะลายยย่อยยับ แทบไม่มีอะไรคงรูปอยู่

แรงจากนอกเปลือกโลก เรียกว่า “แรงกราเดชั่น”(gradational)
ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากพลังงานดวงอาทิตย์ กระทำผ่านตัวการต่างๆ น้ำ ลม ธารน้ำแข็ง ปฎิกริยาทางเคมี แมคคานิคส์ และการกระทำของสิ่งมีชีวิตมักจะปรับให้ผิวโลกมีระดับราบเรียบเสมอกัน คือทำลายบริเวณที่สูงและทับถมบริเวณที่ต่ำ
- การทำลายเรียก ดีกราเดชั่น(degradation)คือการลดระดับแผ่นดิน
- การทับถม เรียกว่า อะกราเดชั่น (aggradation) เป็นการทับถมเพิ่มระดับ

ตัวกระทำที่อยู่กับที่อุณหภูมิ ความชื้น แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่ม

การกระทำทางกายภาพ(physical weathering)
- อุณหภูมิ ทำให้หินที่มีแร่ธาตุต่างชนิดกันเกิดการยืดหดไม่เหมือนกัน ทำให้เนื้อหินแตกแยกจากกันและเนื้อหินดูดรับความชื้นขยายตัวไปบีบอัดส่วนที่รับความชื้นน้อย พอฤดูแล้งจะคายความชื้นออกมาทำให้หินแตกแยกเนื้อหินเริ่มผุผัง
- ในเขตหนาวมีน้ำแทรกเมื่อน้ำแข็งตัวจะเกิดแรงดันหรือการดูดซับน้ำ จะทำให้เกลือแร่ที่ละลายมากลับน้ำแทรกตามรอยต่อของหิน น้ำระเหยทำให้เกลือแร่ตกผลึกมีแรงดันทำให้ขยายรอยต่อรอยแยกของหิน
- รากของพืชจะชอนไชไปตามซอกหินดันให้หินแตกยกจากกัน

โดยปฏิกิริยาเคมี( chemical weathering)

การผุพังยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก เช่น เมื่อฝนตกบริเวณภูเขา น้ำฝนจะละลายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศทำให้น้ำฝนมีสภาพเป็นกรดคาร์บอนิก เมื่อกรดนี้ไหลซึมตามรอยร้าวของหิน โดยเฉพาะหินปูนก็จะละลายหรือทำปฏิกิริยากับแคลเซี่ยมคาร์บอเนตในหินปูน ได้สารละลายแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เมื่อสารละลายนี้ซึมลงทางเพดานถ้ำแล้ว น้ำระเหยไปหมด จะเหลือตะกอนปูนเกาะสะสมอยู่ นาน ๆ ไป ตะกอนปูนจะแข็งตัวเกิดหินย้อยที่เพดานถ้ำ แต่ถ้าสารละลายนี้หยดลงบนพื้นถ้ำ แล้วน้ำระเหยไปจนเหลือตะกอนปูนเกาะสะสมอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็จะแข็งตัวเกิดเป็นหินงอก
- ออกซิเดชั่น (oxidation) แร่ธาตุทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เกิดออกไซด์ทำให้แร่สึกกร่อน
- ไฮโดรไลชิส (hydrolysis) น้ำแทรกซึมเข้าไปอยู่ในเนื้อหินจะชุ่มฉ่ำตลอดเวลา ทำให้หินผุพังได้ง่ายเช่นหินแกรนิตเมื่ออุ้มน้ำทำให้แตกเป็นกาบ เม็ด
- คาร์บอเนชั่น (carbonation) คาร์บอนไดออกไซต์รวมกับน้ำ เกิดเป็นกรดคาร์บอนนิก กัดกร่อนหินปูน หินอ่อนเกิดโพรง ถ้ำ ธารน้ำใต้ดิน
- รากพืชมีสารเคมีเป็นน้ำย่อยสลายแร่ธาตุ



ตัวกระทำที่เกิดจากน้ำ การกร่อน พังทลาย (Weathering and mass wasting)

โดยกระแสน้ำ ถือว่าเป็นกระบวนการจัดระดับ การไหลของกระแสน้ำในแม่น้ำลำธารเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริเวณริมฝั่งหรือตลิ่งถูกกัดเซาะให้พังทลายไป กระแสน้ำสามารถทำให้เปลือกโลกเปลี่ยนแปลงได้ โดยกระแสน้ำจะกัดเซาะริมฝั่งน้ำให้พังทลายลงและพัดพาเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่หลุดออกมานี้ให้เคลื่อนที่ไป เราเรียก กระบวนการที่ทำให้สารเปลือกโลกหลุดไปนี้ว่า การกร่อน ตะกอนจะถูกกระแสน้ำพัดพาไปทับถม

ตัวกระทำที่สำคัญ
แม่น้ำ น้ำที่ไหลผ่านร่องน้ำเกิดเป็นร่องลึก ทำให้เกิดการสึกกร่อน (erosion) การพาเคลื่อนที่ (transportation) และการตกตะกอนทับถม (deposition) การกระทำขึ้นอยู่กับระยะของแม่น้ำกับความลาดชันของพื้นที่

- แม่น้ำบนที่สูง น้ำจะกัดเซาะเกิดน้ำตก น้ำโจน และแก่ง แคนยอน น้ำที่ไหลผ่านหินที่มีความทนทานต่างกัน ท้องน้ำมีความชันและราบเรียบไม่เท่ากัน ต้นน้ำ หินที่มีความแข็งทนต่อการสึกกร่อน ทำให้เกิดแก่งและน้ำโจน ถ้าน้ำไหลเชี่ยวและมีความต่างระดับมากเกิดน้ำตก หากน้ำไหลแรงกัดเซาะท้องน้ำและฝั่งแม่น้ำพร้อมๆกัน ถ้าเป็นเขตแห้งแล้งกัดเซาะท้องน้ำมากกว่าชายฝั่ง ทำให้เกิดหุบเขาแคบๆคล้ายตัว V เรียกหุบเขารูปตัว V หรือโตรกเขา (แคนยอน) canyon
- น้ำที่ไหลผ่านท้องน้ำพัดพาเอากรวด ทรายหยาบๆครูดหมุนไหลวนอยู่ในแอ่ง บนหน้าหิน กรวด ทรายจะเป็นตัวครูด ถูขัด สี ทำให้เกิดแอ่งลึก กว้างมากขึ้น เรียก รูรูปหม้อหรือ กุมภลักษณ์ (Pothole) จะเกิดกับหินปูน หรือหินทราย หินดินดาน มักจะพบบริเวณน้ำตก ธารน้ำ
- การกัดกร่อนที่เกิดจากน้ำฝนไหลแผ่กว้าง เรียกการกัดกร่อนเป็นแผ่น หากไหลอย่างรุนแรงเกิดการกัดกร่อนเป็นร่องเรียก gully erosion
- การสะสมตัวเนื่องจากน้ำ น้ำจะพัดพาตะกอนมาทิ้งทับถมเป็นดินตะกอนรูปพัด (alluvial fan)

ตะกอนน้ำพารูปพัด (alluvial fan)

- หากไหลผ่านพื้นที่ที่มีความต่างระดับลาดชันน้อย มักเรียกว่า แม่น้ำวัยแก่ (Old age) จะเกิด การกัดเซาะด้านข้าง ไหลโค้งตะวัด ทำให้แม่น้ำเปลี่ยนทางเดินทิ้งร่องเก่าเกิดทะเลสาบรูปแอกหรือที่เรียกว่า กุด (oxbow lake)

ภาพ แสดงขั้นตอนการเกิด ทะเลสาบรูปแอก กุด(oxbow lake)

- น้ำฝนที่ตกลงมาไหลกัดเซาะพื้นที่บริเวณที่มีหินฐานผ่านกระบวนการต่างๆจนผุเน่าเปื่อย ป่าไม้ปกคลุมถูกทำลายลงเกิดการกัดเซาะสึกกร่อนแนวดิ่งผิวบนยังคงอยู่เป็นเกิดภูมิประเทศที่เรียกว่า เสาดิน เช่น ฮ่อมจ๊อม จ.น่าน แพะเมืองผี จ.แพร่

กระแสลม

ในสภาพภูมิประเทศบางแห่ง เช่น บริเวณที่ราบสูง ทะเลทราย ภูเขาสูง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่พัดผ่านบริเวณเหล่านี้อยู่เป็นประจำนั้น กระแสลมก็จะทำใหเปลือกโลกเกิดการกร่อนได้อีกทางหนึ่งด้วย

โดยแรงดึงดูดของโลก
โลกมีแรงโน้มถ่วงซึ่งพยายามดึงดูดสิ่งต่างๆ ให้ตกสู่ที่ต่ำหรือตกสู่พื้นโลกตลอดเวลาดังนั้นส่วนต่าง ๆ ของเปลือกโลกจึงถูกโลกดึงดูดอยู่ตลอดเวลา แรงดึงดูดของโลกจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยทำให้เปลือกโลกเกิดการกร่อนขึ้น

โดยการเคลื่อนที่ของธารน้ำแข็ง
บริเวณที่มีอากาศหนาวจัดก็จะมีหิมะสะสมตัวกันมากขึ้นจนกลายเป็นมวลน้ำแข็งขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากซึ่งเรียกกันว่า ธารน้ำแข็ง แรงดึงดูดของโลกจะพยายามดึงธารน้ำแข็งให้เคลื่อนที่ลงสู่ที่ต่ำ เมื่อธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ ทำให้เกิดการบดการกระแทกและการขัดสีกับหินที่ธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ผ่านไป จึงทำให้เปลือกเกิดการกร่อนได้

โดยการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการกร่อน โดยการทำให้หินขยายตัวและหดตัว ถ้าการขยายตัวของเนื้อหินชั้นในกับผิวนอกไม่เท่ากัน อาจทำให้หินเกิดการแตกร้าวได้ โดยเฉพาะที่ผิวนอกของหินมักจะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ในบริเวณที่มีอากาศหนาวจัดในบางช่วงเวลาน้ำมีขังอยู่ในรอยแตกในโพรงของก้อนหินจะแข็งตัวและออกแรงดันหิน จนทำให้เกิดการแตกร้าวได้

ทวีปเลื่อน ( Continental Drift )
ทฤษฎีแผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่ (Plate Tectonics)
โครงสร้างทางธรณีวิทยาของประเทศไทย
การเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก
ระดับความรุ่นแรงของแผ่นดินไหวที่วัดด้วยมาตราเมอร์คัลลี่
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์
โครงสร้างทางธรณีวิทยาภาคต่างๆของประเทศไทย
 

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย