ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>

พลังโอสถทิพย์

สายปัจฉิม : สำนักเต๋าประเทศจีน

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการฝึก

  1. การฝึก "ฉี้กง" นั้นจะต้องยืนหยัดอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญต้องมีความจริงใจ ถ้าไม่จริงใจก็ไม่เชื่อถือ ไม่มีความเชื่อถือจิตก็ไม่สงบ เมื่อจิตไมสงบ พลังงานก็ไม่เคลื่อนไหว ข้อห้ามของการฝึก "ฉี้กง" คือ จิตไม่มั่นคง ดังนั้น เมื่อตัดสินใจเลือกฝึกที่ตนเองคิดว่าเหมาะสมแล้ว ให้ยืนหยัดฝึกต่อไปเรื่อยๆ ก็จะประจักษ์ผลดีเอง
                 มีอาจารย์ "ฉี้กง" ปรารภว่า สามารถถ่ายทอด "พลัง" ให้แล้ว ยังไม่ทันฝึกก็มีพลัง แต่ความจริงได้ยืนยันว่า "พลัง" ที่ได้จากการถ่ายทอดนั้น จะสลายสิ้นภายในสองวัน ดังนั้น ถ้าต้องการให้พลังในร่างกายเพิ่มขึ้น จะต้องลงมือฝึกอย่าไปตั้งความหวังว่าอาจารย์ "ฉี้กง" สามารถถ่ายทอดให้ง่ายๆ แต่เวลาฝึกนั้นหากมีอาจารย์ "ฉี้กง" มาช่วยสนับสนุนพลัง ก็จะมีประโยชน์ต่อความเจริญก้าวหน้ามาก
  2. ผู้ที่เริ่มฝึกนั้น จำต้องมีอาจารย์ผู้มีความรู้จริงๆ มาชี้แนะ เพื่อป้องกันความผิดพลาด ส่วนผู้ที่มีสมองว่องไว ก็ให้อ่านสาระสำคัญในคำแนะนำทีละประโยค ฝึกเรียนขั้นพื้นฐานเอง เมื่อต้องการเรียนขั้นกลางต่อไป ยังจำเป็นต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะ และฝึกจนถึงขั้นจิตต์และพลังหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียว จึงจะทำการฝึกขั้นสูงสุดต่อไปด้วยตนเอง
  3. ผู้ฝึกเรียนนั้น จะต้องยึดถือคุณธรรม ขจัดความคิดเหลวไหล เหลือแต่ความจริงใจ จิตว่างเปล่า ไม่จริงจังกับทรัพย์สินเงินทองและชื่อเสียง เวลาฝึก "ฉี้กง" ประสาทจะไวและสับสนมาก จึงต้องทำตัวให้ไกลจากเรื่องทางโลก และขจัดทิ้งซึ่งอารมณ์ ทั้ง 7
     
  4. คนเราเมื่ออายุถึงวัย 40 ปี ประสาทและเส้นโลหิตขนาดเล็กจำนวนมากของร่างกายจะค่อยๆอุดตัน ถ้าอาการสาหัสก็จะถึงแก่ชีวิต   แต่ถ้าฝึก "ฉี้กง" และว ประสาทและเส้นโลหิตเหล่านั้น ก็จะค่อยๆฟื้นตัว มีชีวิตชีวา มีความรู้สึกขึ้นมาใหม่ ในระหว่างการฟื้นฟูนั้น จะมีความรู้สึกเมื่อย ชา ตึง ปวด และคัน อาการดังกล่าวเป็นผลจากการฝึกปรากฎขึ้น ไม่ต้องกังลวใจ เพราะเป็นอาการปกติ และอาการเหล่านี้ถ้าฝึกจนถึงจิตต์ว่างเปล่า จะไม่ปรากฎอีกเลย
  5. พลังภายในที่เกิดขึ้นและทำการสะสมนั้น จะเพิ่มมากขึ้นโดยธรรมชาติ ตามขั้นความลึกซึ้งของพลัง ไม่สามารถหาได้ด้วยอัตวิสัย ในเวลาเดียวกัน ผลจากการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยการฝึกพลังนั้น ก็เป็นปรากฎการณ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นจึงไม่ควรกระตือรือร้นที่จะหวังผลจากการฝึกมากเกินไป ต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรชาติ ก้าวทีละกว้าตามขั้นตอน
  6. เวลาที่เหมาะแก่การฝึกพลังนั้น ควรจะเป็นหลังอาหาร 1 ชั่วโมง เพราะหิวหรืออิ่มเกินไปไม่เหมาะ และเวลาฝึกต้องระวังลมเย็นพัดมาตรงตัว โดยเฉพาะลมที่พัดมากระทบศีรษะ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
  7. เวลาฝึกต้องเลือกที่ๆมีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าฝึกในบ้าน ห้องที่ฝึกไม่ควรมีเฟอร์นิเจอร์มากเกินไป และต้องสะอาด ปิดประตูหน้าต่าง เพื่อกันคนรบกวน จะได้ไม่กระทบกระเทือนต่อการฝึก
  8. ผู้ป่วยด้วยโรคประสาทรุนแรงและโรคฮิสทีเรีย หรือบุคคลที่เคยป่วยด้วยโรค 2 ชนิดนี้ ไม่ควรฝึก "ฉี้กง"

ฉี้กงและพลานามัย
ประวัติย่อพลังโอสถทิพย์
การผ่อนคลาย
วิธีโน้มนำ 8 ท่า
พลังช่วยเสริม
ความหมาย "ฉี้กง"
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการฝึก
โรคที่เหมาะแก่การรักษา
  

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย