สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์ การเมือง เศรษฐศาสตร์ >>

ประชาคมโลก (Global Community)

คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

สถานการณ์ด้านสังคมและวัฒนธรรม

ดุจฤดี คงสุวรรณ์
วรรณะ รัตนพงษ์

ประชากรและสังคมโลก

ประชากรโลก

ประชากรโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 6,070.6 ล้านคนในปี 2543 เป็น 7,851.4 ล้านคนในอีก 25 ปีข้างหน้าคือ ในปี 2568 โครงสร้างของประชากรโลกมีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือประชากรวัยสูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในอัตราที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.0 ในปี 2543 เป็นร้อยละ 15.0 ในปี 2568 ในขณะที่ประชากรวัยเด็ก (อายุ 0-14 ปี) มีจำนวนลดลงจากร้อยละ 30.1 ในปี 2543 เหลือร้อยละ 24.2 ในปี 2568 แสดงให้เห็นว่า โครงสร้างของประชากรกำลังเปลี่ยนจากโครงสร้างประชากรวัยเด็กในอดีตเป็นประชากรวัยสูงอายุ หรือสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้นเป็นภาพรวมของประชากรโลก แต่ถ้าพิจารณาในแต่ละภูมิภาคของโลกทำให้ทราบว่ายุโรปมีสัดส่วนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุ” มากที่สุดในโลก กล่าวคือ มีประชากรวัยเด็กน้อยที่สุดคือ ร้อยละ 16 และมีสัดส่วนของประชากรวัยสูงอายุมากที่สุดร้อยละ 21 ของประชากรทั้งหมดในยุโรป ในขณะที่แอฟริกามีสัดส่วนของประชากรวัยเด็กสูงถึงร้อยละ 42 และมีสัดส่วนของประชากรวัยสูงอายุเพียงร้อยละ 5 ของประชากรทั้งหมดในแอฟริกา

ประเทศที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก 5 ประเทศ คือ อิตาลี ญี่ปุ่น กรีซ เยอรมันนี และสวิสเซอร์แลนด์ ประเทศเหล่านี้มีลักษณะทางประชากรที่สำคัญ เช่น อัตราเกิดต่อประชากรพันคนค่อนข้างต่ำ และมีอัตราตายต่อประชากรพันคนต่ำเช่นกัน แต่มีอายุขัยเฉลี่ยค่อนข้างสูง ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่มีสัดส่วนของผู้สูงอายุมากที่สุดในโลกเท่ากับประเทศอิตาลีในยุโรป  (ร้อยละ 25) และที่น่าสนใจคือ คนญี่ปุ่นเป็นคนมีอายุขัยเฉลี่ยหรือมีอายุยืนยาวมากที่สุดในโลกด้วย    (82 ปี) ในขณะที่แอฟริกายังเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนประชากรวัยเด็กมากเกือบร้อยละ 42 ของประชากรทั้งหมดในภูมิภาค มีอัตราเจริญพันธุ์รวมและอัตราตายต่อประชากรพันคนสูงมาก (4.9 และ 15 ตามลำดับ) และประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยที่ต่ำมากเพียง 49 ปีเท่านั้น

แสดงโครงสร้างประชากรโลกและประชากรไทย ระหว่าง พ.ศ. 2543 – 2568 (หน่วย : พันคน)

สังคมโลก

สังคมโลกได้วิวัฒนาการสร้างสรรค์อารยธรรมและพัฒนาการขึ้นมาเป็นลำดับ เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง สถานการณ์ทางการเมืองของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต สองอภิมหาอำนาจมีบทบาทแทนที่อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ผลกระทบจากสงครามทำลายจิตใจของผู้คน เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ไร้ที่อยู่อาศัย ความพิการซึ่งเป็นภาระที่รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูบูรณะให้กลับคืนมา ธุรกิจการค้า โรงงานอุตสาหกรรม เส้นทางคมนาคม ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ดินแดนที่เป็นสมรภูมิของสงครามประสบปัญหาความอดอยาก ยากจน ขาดแคลนอาหาร สภาพเศรษฐกิจใกล้จะล้มละลาย องค์การสหประชาชาติจึงมีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือมนุษยชาติและรักษาสันติภาพของสังคมโลก เนื่องจากโลกได้แบ่งออกเป็นสองค่าย ต่อสู้กันระหว่างการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำกลุ่มกับการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำกลุ่ม เกิดการแข่งขันกันสร้างอิทธิพลในดินแดนต่าง ๆ อุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันทำให้สงครามเย็นอุบัติขึ้น เกิดสงครามในภูมิภาคต่าง ๆ ขึ้นทั่วโลก ผู้คนต่างหวาดกลัวภัยสงคราม มหาอำนาจแต่ละค่ายต่างแข่งขันกันผลิตอาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรง พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สร้างขีปนาวุธเพื่อประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม ดินแดนที่เคยตกเป็นอาณานิคมได้ต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราช ทั้งแบบสันติวิธีและแบบรุนแรงจับอาวุธขับไล่ชาติตะวันตก เกิดการสู้รบในอินโดจีนอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในเวียดนาม เป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกา ภายหลังที่ประเทศอาณานิคมได้รับเอกราชมักมีปัญหาทางการปกครอง มีผลทำให้ทหารมีบทบาทกุมอำนาจการบริหารไว้ได้ แต่ปัญหาชนกลุ่มน้อยและปัญหาเชื้อชาติก็ยังคงดำรงอยู่เพื่อรอการแก้ไข เมื่อสหภาพโซเวียตปรับเปลี่ยนนโยบายการปกครองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประเทศล่มสลายลง สงครามเย็นจึงยุติลง

สังคมโลกยุคปัจจุบันมีความก้าวหน้าเกิดการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงเป็นการปฏิวัติที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจสังคมการเมืองโลก มีผลทำให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โลกที่กว้างใหญ่ดูเล็กลง ดินแดนที่อยู่ห่างไกลสามารถติดต่อถึงกันภายในเสี้ยววินาที ทุกคนก้าวสู่สังคมใหม่เป็นหนึ่งเดียว องค์การระหว่างประเทศจึงทวีความสำคัญยิ่งขึ้น ดำเนินการเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประนีประนอมสร้างความสัมพันธ์ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อสันติภาพและความมั่นคงของสังคมโลก

ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงในทุกมิติทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมืองและเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองโลก มีผลทำให้ประเทศต่าง ๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น โลกที่เคยกว้างใหญ่กลับเล็กลงดินแดนแต่ละประเทศที่อยู่ห่างไกลกัน สามารถติดต่อกันได้ภายในเวลาเสี้ยววินาทีประดุจเป็นหมู่บ้านเดียวกัน (Global Village) ภูเขาและทะเลซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติที่เคยเป็นอุปสรรคในการติดต่อไปมาหาสู่ดูเสมือนเลือนหายไปจนกลายเป็นโลกไร้พรมแดน นับจากนี้ต่อไปโลกกำลังก้าวเข้าสู่ระยะแห่งการเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย การเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของประวัติศาสตร์โลกในยุคโลกาภิวัตน์ 

ดังนั้นสังคมโลกในปัจจุบันจึงเป็นโลกที่มนุษย์สามารถข้ามพรมแดนของประเทศ สามารถเชื่อมโยงและทะลุกาลเวลาได้อย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารในลักษณะที่ไร้พรมแดนที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและวัฒนธรรมด้วยการครอบโลกทางวัฒนธรรม อันเนื่องมาจากระบบสื่อสารไร้พรมแดน ก่อให้เกิดกระแสวัฒนธรรมโลก (Neo-Westernization) การครอบงำทางด้านความคิด การมองโลก การแต่งกาย การบริโภคนิยมแพร่หลายเข้าครอบคลุมเหนือวัฒนธรรมของประชาคมทั่วโลก ผลที่ตามมาคือ เกิดระบบผูกขาดไร้พรมแดน ส่งผลให้เกิดหมู่บ้านโลก (Global Village) เป็นสังคมโลกไร้พรมแดน โลกทั้งโลกเป็นเสมือนหมู่บ้านเดียวกัน หมายถึงหากมีสิ่งใดมากระทบประเทศหนึ่งก็ย่อมกระทบไปถึงประเทศอื่น ๆ ด้วย อีกทั้งยังเกิดการแสวงหากำไรแบบใหม่ที่ไปกระจุกตัวอยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจนก่อให้เกิดการพองตัวของทุนอย่างรวดเร็ว และในประการสุดท้ายเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีคมนาคม เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น

อ่านต่อ >>>

» มนุษย์ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก

» ภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อมโลก

» สถานการณ์ด้านสังคมและวัฒนธรรม

» เศรษฐกิจโลก

» การเมืองระหว่างประเทศ

» ระบบกฎหมายของโลก

» สิทธิมนุษยชนในกระแสโลกาภิวัตน์

» เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลง

» ประชาคมโลกภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์

» บรรณานุกรม

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย