ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
พระเจ้าสิบชาติ










พระเวสสันดร ผู้ทรงบำเพ็ญทานบารมี
ชูชกพราหมณ์ไปถึงเมืองเชตุดร ถามถึงที่อยู่ของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ กับประชาชน
ถูกประชาชนขับไล่ไสส่ง และขว้างปาด้วยก้อนหิน และท่อนไม้ เป็นต้น
ว่าเป็นพวกเดียวกับพวกพราหมณ์ ที่ทำให้พระโพธิสัตว์ต้องถูกเนรเทศ ไปอยู่เขาวงกต
บัดนี้คงจะต้องมาขออะไรอีกเป็นแน่นอน พราหมณ์ชูชกต้องซมซานหลบหนี ไปทางเขาวงกต
เข้าไปในป่าใหญ่ ได้ถูกฝูงสุนัขไล่กัดจึงหนีขึ้นไปหลบบนต้นไม้ นายพรานป่าเจตบุตร
ซึ่งพระยาเจตราชตั้งไว้เพื่ออารักขาพระเวสสันดร มาพบเข้าก็ด่าว่าต่างๆ นานา
จะฆ่าเสียให้ตาย แต่ชูชกก็โกหกเอาตัวรอดได้ โดยอ้างว่าตนเป็นทูตของพระเจ้าสญชัย
เข้ามาในป่าใหญ่ ก็เพื่ออัญเชิญพระเวสสันดรกลับเมือง ถ้ารู้ขอให้บอกทาง
พรานเจตบุตรเชื่อว่าเป็นจริง จึงชี้ทางให้ชูชกพราหมณ์ เดินทางไปยังเขาวงกต
ชูชกพราหมณ์เดินทางต่อไป ก็ได้พบพระอัจจุตฤาษี ได้หลอกลวงพระฤาษีว่าตนเป็นราชทูต
ของพระเจ้ากรุงเชตุดร และถามทางไปยังวงกตคีรี พระมุนีก็ชี้ทางให้
จึงได้ออกเดินทางต่อไป จนถึงเขาวงกต มองเห็นบรรณศาลาพระนักพรตเวสสันดร
ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสระโบกขรณีอันร่มรื่น คิดว่าวันนี้จวนมืดค่ำ
พระนางมัทรีคงเสด็จกลับ จากการหาผลาหารในป่าแล้ว รอถึงพรุ่งนี้เช้า
ให้พระนางเข้าป่าเสียก่อนเถิด เราจึงค่อยเข้าเฝ้าพระเวสสันดรทูลขอ 2 พระกุมาร
คิดแล้วก็เลยหาที่พักผ่อนหลับนอน แถวเนินไศลบนต้นไม้ใกล้ๆ นั่นเอง
ในเวลากลางคืน ก็เกิดอาเพศทำให้พระนางมัทรีทรงฝันร้าย ในฝันนั้นว่า
มีชายคนหนึ่งรูปร่างล่ำสันใหญ่โต ถือดาบเดินเข้ามาหาพระนาง มิได้พูดจาว่าอะไร
ก็ใช้ดาบนั้นฟันพระพาหาทั้ง 2 ข้าง ของพระนางขาดออกจากร่าง แล้วควักเอาดวงเนตรทั้ง
2 ของพระนางไป ปล่อยให้พระนางนอนซม จมกองเลือดอยู่เพียงคนเดียว
พระนางทรงสะดุ้งหวาดเสียว ต่อพาลภัยจนตกพระทัยตื่นบรรทม
ทรงทราบว่าเป็นฝันร้ายคงมีเหตุอะไรแน่นอน ค่อนรุ่งคืนนั้น
จึงเสด็จไปบรรณศาลาพระฤาษีเวสสันดร ทรงเล่าพระสุบินนั้นให้พระเวสสันดรฟัง
พระฤาษีเวสสันดร ทรงสดับพระสุบินแล้วก็ทรงทราบว่า พรุ่งนี้จักมีคนมาขอ 2
กุมารเป็นแน่ แต่จะบอกข้อความนี้ ให้พระนางทราบก่อนยังมิได้
จึงตรัสปลอบพระนางมิให้ตกพระทัย จะมิมีอะไรร้ายแรงถึงชีวี
เป็นเพราะพระน้องนางบรรทมมิดี จึงทรงฝันร้าย โปรดอย่ากังวลพระทัยเลย
เชิญเสด็จกลับบรรณศาลาพักผ่อนเสียเถิด พระนางมัทรีผู้ประเสริฐได้ทรงฟัง
แม้จะยังมิเสื่อมคลายหายกังวล แต่ก็จำต้องเสด็จกลับบรรณศาลา พอรุ่งเช้า
พระนางทรงกระทำกิจที่ควรทั้งปวงแล้ว ได้สวมกอดพระโอรสธิดา แล้วประทานโอวาทว่า
ลูกแม่คืนนี้แม่ฝันร้าย เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น ขอลูกแม่ทั้ง 2
อย่าไปเล่นไกลพระบิดา แล้วทรงพาพระกุมารทั้ง 2 ไปเฝ้าพระโพธิสัตว์
ฝากให้พระองค์ทรงดูแลพระกุมารทั้ง 2 แล้วพระนางก็ทรงถือกระเช้าและเสียม เป็นต้น
เสด็จเข้าสู่ป่าเพื่อหาผลไม้ ด้วยพระทัยหวาดผวาอาดูร อันมิเคยปรากฏมาก่อน
ฝ่ายชูชกพราหมณ์ ตื่นนอนในตอนเช้าแล้วรอโอกาสอยู่ เมื่อเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้ว
จึงละจากเนินเขา เข้าไปเฝ้าพระเวสสันดรโพธิสัตว์
เมื่อพระโพธิสัตว์ทรงต้อนรับด้วยน้ำดื่ม และของกินแล้ว ได้ตรัสถามความต้องการ
จึงกราบทูลว่าตั้งใจมาขอพระกุมารทั้ง 2 พระเวสสันดรโพธิสัตว์ทรงมอบพระกุมารทั้ง 2
ให้เป็นทานแก่พราหมณ์ชูชกนั้น แล้วตรัสว่า ให้ชูชกนำพระกุมารทั้ง 2
ไปมอบให้พระเจ้าสญชัย ผู้เป็นพระอัยกา พระเจ้าสญชัยก็จะทรง พระราชทานทรัพย์
ให้พราหมณ์เป็นอันมาก และถ้าหากพระองค์จะทรงไถ่ตัวพระกุมารทั้ง 2 ก็ให้ไถ่ได้ดังนี้
พระชาลีมีค่าด้วยทรัพย์พันตำลึงทองคำ ส่วนพระกัณหาชินามีค่าด้วยทรัพย์ คือ ทาสี ทาส
ช้าง ม้า โค อย่างละ 100 และทองคำ 100 ลิ่ม ชูชกพราหมณ์เมื่อได้ตัว 2 พระกุมารแล้ว
ใช้เถาวัลย์ผูกพระหัตถ์เบื้องขวา ของพระชาลีกุมารรวมกันกับ พระหัตถ์เบื้องซ้าย
ของพระกัณหาชินากุมารี ถือปลายเถาวัลย์นั้นไว้โบยตีพาไป
พระนางมัทรีทรงหวั่นพระทัยว่า เมื่อคืนฝันร้ายจักหาผลไม้แถวใกล้ๆ
แล้วกลับอาศรมแต่วัน ขณะที่พระนางกำลังเสาะแสวงหาผลไม้อยู่นั้น
ก็เกิดลางร้ายเสียมหลุดจากพระหัตถ์ กระเช้าหลุดจากพระอังสา พระเนตรเบื้องขวาเขม่น
หาผลไม้ไม่ได้เกิดมืดมัวไปทั่วทิศ จึงเสด็จกลับอาศรมมาพบ 3 สัตว์นอนขวางทางไว้ คือ
ราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง ซึ่งเป็นเทพเจ้าปลอมแปลงมา
เพื่อจะกั้นพระนางมิให้เสด็จกลับเร็ว เพราะเกรงว่าจะไปขัดขวาง
การให้ทานของพระโพธิสัตว์ พระนางทรงอ้อนวอน 3 สัตว์อยู่จนเย็น สัตว์ทั้ง 3
จึงหลีกทางให้ เสด็จไปถึงอาศรมไม่ทรงเห็นพระกุมารทั้ง 2 ก็ยิ่งตกพระทัย
เที่ยวค้นหาจนทั่วก็ไม่พบ ทูลถามพระเวสสันดร ก็ไม่ตรัสบอกอะไร
ยิ่งเสียพระทัยจึงเที่ยวค้นหาอยู่ทั้งคืนก็ไม่พบ จนสิ้นสติสมประดี
แทบพระยุคลบาทพระเวสสันดรนั่นเอง พระเวสสันดรโพธิสัตว์
ทรงแก้ไขจนพระนางฟื้นคืนสติดีแล้ว จึงตรัสบอกความจริงว่า พระกุมารทั้ง 2
นั้นพระองค์ทรงให้เป็นทาน แก่พราหมณ์ผู้หนึ่งไปแล้ว
ขอให้พระนางทรงอนุโมทนาในปิยปุตตทาน นี้เถิด พระนางมัทรีก็ทรงอนุโมทนา
ยินดีในปิยปุตตทานของพระเวสสันดรโพธิสัตว์