ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ บุคคลสำคัญ ประเทศและทวีป »
จังหวัดหนองคาย
ข้อมูล » ประวัติศาสตร์-ความเป็นมา ศิลปะ-วัฒนธรรม-ประเพณี สถานที่สำคัญ-แหล่งท่องเที่ยว โรงแรม-ที่พัก
สถานที่สำคัญ-แหล่งท่องเที่ยว จังหวัดหนองคาย
อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ
ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า
เป็นที่บรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบกบฏฮ่อเมื่อปี ร.ศ. 105 (พ.ศ. 2429)
เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ซึ่งเป็นแม่ทัพปราบกบฏฮ่อในครั้งนั้นรับสั่งให้สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนความดีของผู้ที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อชาติบ้านเมือง
มีคำจารึกภาษาไทย จีน ลาว และอังกฤษ มีการจัดงานบวงสรวงและฉลองอนุสาวรีย์ในวันที่ 5
มีนาคม ของทุกปี
วัดโพธิ์ชัย
เป็นพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย
เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวเมืองหนองคายนับถือกันมาก
หลวงพ่อพระใสเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก มีลักษณะงดงาม
ทุกปีในวันเพ็ญกลางเดือน 7
ชาวเมืองหนองคายจะมีงานประเพณีบุญบั้งไฟบูชาพระใสที่วัดโพธิ์ชัยเป็นประจำ
ตลาดท่าเสด็จ
ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ในเขตเทศบาลเมือง
เป็นแหล่งรวมสินค้าที่ในแถบอินโดจีนและยุโรปตะวันออกมีทั้งผลิตภัณฑ์อาหารแห้ง
อาหารแปรรูป และข้าวของเครื่องใช้ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า นาฬิกา
เครื่องครัว ท่าเสด็จยังเป็นด่านสำหรับคนท้องถิ่นข้ามไปยังลาว
พระธาตุหนองคาย หรือ พระธาตุกลางน้ำ
เป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง
เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ (พระพนม)
พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน หักออกเป็น 3 ท่อน
สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20-22
ศาลาแก้วกู่
หรือที่รู้จักกันในนามวัดแขก
ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพุทธมามกะสมาคมจังหวัดหนองคาย
สถานที่ซึ่งคล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแสดงรูปปั้นทางศาสนาแห่งนี้
เกิดจากแรงบันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์
ซึ่งได้สร้างสถานที่แห่งนี้เมื่อราวปี พ.ศ. 2521 ตามความเชื่อว่าหลักคำสอนทุกศาสนา
สามารถนำมาผสมผสานได้ งานปั้นอันใหญ่โตอลังการนี้มีทั้งพระพุทธรูปปางต่าง ๆ
รูปเทพฮินดูต่าง ๆ รูปปั้นเกี่ยวกับศาสนาคริสต์
รูปปั้นเล่าเรื่องรามเกียรติ์และตำนานพื้นบ้าน
หาดจอมมณี
เป็นหาดทรายริมแม่น้ำโขงที่เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง
ชายหาดมีความยาวประมาณ 200 เมตร
สะพานมิตรภาพไทย-ลาว
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขง
ไปจากอำเภอเมืองหนองคายไปยังเมืองท่าเดื่อ
ของลาวซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเวียงจันทน์ ประมาณ 20 กิโลเมตร
สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของ 3 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย ลาว และไทย
นับว่าเป็นสะพานที่สร้างความสัมพันธ์ไทย-ลาว
พระธาตุบังพวน
ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุบังพวน บ้านดอนหมู
เป็นเจดีย์เก่าแก่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่เคารพสักการะของชาวหนองคายมาช้านาน
ตัวองค์พระธาตุ เดิมสร้างด้วยอิฐเผา ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบท้องถิ่น
เป็นสถูปแบบอินเดียรุ่นเดียวกับองค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาได้พังทลายลง
เจดีย์องค์ปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นใหม่โดยกรมศิลปากร
หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ
ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ บ้านน้ำโมง
เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่หล่อด้วยทอง ฝีมือของช่างฝ่ายเหนือและช่างล้านช้าง
เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม นั่งขัดสมาธิปางมารวิชัย
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงเคารพนับถือมาก
สร้างเมื่อพุทธศักราช 2105 ผู้สร้างคือ พระไชยเชษฐา กษัตริย์นครเวียง
หล่อโดยใช้ทองคำ ทองเหลือง และเงินผสมกัน รวมน้ำหนักได้ 1 ตื้อ (ตื้อ เป็น
มาตราโบราณของอีสาน) ใช้เวลาในการสร้าง 7 ปี 7 เดือน
พระสุธรรมเจดีย์ วัดอรัญญบรรพต
ตั้งอยู่ตำบลบ้านหม้อ
เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และและเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ก่อสร้างโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อถวายหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
เกจิอาจารย์ที่มีศิษยานุศิษย์มากมาย
วัดหินหมากเป้ง
ตั้งอยู่ตำบลพระพุทธบาท มีพื้นที่กว้างขวาง
ร่มรื่นด้วยพรรณไม้ บริเวณวัดโดยรอบสะอาด เรียบร้อยและเงียบสงบ
มีพื้นที่ด้านหนึ่งติดกับลำน้ำโขง ซึ่งมองเห็นทัศนียภาพสวยงาม
อาจารย์เทสก์ เทสรังสี เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน
ได้ริเริ่มจัดตั้งให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม หลังจากท่านมรณภาพ
มีการก่อสร้างเจดีย์ เพื่อบรรจุอัฐิของท่าน
ภายในมีรูปปั้นของอาจารย์เทสก์
พร้อมจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและชีวประวัติของท่าน
น้ำตกธารทอง
อยู่ในเขตบ้านผาตั้ง มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลไปตามลานหิน
มีแอ่งน้ำให้เล่นน้ำได้ ก่อนจะลดระดับเกิดเป็นชั้นน้ำตกเล็ก ๆ
เป็นระยะลดหลั่นกันไปประมาณ 30 เมตรและไหลลงสู่ลำน้ำโขงในที่สุด
น้ำตกธารทิพย์
เป็นน้ำตกที่สูงและสวยงามท่ามกลางป่าเขียวขจี แบ่งออกเป็น 3
ชั้น ด้านล่างเป็นน้ำตกชั้นแรก
ไหลจากหน้าผาเป็นสายยาวสีขาวสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ชั้นที่ 2
ต้องปีนขึ้นไปตามเส้นทางที่ทำไว้ และชั้นที่ 3 มีน้ำไหลอยู่ตลอดปี
และจะมีน้ำมากในฤดูฝน
วัดสว่างอารมณ์
ตั้งอยู่บริเวณลานหินเนินเขา ร่มรื่นด้วยต้นไม้และลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่าน
บริเวณใต้โขดหินใหญ่ประดิษฐานพระนอนให้ผู้คนสักการะบูชา
บนโขดหินมีอุโบสถทรงระฆังคว่ำ
ภูทอก
ภูทอกในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว อยู่ในเขตบ้านคำแคน
เป็นภูเขาหินทรายโดดเด่นมองเห็นได้แต่ไกล ประกอบด้วย ภูทอกใหญ่
และภูทอกน้อย แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมาย
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ได้เริ่มเข้ามาจัดตั้งเป็นแหล่งบำเพ็ญเพียร
เพื่อให้พุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม
ภูทอกน้อยเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร
เป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก
โดยต้องเดินไปตามสะพานไม้เวียนวนรอบเขาสูงชันจนถึงยอด
สะพานไม้สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาจากเหล่าพระ เณร และชาวบ้าน
เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2512 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปี
บันไดที่ทอดขึ้นสู่ยอดภูทอกนี้เปรียบเสมือนเส้นทางธรรม
ที่น้อมนำสัตบุรุษให้พ้นโลกแห่งโลกียะสู่โลกแห่งโลกุตระหรือโลกแห่งการหลุดพ้นด้วยความเพียรพยายามและมุ่งมั่น
ภูทอกยังคงเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และปฏิบัติศาสนกิจของชุมชน
ดังนั้นผู้ที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้ควรอยู่ในความสงบและเคารพสถานที่
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว
ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา
และอำเภอบึงโขงหลง เกือบติดพรมแดนประเทศลาว
สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าดิบชื้น
บางส่วนเป็นสันเขาหินทราย ลานหินและทุ่งหญ้า
จังหวัด » กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ บึงกาฬ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี อุบลราชธานี