ศาสนา
ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม
การเดินทางของพุทธศาสนาสู่ประเทศไทย
พระพุทธศาสนาในประเทศไทย
เส้นทางติดต่อระหว่างอินเดียกับสุวรรณภูมิ
พุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
พุทธศาสนาสมัยฟูนัน
พุทธศาสนาสมัยทวาราวดี
พุทธศาสนาสมัยศรีวิชัย
พุทธศาสนาสมัยลพบุรี
พุทธศาสนาสมัยลานนา
พุทธศาสนาลังกาวงศ์สู่ลานนา
พุทธศาสนาสมัยสุโขทัย
การปกครองคณะสงฆ์ และศิลปกรรม
พระมหาธรรมราชาลิไทกับพุทธศาสนา
พุทธศาสนาสมัยอยุธยา
พุทธศาสนาสมัยธนบุรี
พุทธศาสนาสมัยรัตนโกสินทร์
พุทธศาสนาสมัยสุโขทัย
สมัยสุโขทัยมีทั้งนิกาย 2 นิกายคือ เถรวาท และมหายาน ส่วนใหญ่นับถือเถรวาท
มีกษัตริย์คือ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือโรจนราช
เป็นกษัตริย์ปกครองทรงเลื่อมใสนิกายเถรวาท ในยุคนี้มีวัดที่สำคัญคือ วัดมหาธาตุ
เจดีย์ที่สำคัญเป็นแบบพุ่มข้าวบิณฑ์เจดีย์ทรงแบบนี้มีเฉพาะที่อาณาจักรสุโขทัยเท่านั้น
คือ มีในจังหวัดสุโขทัย กำแพงเพชร ตาก ยังมีเมืองที่สำคัญอยู่ทางเหนือ ห่างประมาณ
60 กิโลเมตร คือ ศรีสัชนาลัย โบราณสถานคล้ายคลึงกับสุโขทัย เช่น วัดเจดีย์ 7 แถว
เป็นสถูปแบบพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นเมืองอุปราชของสุโขทัย
ในด้านศาสนาวัฒนธรรมและศิลปกรรมสมัยนี้ซึ่งมีความแตกต่างจามสมัยขอมปกครองคือ
1. สมัยนี้เลิกนับถือนิกายมหายาน ส่วนใหญ่นับถือเถรวาทแบบลังกาวงศ์
สมมัยขอมปกครองนั้นมหายานรุ่งเรืองมาก
2. ระบบการปกครองของขอม พระเจ้าแผ่นดินเป็นแบบเทพาวตาร คือ
เทพเจ้าอวตารลงมา(แบบลัทธิพราหมณ์) พระเจ้าแผ่นดินจึงเหินห่างประชาชน
ส่วนสมัยสุโขทัยนั้นใช้ระบอบพ่อปกครองลูก กษัตริย์จึงใกล้ชิดประชาชนมาก
กษัตริย์ทรงบำเพ็ญจักรวรรดิสูตรต่อประชาชน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการปกครองมาก
3. ศิลาจารึกของขอม
เริ่มด้วยการสดุดีพระเจ้าแล้วพูดถึงเกียรติคุณของกษัตริย์ ลงท้ายด้วยการสาปแช่ง
ส่วนจารึกของไทยสมัยสุโขทัยจะพูดถึงเหตุการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจและสังคม
ไม่มีการสาปแช่งสังคม อันเป็นผลมาจากการปกครองแบบพ่อปกครองลูก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไทยสมมัยสุโขทัยเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 50
ปีเท่านั้น คนทั้งหลายเบื่อการปกครองแบบขอมที่ผลักภาระอันหนักให้แก่ประชาชน
ด้วยการเก็บภาษีอย่างแรง
และเกณฑ์คนไปสร้างปราสาทหินอันมหึมาเพื่ออวดศักดาของผู้ปกครอง
คนทั้งหลายจึงพอใจอ้อนน้อมต่อสุโขทัยซึ่งปกครองโดยธรรม
พุทธศิลป์
1. เจดีย์แบบพุ่มข้าวบิณฑ์และแบบจอมแห ซึ่งเป็นแบบของไทยแท้ๆ เช่น
เจดีย์วัดช้างล้อมเมืองศรีสัชนาลัย เป็นศิลปแบบสุโขทัย
2. พระพุทธรูปหล่อเป็นองค์ใหญ่ไว้มาก เช่น
พระศรีศากยมุนีซึ่งอยู่ในวิหารวัดสุทัศเทพวราราม กรุงเทพฯ หน้าตักกว้าง 3 วาเศษ
มีพระยืนสูง 18 ศอก เรียกพระอัฏฐารสที่วัดมหาธาตุสุโขทัย และบนเขาตะพานหิน
นอกเมืองสุโขทัย และวัดสระเกศ กรุงเทพฯ เดิมอยู่ที่เมืองพิษณุโลก รัชกาลที่ 3
ทรงโปรดอัญเชิญมาไว้ที่วัดสระเกศ เป็นพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์
3. คณะสงฆ์ในสมัยนี้ สุโขทัยตอนต้นแบ่งเป็น 2 พวกคือ
คณะสงฆ์มอญจากอาณาจักรทวาราวดี และคณะสงฆ์ที่สืบเนื่องมาจากสมัยลพบุรี
มาถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง ได้นิมนต์พระลังกาวงศ์จากนครศรีธรรมราชมายังสุโขทัย
และกลายเป็นคณะใหญ่ได้รับความเลื่อมใสมาก ทั้งผู้สูงศักดิ์และราษฎรสามัญ
พระลังกาวงศ์นี้นิยมอยู่ป่า พ่อขุนรามคำแหงจึงสร้างวัดถวายให้อยู่ในป่า
เรียกคณะอรัญวาสี ส่วนพระในเมืองเรียกคามวาสี เช่น วัดป่ามะม่วง วัดสะพานหิน
วัดเขาพระบาทน้อย เป็นต้น
ต่อมาพ่อขุนรามคำแหง ได้ส่งภิกษุสงฆ์ชาวไทยไปศึกษาเล่าเรียนในลังกา
เมื่อบวชใหม่ที่ลังกาแล้วกลับมาก็ตั้งหลักอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช
และชวนภิกษุชาวลังกามาอยู่ด้วย ช่วยกันสร้างพระมหาธาตุที่นครศรีธรรมราช
เมื่อลัทธิลังกาวงศ์เข้ามาเจริญ จึงทำให้ลัทธิมหายานเสื่อมสูญไป
หรือไว้แต่ลัทธิเถรวาทต่อแต่นั้นมา ส่วนการบรรพชาอุปสมบท พระคณะสงฆ์เดิม
นิยมว่าคำอุปสมบทเป็นภาษาสันสฤต
ส่วนพระสงฆ์คณะใหม่ที่สืบเนื่องมาจากลังกาวงศ์นิยมว่าภาษาบาลีหรือมคธ แต่ทั้ง 2
คณะเป็นเถรวาทด้วยกัน มาถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหงทั้ง 2 ฝ่ายจึงประนีประนอมเข้าด้วยกัน
โดยการขอบรรพชาอุปสมบทก็ให้รับไตรสรณคมน์ 2 ครั้ง
ว่าเป็นภาษามคธครั้งหนึ่งและสันสกฤตครั้งหนึ่ง คือ พุทธํ สรณํ คจฉามิ
เป็นภาษาบาลี พุทธมฺ สรณมฺ คจฺฉามิ เป็นภาษาสันสกฤต สันสกฤตนั้นมาเลิกรัชกาลที่ 5
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นี่เอง และคงว่าภาษาบาลีอย่างเดียว
อีกอย่างหนึ่ง วัดหลวงตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มักทำใบสีมา
2 แผ่นซ้อนกัน ถ้าเป็นวัดราษฎ์ทำใบสีมาใบเดียว
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิฐานว่า เดิมคงใช้สีมาแผ่นเดียวกันหมด
เมื่อพระสงฆ์ลังกาวงศ์เข้ามายังไทย ตั้งข้อรังเกียจสีมาที่พระไทยผูกไว้
ไม่ยอมทำสังฆกรรมร่วม
พระเจ้าแผ่นดินจึงให้พระลังกาวงศ์ผูกสีมาบรรดาวัดหลวงซ้ำอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็น 2
ใบซ้อนกัน
พระสงฆ์ตอนนั้นแตกเป็น 2 พวก คือพวกที่พอใจในการศึกษาพระปริยัติธรรม
เล่าเรียนพระไตรปิฎกมักอาศัยในเมือง เรียก คามวาสี
ธุระที่ทำส่วนใหญ่เป็นการศึกษาคัมภีร์ (คันถะ) เรียกว่า พระพวกคันถธุระ อีกพวกหนึ่ง
พอใจในการเจริญสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนามักอาศัยอยู่ในเสนาสนะป่าอันสงบสงัด เรียก
อรัญวาสี ธุระที่ทำส่วนใหญ่เป็นสมถะและวิปัสสนา และทั้ง 2 พวกนี้ก็เป็นเถรวาท
พระสงฆ์แบบลังกาวงศ์ที่ตั้งขึ้นในสมัยสุโขทัยนั้นได้เกิดผลสะท้อนในทางการศึกษาเป็นอย่างมากมาย