ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม>>

พื้นฐานพระคริสตธรรมคัมภีร์

คำพยากรณ์เรื่องพระเยซูในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม

บทเรียนที่ 3 อธิบายว่า ความรอดที่พระเจ้ามีพระประสงค์จะมอบให้มนุษย์ เกี่ยวข้องกับพระเยซูอย่างไร พันธสัญญาที่พระองค์กระทำต่อเอวา อับราฮัม และดาวิด ล้วนกล่าวถึงพระเยซูในฐานะที่เป็นพงศ์พันธุ์ของพวกเขา แท้ที่จริงแล้ว พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมทั้งหมดพยากรณ์และชี้ไปยังพระคริสต์เพียงผู้เดียว ธรรมบัญญัติของโมเสสซึ่งชาวอิสราเอลต้องปฏิบัติตามก่อนที่จะถึงสมัยของพระคริสต์ ชี้ไปยังพระเยซูอย่างสม่ำเสมอ "ธรรมบัญญัติจึงควบคุมเราไว้จนพระคริสต์เสด็จมา" (กาลาเทีย 3:24) ในพิธีปัสกา ลูกแกะที่ไม่มีตำหนิจะต้องถูกฆ่า (อพยพ 12:3-6) นี่แสดงถึงการถวายพระเยซูเป็นเครื่องบูชา "เมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย" (ยอห์น 1:29; 1 โครินธ์ 5:7) การที่สัตว์ที่จะนำมาเป็นเครื่องบูชาต้องเป็นสัตว์ที่ไร้ตำหนิชี้ให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของพระคริสต์ (อพยพ 12:5; 1 เปโตร 1:19)

พระธรรมสดุดีและผู้เผยพระวจนะในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม กล่าวถึงลักษณะของพระมาซีฮาห์อย่างนับไม่ถ้วน และอธิบายเป็นพิเศษถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ลัทธิยูดาปฏิเสธพระมาซีฮาห์ ที่สิ้นพระชนม์ได้ เพราะพวกเขาละเลยคำที่ผู้เผยพระวจนะเผยไว้

น่าอัศจรรย์ที่พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เตือนให้เราระลึกว่า "ธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะ" ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม เป็นพื้นฐานของความเข้าใจเกี่ยวกับพระคริสต์ (กิจการของอัครทูต 26:22; 28:23; โรม 1:2,3; 16:25,26) พระเยซูทรงเตือนว่าถ้าเราไม่เข้าใจ "โมเสสและผู้เผยพระวจนะ" เราก็ไม่เข้าใจพระองค์ (ลูกา 16:31; ยอห์น 5:46-47)

การที่ธรรมบัญญัติของโมเสสชี้ไปยังพระคริสต์ และผู้เผยพระวจนะกล่าวเรื่องของพระองค์ควรเป็นหลักฐานเพียงพอที่จะบอกว่าพระเยซูไม่ได้มีตัวตนในรูปของร่างกายก่อนที่พระองค์จะมาประสูติ คำสอนผิดๆ ที่ว่าพระคริสต์อยู่ในรูปของร่างกายก่อนมาประสูติทำให้คำสัญญาที่ย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพระองค์จะเป็นพงศ์พันธุ์ของเอวา อับราฮัม และดาวิดกลายเป็นเรื่องเหลวไหล หากพระองค์อยู่ในสวรรค์อยู่แล้วในขณะที่พระเจ้าทรงกระทำพันธสัญญา พระเจ้าคงไม่กระทำถูกนักที่จะสัญญากับคนเหล่านั้นว่าจะประทานพงศ์พันธุ์ที่จะเป็นพระมาซีฮาห์ให้พวกเขา พระเยซูทรงเป็นลูกหลานของคนเหล่านั้นตามสายโลหิต ปรากฏอยู่ในมัทธิว 1 และลูกา 3

พระสัญญาต่อดาวิดเกี่ยวกับพระคริสต์ทำให้พระคริสต์ไม่สามารถมีตัวตนอยู่ในขณะที่พระเจ้ากระทำพันธสัญญานั้น "เราจะให้บุตรชายคนหนึ่งของเจ้าเกิดขึ้นสืบต่อจากเจ้าผู้ซึ่งเกิดมาจากตัวเจ้าเอง เราจะเป็นบิดาของเขา และเขาจะเป็นบุตรของเรา" (2 ซามูเอล 7:12,14) พึงสังเกตว่าข้อความในที่นี้กล่าวถึงอนาคตกาล พระเจ้าจะเป็นบิดาของพระคริสต์ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พระบุตรของพระเจ้าจะมีตัวตนอยู่แล้วในขณะที่พระเจ้ากระทำพันธสัญญา ส่วนที่ว่าเป็นพงศ์พันธุ์ "ผู้ซึ่งเกิดมาจากตัวเจ้าเอง" หมายความว่า จะต้องเป็นคนสืบเชื้อสายจากดาวิด "พระเจ้าทรงสาบานกับดาวิด อันเป็นสัจจะ…เราจะตั้งบุตรชายจากร่างกายของเจ้า ไว้บนบัลลังก์ของเจ้า" (สดุดี 132:11)

ซาโลมอนเป็นความสำเร็จแรกของพันธสัญญา แต่เนื่องจากพระองค์ทรงมีตัวตนอยู่ในขณะที่กระทำพันธสัญญา (2 ซามูเอล 5:14) พันธสัญญาที่ว่า ดาวิดจะมีผู้สืบเชื้อสายซึ่งจะเป็นบุตรของพระเจ้า จะต้องหมายถึงพระคริสต์ (ลูกา 1:31-33) "เราจะเพาะอังกูรชอบธรรมให้ดาวิด" (เยเรมีย์ 23:5) คือ พระมาซีฮาห์

อนาคตกาลที่คล้ายคลึงกันนี้ใช้ในคำพยากรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระคริสต์ด้วย
"เราจะโปรดให้บังเกิดผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้า (โมเสส)" (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:18) ถูกนำมากล่าวอ้างในกิจการของอัครทูต 3:22,23 ซึ่งอธิบายว่า “ผู้เผยพระวจนะ” นั้นคือพระเยซู "หญิงสาวพรหมจารีย์คนหนึ่ง (มารีย์) จะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล" (อิสยาห์ 7:14) และสำเร็จเมื่อพระคริสต์ทรงมาบังเกิด (มัทธิว 1:23)

|| หน้าถัดไป>>

1 พระเจ้า
2 พระวิญญาณของพระเจ้า
3 พระสัญญาของพระเจ้า
4 พระเจ้ากับความตาย
5 แผ่นดินของพระเจ้า
6 พระเจ้าและความชั่วร้าย
7 การบังเกิดพระเยซู
8 ธรรมชาติของพระเยซู
9 การรับบัพติศมา
10 ชีวิตในพระคริสต์

  


คำเผยพระวจนะส่วนตัว

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย