ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม>>

พื้นฐานพระคริสตธรรมคัมภีร์

พระสัญญาของพระเจ้า

ในบทเรียน เรามาถึงจุดที่เข้าใจอย่างกว้างๆ แล้วว่า พระเจ้าคือใคร และทรงกระทำการต่างๆ อย่างไร เราได้ขจัดความเข้าใจผิดต่างๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เราจะมาดูสิ่งที่พระเจ้า "ทรงสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายที่รักพระองค์"
(ยากอบ 1:12; 2:5) โดยการประพฤติตามบัญญัติของพระองค์ (ยอห์น 14:15)

สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมประกอบด้วยความหวังที่แท้จริงของคริสเตียน เมื่อประสบกับความทุกข์ยากลำบากในชีวิต เปาโลกล่าวถึงรางวัลในอนาคตที่ท่านพร้อมจะสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้มา "บัดนี้ข้าพระบาทต้องมายืนให้ฝ่าพระบาทพิจารณาพิพากษาก็เนื่องด้วยเรื่องมีความหวังใจในพระสัญญา ซึ่งพระเจ้าได้ตรัสแก่บรรพบุรุษของพวกข้าพระบาทนั้น…เพราะความหวังใจอันนี้…พวกยิวจึงฟ้องข้าพระบาท" (กิจการของอัครทูต 26:6-7) ท่านได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการประกาศ "ข่าวประเสริฐ พระสัญญาซึ่งทรงประทานแก่บรรพบุรุษของเรา พระเจ้าได้ทรงให้สำเร็จตามนั้น คือในการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูกลับคืนพระชนม์” (กิจการของอัครทูต 13:32-33) เปาโลอธิบายว่าความเชื่อในพระสัญญาทำให้เกิดความหวังในเรื่องการฟื้นจากความตาย (กิจการของอัครทูต 26:6-8 เทียบ 23:8) เกิดความรู้เรื่องการเสด็จกลับมาเป็นครั้งที่สองของพระเยซู เพื่อพิพากษาโลก และการมาถึงของแผ่นดินของพระเจ้า (กิจการของอัครทูต 24:25; 28:20,31)

ทั้งหมดนี้ทำลายคำกล่าวหาที่ว่า พระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเป็นเพียงประวัติศาสตร์ของอิสราเอลและไม่ได้กล่าวถึงเรื่องชีวิตนิรันดร์ พระเจ้าไม่ได้ตัดสินใจในบัดดลเมื่อ 2000 ปีก่อนว่าจะให้ชีวิตนิรันดร์แก่เราผ่านทางองค์พระเยซู พระประสงค์นั้นมีมาตั้งแต่ต้น

"ด้วยหวังว่าจะได้ชีวิตนิรันดร์ ซึ่งพระเจ้าผู้ไม่ทรงมุสาเลย ได้ทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ แต่ในเวลาที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ ก็ได้ทรงโปรดให้พระวาทะของพระองค์ปรากฏด้วยการประกาศ" (ทิตัส 1:2-3)

"ชีวิตนิรันดร์นั้นได้ดำรงอยู่กับพระบิดาและได้ปรากฏแก่เราทั้งหลาย" (1ยอห์น 1:2)

การที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่จะให้ชีวิตนิรันดร์แก่ประชากรของพระองค์ตั้งแต่ต้นทำให้ดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พระองค์จะทรงนิ่งเฉยอยู่ตลอด 4000 ปีที่ทรงติดต่อกับมนุษย์ตามที่บันทึกไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม จริงๆ แล้วในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเต็มไปด้วยการเผยพระวจนะและพระสัญญาที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความหวังที่พระเจ้าได้ทรงเตรียมให้ประชากรของพระองค์ ความเข้าใจในพระสัญญาของพระเจ้าต่อบรรพบุรุษชาวยิว จึงสำคัญต่อความรอดของเรามาก จนเปาโล เตือนบรรดาผู้ที่เชื่อที่อยู่ที่เมืองเอเฟซัสว่า ก่อนที่พวกเขาจะรู้เรื่องราวเหล่านี้ พวกเขา "เป็นคนอยู่นอกพระคริสต์ ขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล และไม่มีส่วนในบรรดาพันธสัญญาอันมีพระสัญญาประกอบนั้น ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า" (เอเฟซัส 2:12) แม้ว่าพวกเขาจะเคยคิดว่าความเชื่อแบบไม่มีพระเจ้าของพวกเขาเมื่อก่อนนั้นให้ความหวังและความรู้เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่บ้าง แต่นี่เป็นเรื่องของการไม่รู้พระสัญญาของพระเจ้าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม "ไม่มีที่หวัง และอยู่ในโลกปราศจากพระเจ้า" เปาโลให้คำจำกัดความของความหวังของคริสเตียนว่าเป็น "ความหวังใจในพระสัญญาซึ่งพระเจ้าได้ตรัสแก่บรรพบุรุษ (ชาวยิว) ของพวกข้าพระบาท" (กิจการของอัครทูต 26:6)

น่าเศร้าที่มีคริสตจักรเพียงไม่กี่แห่งที่ย้ำเน้นข้อความตอนนี้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมซึ่งควรจะกระทำ “คริสตศาสนา” กลายเป็นศาสนาที่ตั้งอยู่บนพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ แม้ว่าในสมัยนั้นจะใช้เพียงพระธรรมบางข้อจากพระคริสตธรรมคัมภีร์นั้น พระเยซูทรงเน้นย้ำว่า

"ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและผู้เผยพระวจนะ แม้คนหนึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เขาก็จะยังไม่เชื่อ" (ลูกา 16:31)

บางคนบอกว่าการเชื่อว่าพระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ก็เพียงพอแล้ว (เทียบ ลูกา 16:30) แต่พระเยซูตรัสว่าถ้าไม่เข้าใจพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมอย่างถ่องแท้ นี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้จริงๆ

พระเยซูทรงชี้ว่าการที่พวกสาวกสูญเสียความเชื่อ หลังจากที่พระองค์ถูกตรึงที่ไม้กางเขน เกิดจากการที่พวกเขาไม่ใส่ใจพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม

"พระองค์ตรัสแก่สองคนนั้นว่า “โอ คนเขลาและมีใจเฉื่อยในการเชื่อบรรดาคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้นั้น จำเป็นซึ่งพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนั้น แล้วเข้าในพระสิริของพระองค์มิใช่หรือ” พระองค์จึงทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสส และบรรดาผู้เผยพระวจนะ" (ลูกา 24:25-27)

พระองค์ทรงเน้นย้ำว่าพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมทั้งเล่มกล่าวถึงพระองค์อย่างไร ไม่ใช่ว่าพวกสาวกจะไม่เคยได้ยินหรืออ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม แต่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างถูกต้อง และจึงไม่สามารถเชื่ออย่างสนิทใจ การเข้าใจพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้องแทนที่จะอ่านรู้เรื่องเพียงอย่างเดียว จึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาความเชื่อที่แท้จริง พวกยิวจะเคร่งในการอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (กิจการของอัครทูต 15:21) แต่เพราะพวกเขาไม่เข้าใจข้อความที่อ้างถึงพระเยซูและข่าวประเสริฐ พวกเขาจึงไม่เชื่ออย่างจริงจัง พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า

"ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อโมเสส ท่านทั้งหลายก็คงจะเชื่อเรา เพราะโมเสสได้เขียนกล่าวถึงเรา แต่ถ้าท่านทั้งหลายไม่เชื่อเรื่องที่โมเสสเขียนแล้ว ท่านจะเชื่อถ้อยคำของเราอย่างไรได้" (ยอห์น 5:46-47)

แม้ว่าพวกเขาอ่านพระคริสตธรรมคัมภีร์ แต่พวกเขาก็ไม่เห็นข่าวสารที่แท้จริงเกี่ยวกับพระเยซู แม้ว่าพวกเขาจะชอบที่จะได้รับการยืนยันเกี่ยวกับความรอด พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า

"ค้นดูในพระคัมภีร์ (เทียบ กิจการของอัครทูต 17:11) เพราะท่านคิดว่าในนั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานให้แก่เรา" (ยอห์น 5:39)

หลายคนรู้เรื่องราวและคำสอนในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม แต่เป็นเพียงความรู้ที่พวกเขาได้มาโดยบังเอิญ ข่าวอัศจรรย์เรื่องพระคริสต์และข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้ายังคงเป็นเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจ บทเรียนนี้จะแสดงให้เห็นถึงความหมายที่แท้จริงของพระสัญญาหลักๆ ของพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม

- ในสวนเอเดน

- ต่อโนอาห์

- ต่ออับราฮัม

- ต่อดาวิด

เรื่องราวข้างต้นนี้ปรากฏอยู่ในพระธรรมห้าเล่มแรกตั้งแต่ปฐมกาลเรื่อยไปจนถึงเฉลยธรรมบัญญัติ ซึ่งบันทึกไว้โดยโมเสสและผู้เผยพระวจนะในพระคริสตธรรมคัมภีรภาคพันธสัญญาเดิม ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญทั้งหมดของข่าวประเสริฐของคริสเตียน เปาโลอธิบายการประกาศข่าวประเสริฐของตนว่า "ข้าพระบาทไม่พูดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะกับโมเสสได้กล่าวไว้ว่าจะมีขึ้น คือว่าพระคริสต์จะต้องทนทุกข์ทรมานและพระองค์จะทรงแสดงความสว่างแก่ชนอิสราเอลและแก่คนต่างชาติ โดยที่ทรงเป็นผู้แรกซึ่งคืนพระชนม์" (กิจการของอัครทูต 26:22-23) และจนกระทั่งวันสุดท้ายท่านก็ยังคงเทศนาสั่งสอนเรื่องเดิม "ท่านจึงกล่าวแก่เขาตั้งแต่เช้าจนเย็น เป็นพยานถึงแผ่นดินของพระเจ้า…โดยใช้ข้อความจากคัมภีร์ธรรมบัญญัติของโมเสส และจากคัมภีร์ผู้เผยพระวจนะเป็นหลัก" (กิจการของอัครทูต 28:23)

ความหวังของเปาโล คริสเตียนชั้นเยี่ยม ควรจะเป็นความหวังที่จูงใจเราเช่นกัน ความหวังซึ่งเป็นแสงสว่างแห่งสง่าราศีที่จุดอยู่ที่ปลายทางชีวิตของท่าน ก็ควรเป็นแสงสว่างแห่งสง่าราศีที่จุดอยู่ที่ปลายทางชีวิตของคริสเตียนที่จริงจังทุกคน ด้วยแรงจูงใจเช่นนี้ เราก็สามารถที่จะมา “ค้นดูพระคัมภีร์” กันได้

|| หน้าถัดไป>>

1 พระเจ้า
2 พระวิญญาณของพระเจ้า
3 พระสัญญาของพระเจ้า
4 พระเจ้ากับความตาย
5 แผ่นดินของพระเจ้า
6 พระเจ้าและความชั่วร้าย
7 การบังเกิดพระเยซู
8 ธรรมชาติของพระเยซู
9 การรับบัพติศมา
10 ชีวิตในพระคริสต์

  


คำเผยพระวจนะส่วนตัว

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย