ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม>>
พื้นฐานพระคริสตธรรมคัมภีร์
ความสำคัญของบัพติศมา
เราได้กล่าวถึงความสำคัญของบัพติศมาไว้หลายครั้งแล้วในบทเรียนที่ผ่านมา
บัพติศมาคือก้าวแรกของการเชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้า ฮีบรู 6:2
กล่าวว่า
บัพติศมาเป็นหนึ่งในหลักคำสอนพื้นฐานที่สุด
เรานำการพิจารณาบัพติศมามาไว้ในขั้นตอนท้ายนี้เนื่องจากบัพติศมาที่แท้จริงเกิดขึ้นได้หลังจากที่เข้าใจความจริงพื้นฐานของข่าวประเสริฐเท่านั้น
ถึงตอนนี้เราได้เรียนรู้บทเรียนดังกล่าวแล้ว
ถ้าเราต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับความหวังอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง
ซึ่งพระคริสตธรรมคัมภีร์เสนอให้ทางพระเยซูคริสต์แล้ว
บัพติศมาคือสิ่งจำเป็นซึ่งจะขาดเสียมิได้
ความรอดนั้นมาจากพวกยิว (ยอห์น 4: 22) ในความหมายที่ว่าพันธสัญญาเกี่ยวกับความรอดนั้น พระเจ้าทรงกระทำต่ออับราฮัมและพงศ์พันธุ์ของท่านเท่านั้น เราจะมีส่วนร่วมในพันธสัญญาก็ต่อเมื่อเราเข้าอยู่ในพงศ์พันธุ์ โดยรับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์เท่านั้น (กาลาเทีย 3:22-29)
พระเยซูทรงบัญชาสาวกของพระองค์ จงออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐ (ตามที่พระเจ้าได้ทรงกระทำพันธสัญญาต่ออับราฮัม กาลาเทีย 3: 8) แก่มนุษย์ทุกคน ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาแล้วผู้นั้นจะรอด (มาระโก 16:16) คำว่า และ บอกให้รู้ว่าความเชื่อในข่าวประเสริฐแต่อย่างเดียวไม่สามารถทำให้เรารอดได้ บัพติศมาไม่ใช่ทางเลือกในชีวิตคริสเตียน แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อให้ได้ความรอด แต่การรับบัพติศมาเพียงอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะทำให้เรารอดได้ เราจะต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตที่จะเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า พระเยซูทรงย้ำว่า เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้ (ยอห์น 3:5)
การเกิด จากน้ำ หมายความว่าการที่บุคคลหนึ่งลุกขึ้นจากน้ำที่ใช้ในบัพติศมา และหลังจากนั้น เขาจะต้องเกิดจากพระวิญญาณ นี่คือขั้นตอนที่จะต้องดำเนินไป บังเกิดใหม่แล้ว ด้วยพระวจนะของพระเจ้า (1 เปโตร 1:23) การบังเกิดจากพระวิญญาณคือการที่เราตอบสนองต่อพระวจนะของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง (ดูบทเรียนที่ 2.2)
เรา รับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:27) ในพระนามของพระองค์
(กิจการของอัครทูต 19:5; 18:16; มัทธิว 28:19)
พึงระลึกว่าเรารับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์
ไม่ใช่รับบัพติศมาเข้าในคริสตศาสนาหรือองค์กรใดๆ หากไม่มีบัพติศมา
เราก็ไม่ได้ อยู่ในพระคริสต์
และไม่อยู่ภายใต้การงานแห่งความรอดของพระองค์ (กิจการของอัครทูต 4:12)
เปโตรกล่าวคำอุปมาอันทรงพลังเกี่ยวกับความจริงข้อนี้ไว้ว่าสมัยโนอาห์
เรือใหญ่ช่วยชีวิตคนให้รอดจากน้ำท่วมฉันใด
บัพติศมาในพระคริสต์ก็ช่วยผู้ที่เชื่อในรอดฉันนั้น (1 เปโตร 3:21)
การที่โนอาห์เข้าอยู่ในเรือก็เหมือนเราเข้าอยู่ในพระคริสต์โดยการรับบัพติศมา
ผู้ที่อยู่นอกเรือถูกทำลายโดยน้ำท่วม การอยู่
ข้างเรือหรือการเป็นเพื่อนกับโนอาห์เป็นเรื่องนอกประเด็น
หนทางเดียวที่จะได้รับความรอดคือเข้าอยู่ในเรือ ในพระคริสต์
การเสด็จกลับมาอีกครั้งก็ใกล้เข้ามา
(ลูกา 17:26,27) การรับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์เป็นเรื่องเร่งด่วน
คำพูดของมนุษย์ไม่สามารถสื่อความเร่งด่วนนี้ได้
การเข้าในเรือของโนอาห์ตามพระคริสตธรรมคัมภีร์ดูจะมีพลังมากกว่า
คริสเตียนยุคต้นๆ เชื่อฟังพระบัญชาของพระคริสต์ที่ให้พวกเขาออกไปทั่วโลกประกาศข่าวประเสริฐและให้ผู้ที่เชื่อรับบัพติศมา (กิจการของอัครทูต) ความสำคัญของบัพติศมาเห็นได้จากการที่ผู้คนรับบัพติศมาในทันทีหลังรับเชื่อ (กิจการของอัครทูต 8:12; 36-39; 9:18; 10:47; 16:15) ถ้าไม่รับบัพติศมา การเรียนรู้ข่าวประเสริฐก็ไร้ประโยชน์ บัพติศมาเป็นขั้นตอนที่จำเป็นที่เราต้องผ่านเพื่อไปให้ถึงความรอด ในบางกรณี บันทึกที่ได้รับการดลใจดูเหมือนว่าจะเน้นถึงวิธีการรับบัพติศมา แม้ว่าหลายคนจะให้เหตุผลเพื่อเลื่อนเวลาการรับบัพติศมาออกไปก็ตาม รวมถึงความยากลำบากในการประกอบพิธี แต่มนุษย์จำเป็นต้องเอาชนะทุกอย่างโดยอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการที่จะรับบัพติศมาให้ได้
นายคุกในเมืองฟิลิปปีถูกโยนเข้าไปอยู่ในวิกฤตชีวิตเมื่อเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ซึ่งทำให้คุกที่มั่นคงของเขาสั่นสะเทือน นักโทษมีโอกาสอันดีที่จะหนี ซึ่งจะทำให้เขาต้องโทษถึงชีวิต ความเชื่อของเขาในเรื่องข่าวประเสริฐเป็นจริง จนกระทั่ง ในกลางคืนชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง นายคุกได้รับบัพติศมา (กิจการของอัครทูต 16:33) นายคุกมีข้ออ้างที่ดีที่สุดที่จะไม่รับบัพติศมา แผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 3,000 ปี ในกรีซ ซึ่งทำให้นักโทษหนีคุก และนำมาซึ่งโทษของความบกพร่องในหน้าที่ เป็นดังเชือกรัดอยู่รอบคอของเขา แต่เขาก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เขาต้องทำเพื่อชีวิตทั้งชีวิต และจุดหมายที่เป็นนิรันดร์ของเขา เขาเอาชนะปัญหาทุกอย่างรอบข้าง (นั่นคือแผ่นดินไหว) งานประจำวันของเขา และความกลัวในใจเพื่อรับบัพติศมา คนที่ลังเลต่อการรับบัพติศมาจึงควรเอานายคุกคนนี้เป็นตัวอย่าง การที่เขาสามารถกระทำด้วยความเชื่อแสดงว่า เขาต้องรู้เรื่องข่าวประเสริฐ เพราะความเชื่อที่แท้มาจากการได้พังพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น (โรม 10:17 เทียบ กิจการของอัครทูต 17:11)
กิจการของอัครทูต 8:26-40 บันทึกเรื่องของข้าราชการชาวเอธิโอเปีย
ที่ศึกษาพระ
คริสตธรรมคัมภีร์อยู่ในรถม้าขณะเดินทางผ่านทะเลทราย เขาได้พบกับฟิลิปปี
ผู้ซึ่งอธิบายเรื่องข่าวประเสริฐให้เขาฟัง
เป็นเรื่องที่ดูน่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ข้าราชการคนนั้นจะรับบัพติศมากลางทะเลทรายที่ปราศจากน้ำ
แต่พระเจ้าไม่ทรงบัญชาให้สิ่งที่พระองค์ทรงรู้ดีว่ามนุษย์ทำตามไม่ได้
ครั้งกำลังเดินทางไป ก็มาถึงที่มีน้ำแห่งหนึ่ง เขาจึงได้รับบัพติศมา
(กิจการของอัครทูต 8:36)
เหตุการณ์นี้ขจัดคำแนะนำที่ไร้หลักการว่าบัพติศมาโดยการลงไปในน้ำมีไว้สำหรับการรับบัพติศมาในที่ที่มีน้ำมาก
และหาได้ง่ายเท่านั้น
พระเจ้าจะทรงจัดการให้มีวิธีที่จะทำตามพระบัญชาของพระองค์เสมอ
อัครสาวกเปาโลมองเห็นได้อีกครั้ง ซึ่งทำให้สำนึกของท่านตื่นขึ้น
ทันใดนั้น ท่านจึงลุกขึ้นรับบัพติศมา (กิจการของอัครทูต 9:18)
ท่านอาจจะเลื่อนการรับบัพติศมา
ออกไปเมื่อนึกถึงสถานะทางสังคมของท่านและอาชีพอันรุ่งโรจน์ของท่านในลัทธิ
ยูดาห์ แต่ท่านรับบัพติศมาในทันใด และละทิ้งชีวิตเก่าของท่านเสีย
แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์ แล้วเพื่อเห็นแก่พระคริสต์
ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และได้ถือว่าสิ่งเหล่านั้น
เป็นเหมือนหยากเยื่อ เพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์
ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย (ฟิลิปปี 3:7,8,13,14)
นั่นคือคำพูดของนักกีฬาที่มุ่งมั่นวิ่งไปให้ถึงเส้นชัย ชีวิตของเราหลังรับบัพติศมาควรจะมุ่งมั่นและบากบั่นทั้งทางความคิดและกำลังกายเช่นนั้นด้วย บัพติศมาเป็นก้าวแรกของการวิ่งแข่งเพื่อไปให้ถึงแผ่นดินของพระเจ้า ไม่ใช่แค่เพียงการเปลี่ยนความเชื่อ หรือการเข้าสู่ชีวิตที่เรียบง่ายตามหลักการที่คริสเตียนบางกลุ่มกล่าวอ้างเท่านั้น บัพติศมาทำให้เรามีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกตรึงกางเขน และการฟื้นขึ้นจากความตายของพระเยซู (โรม 6:3-5)
เปาโลผู้ชราและอ่อนล้าแต่ได้รับชัยชนะฝ่ายจิตวิญญาณกล่าวว่า ข้าพระบาทจึงเชื่อฟังนิมิต ซึ่งมาจากสวรรค์นั้น และมิได้ขัดขืน (กิจการของอัครทูต 26:19) เมื่อเป็นจริงสำหรับเปาโล ก็ย่อมเป็นจริงสำหรับทุกคนที่ได้รับบัพติศมาอย่างถูกต้อง การรับบัพติศมา เป็นการตัดสินใจที่ไม่มีใครจะเสียใจภายหลัง ชั่วชีวิตของเรา เราจะระลึกอยู่เสมอว่าเราเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เป็นการเลือกตัดสินใจที่เรามั่นใจได้แน่ว่าถูกต้อง คำถามน่าจะเป็นว่า เหตุใดเราจึงไม่รับบัพติศมา มากกว่า
|| หน้าถัดไป>>
1 พระเจ้า
2 พระวิญญาณของพระเจ้า
3 พระสัญญาของพระเจ้า
4 พระเจ้ากับความตาย
5 แผ่นดินของพระเจ้า
6 พระเจ้าและความชั่วร้าย
7 การบังเกิดพระเยซู
8 ธรรมชาติของพระเยซู
9 การรับบัพติศมา
10
ชีวิตในพระคริสต์