ศาสนา ลัทธิ ความเชื่อ นิกาย พิธีกรรม >>
สมถะวิปัสสนา
ปฏิปทาสูตรที่ ๓
มรณัสสติ
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ที่พักก่อด้วยอิฐชื่ออนาทิกะ ณ ที่นั้นแล ภิกษุพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรณัสสติอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด เธอทั้งหลายย่อมเจริญมรณัสสติหรือหนอ ฯ
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ย่อมเจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณัสสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่
คืนหนึ่งวันหนึ่ง พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณัสสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ ตลอดวันหนึ่ง พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ ครึ่งวัน พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณัสสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ ชั่วบิณฑบาตรมื้อหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณัสสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ ชั่วเวลาบริโภคบิณฑบาตรครั้งหนึ่ง
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณัสสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า
โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ ชั่วเวลาเคี้ยวข้าว๔-๕ คำแล้วกลืนกิน
พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
ภิกษุแม้อีกรูปหนึ่งกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
แม้ข้าพระองค์ก็เจริญมรณัสสติ ฯ
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเจริญมรณัสสติอย่างไร ฯ
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในการเจริญมรณัสสติ ข้าพระองค์มีความคิดอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ ชั่วเวลาหายใจออกแล้วหายใจเข้า หรือหายใจเข้าแล้วหายใจออก พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เจริญมรณัสสติอย่างนี้แล ฯ
เมื่อภิกษุทั้งหลายกราลทูลอย่างนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะภิกษุเหล่านั้นว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ตลอดวันหนึ่ง คืนหนึ่ง พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ผู้ใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ตลอดวันหนึ่ง พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ภิกษุใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ครึ่งวัน พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ
ภิกษุใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาบิณฑบาตรมื้อหนึ่ง พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ ภิกษุใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาบิณฑบาตรครึ่งหนึ่ง พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ และภิกษุใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าวได้ ๔-๕ คำแล้วกลืนกิน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านี้เรากล่าวว่าเป็นผู้ประมาทอยู่ เจริญมรณัสสติเพื่อความสิ้นอาสวะช้า ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ส่วนภิกษุใดเจริญมรณะสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าวคำหนึ่งแล้วกลืนกิน พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ และภิกษุใดเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาหายใจออกแล้วหายใจเข้า หรือหายใจเข้าแล้วหายใจออก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านี้เราเรียกว่า ไม่ประมาทอยู่ ย่อมเจริญมรณัสสติเพื่อความสิ้นอาสวะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้ประมาทอยู่ จักเจริญมรณัสสติเพื่อความสิ้นอาสวะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ