เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>
การเพาะเลี้ยงปลากดเหลือง
กองส่งเสริมการประมง กรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โรคและการป้องกัน
โรคปลาที่พบได้ในปลากดเหลือง เกิดจากสาเหตุหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อพยาธิภายนอก การติดเชื้อพยาธิภายใน การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อราและน้ำที่เลี้ยงเป็นพิษ เป็นต้น การดำเนินการรักษาและป้องกัน จึงเป็นวิธีการแก้ไขที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ต้องใส่สารเคมี หรือยารักษาให้ถูกต้องกับชนิดของโรคดังนี้
โรคที่เกิดจากพยาธิภายนอก
โรคจุดขาว
โรคจุดขาว (Ichthyophthirius : "Ich") ปลาที่เป็นโรค
จะมีจุดสีขาวขุ่นเท่าหัวเข็มหมุดเล็ก ๆ กระจายอยู่ที่ลำตัวและครีบ
สาเหตุ ของโรคจุดขาว คือ โปรโตซัว ชนิดที่กินเซลล์ผิวหนังเป็นอาหาร
เมื่อพยาธิโตเต็มที่จะออกจากตัวปลา โดยจมตัวลงสู่บริเวณก้นบ่อปลา
และสร้างเกราะหุ้มตัว ต่อจากนั้น จะมีการแบ่งเซล์เป็นตัวอ่อนจำนวนมากภายในเกราะนั้น
เมื่อสภาวะแวดล้อมภายนอกเหมาะสม เกราะหุ้มตัวจะแตกแยก
และตัวอ่อนของพยาธิจะว่ายน้ำเข้าตามผิวหนังของปลาต่อไป
การป้องกันและรักษา ยังไม่มีวิธีกำจัดปรสิต ที่ยังอยู่ใต้ผิวหนังที่ได้ผลเต็มที่
แต่วิธีการที่ควรทำ คือ การทำลายตัวอ่อนในน้ำหรือทำลายตัวแก่ขณะว่ายน้ำอิสระ
โดยการใช้สารเคมีดังต่อไปนี้
- ฟอร์มาลิน 150-200 ซีซี. ต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่ไว้นาน 1 ชั่วโมง
สำหรับปลาขนาดใหญ่
- มาลาไค้ท์กรีน 1.0-1.25 กรัมต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่ไว้นานครึ่งชั่วโมง
สำหรับปลาขนาดใหญ่หรือ 0.15 กรัมต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่ไว้นาน 24 ชั่วโมง
หรือเมทธิลีนบูล 1-3 กรัมต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่ติดต่อกัน 7 วัน
- มาลาไค้ท์กรีนและฟอร์มาลิน ในอัตราส่วน 0.15 กรัมและ 25 ซีซี. ต่อน้ำ 1,000 ลิตร นาน 24 ชั่วโมง แช่ติดต่อกันประมาณ 7 วัน ควรเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกวัน และแช่ยาวันเว้นวัน จนกระทั่งปลามีอาการดีขึ้น วิธีนี้จะได้ผลดีมาก เมื่อมีอุณหภูมิ 28-30 องศาเซลเซียส
โรคพยาธิปลิงใส
โรคพยาธิปลิงใส (Gyrodactylus) ปลาที่มีพยาธิปลิงใสเกาะ
จะมีอาการว่ายน้ำทุรนทุราย ลอยตัวตามผิวน้ำ ผอม กระพุ้งแก้ม เปิดปิดกว่าปกติ
อาจมีแผลขนาดเล็กเท่าปลายเข็มหมุด กระจายอยู่ทั่วลำตัว
ถ้าเป็นการติดโรคในขั้นรุนแรง อาจมองเห็นเหมือนกับว่า ปลามีขนสั้น ๆ
สีขาวกระจายอยู่ตามลำตัว ซึ่งอาจทำให้ปลาตายได้
โดยเฉพาะลูกปลาที่เริ่มปล่อยลงบ่อดินใหม่ ๆ ควรระมัดระวังโรคนี้ให้มาก
การป้องกันและรักษา
- ใช้ฟอร์มาลินจำนวน 25-40 ซีซีต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่นาน 24 ชั่วโมง
- ใช้ดิพเทอร์เร็กซ์จำนวน 0.25-0.5 กรัมต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่นาน 24 ชั่วโมง
โรคที่เกิดจากพยาธิภายใน
โรคพยาธิใบไม้
โรคพยาธิใบไม้ (pleurogenoides) พยาธิใบไม้ที่ทำให้เกิดโรคปลานั้น
พบทั้งขณะที่เป็นตัวเต็มวัยแล้วและตัวอ่อน ตัวเต็มวัยของพยาธิใบไม
พบได้ในทางเดินอาหารภายในช่องท้อง ไม่ค่อยทำอันตรายต่อปลาเท่าใดนัก ต่างกับตัวอ่อน
ซึ่งพบฝังตัวอยู่บริเวณเหงือกและอวัยวะภายในต่าง ๆ
ทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อของเหงือกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในลูกปลาที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการกระพุ้งแก้มเปิดอ้าอยู่ตลอดเวลา
ว่ายน้ำทุรนทุรายลอยตัวที่ผิวน้ำ ผอม เหงือกบวม อาจมองเห็นจุดขาว ๆ คล้ายเม็ดสาคู
ขนาดเล็กเป็นไตแข็ง บริเวณเหงือกและปลาจะทยอยตายเรื่อย ๆ
ปลาหลายชนิดในแหล่งน้ำธรรมชาติ อาจพบพยาธิใบไม้เต็มวัยได้
การป้องกันและรักษา
1. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยคอก เพราะอาจจะมีไข่ของพยาธิใบไม้ติดมา
ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยคอก
ควรตากให้แห้งเป็นอย่างดีก่อนจึงจะนำมาใช้พร้อมทั้งกำจัดหอย
ซึ่งเป็นตัวช่วยเสริมการระบาดของพยาธิชนิดนี้อย่างครบวงจร
โดยการตากบ่อให้แห้งและโรยปูนขาวให้ทั่วในอัตรา 30-50 กิโลกรัมต่อไร่
หลังจากจับปลาขึ้นแล้วทุกครั้ง
2. ยังไม่มีวิธีรักษาหรือกำจัดตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ที่เกาะบนตัวปลา โรคพยาธิใบไม้
(pleurogenoides) พยาธิใบไม้ที่ทำให้เกิดโรคปลานั้น
พบทั้งขณะที่เป็นตัวเต็มวัยแล้วและตัวอ่อน ตัวเต็มวัยของพยาธิใบไม
พบได้ในทางเดินอาหารภายในช่องท้อง ไม่ค่อยทำอันตรายต่อปลาเท่าใดนัก ต่างกับตัวอ่อน
ซึ่งพบฝังตัวอยู่บริเวณเหงือกและอวัยวะภายในต่าง ๆ
ทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อของเหงือกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในลูกปลาที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการกระพุ้งแก้มเปิดอ้าอยู่ตลอดเวลา
ว่ายน้ำทุรนทุรายลอยตัวที่ผิวน้ำ ผอม เหงือกบวม อาจมองเห็นจุดขาว ๆ คล้ายเม็ดสาคู
ขนาดเล็กเป็นไตแข็ง บริเวณเหงือกและปลาจะทยอยตายเรื่อย ๆ
ปลาหลายชนิดในแหล่งน้ำธรรมชาติ อาจพบพยาธิใบไม้เต็มวัยได้
โรคจากเชื้อแบคทีเรีย
โรคตัวด่าง
โรคตัวด่าง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย "คอลัมนาริส"
ปลาที่เป็นโรคที่จะมีแปลด่างขาวตามตัว และเมื่อเกิดการติดเชื้อเป็นเวลานาน
แผลด่างขาวนี้จะกลายเแ็นแผลลึกได้ โรคนี้มักเกิดกับปลาหลังการลำเลียง
เนื่องจากอุณหภูมิของอากาศที่สูงทำให้ปลามีความต้านทานลดลง
เชื้อแบคทีเรียนี้จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและทำอันตรายต่อปลา
ปลาที่เป็นโรคดังกล่าวจะตายเป็นจำนวนมาก
การป้องกันและรักษา
- แช่ปลาในยาเหลือง อัตราส่วน 2 มิลลิกรัมต่อน้ำ 5 ลิตร นานประมาณครึ่งชั่วโมง
- ในขณะขนส่งลำเลียงปลาควรใส่เกลือเม็ดในน้ำที่ใช้สำหรับการขนส่งปลาปริมาณ 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ลิตร
- ใช้ด่างทับทิมเข็มข้น 2 พีพีเอ็มแช่ตลอด
- ใช้ฟอร์มาลินจำนวน 40-50 พีพีเอ็ม แช่นาน 24 ชั่วโมง
- ในกรณีที่เชื้ออยู่ในกระแสเลือดใช้เทอร์รามัยซิน 5 กรัมต่อน้ำหนักปลา 100 กิโลกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 10-12 วัน
โรคแผลตามตัว
โรคแผลตามตัว เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas และ Pseudomonas
ปลาจะมีลักษณะผิวหนังบวมแดง และเริ่มเปื่อยเป็นแผลลึกลงไปจนเห็นกล้ามเนื้อส่วนใน
ปลาขนาดเล็กมักจะทำให้เกิดอาการครีบกร่อน ทั้งครีบตามลำตัวและครีบหาง
การป้องกันและรักษา
- ใช้ยาปฏิชีวนะจำพวกไนโตรฟูราโซนในอัตราส่วน 1-2 มิลลิกรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร แช่ปลานานประมาณ 2-3 วัน
- แช่ปลาที่เป็นโรคในสารละลายออกซีเตตร้าซัยคลิน หรือเตตร้าไคลินในอัตราส่วน 60-70 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร นาน 1-2 วัน ติดต่อกัน 3-4 ครั้ง
- ถ้าปลาเริ่มมีอาการของโรคอาจผสมยาปฏิชีวนะดังข้อ 1 หรือ 2 ในอัตราส่วน 60-70 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักปลา 1 กิโลกรัม หรือ 2-3 กรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม นานติดต่อกัน 3-5 วัน
โรคท้องบวม
โรคท้องบวม
อาการของโรคจะเห็นส่วนท้องบวมมากและบางตัวผิวหนังจะเป็นรอยช้ำตกเลือด
การรักษา ให้แช่ปลาในยาปฏิชีวนะ ออกซีเตตร้าไซคลินในอัตราส่วน 10-20 พีพีเอ็ม
ส่วนการฆ่าเชื้อในบ่อเลี้ยงปลาควรใช้ปูนขาวในอัตรส่วน 50-60 กิโลกรัม/ไร่
เกี่ยวกับสาเหตุของเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดโรคในปลากดเหลืองแล้ว
สภาพแวดล้อมที่ปลาอาศัยอยู่ทั้งด้านกายภาพ หรือองค์ประกอบด้านเคมีจะเป็นปัจจัยสำคัญ
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้ปลาอ่อนแอและส่งผลต่อการติดเชื้อโรคดังกล่าวข้างต้น
ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ ปริมาณออกซิเจนในน้ำ ความเป็นกรดด่างน้ำ สารพิษในน้ำ
ปริมาณคลอรีนหรือโลหะหนักในน้ำ รวมถึงสภาวะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน
ดังนั้น ผู้เลี้ยงปลาจึงควรที่จะศึกษาวิธีการป้องกัน
และแก้ไขสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของปลา
หรือหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้การเลี้ยงปลากดเหลืองมีผลผลิตลดต่ำในที่สุด
»
การเพาะพันธุ์
»
การผสมเทียม
»
การอนุบาลลูกปลา
»
การเลี้ยงปลาขนาดตลาด
»
ต้นทุนและผลตอบแทน
» โรคและการป้องกัน
»
การจำกัดกลิ่นโคลนในเนื้อปลา
»
อนาคตของตลาด
»
การป้องกันสัตว์น้ำจากภัยธรรมชาติ