เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ วิศวกรรม เกษตรศาสตร์ >>

ข้อมูลการเกษตร

วิทยาการเกษตร

เครื่องฟักไข่เศรษฐกิจ

กรมปศุสัตว์

ข้อปฏิบัติในการใช้ตู้ฟักไข่

ดำเนินการตามลำดับ ดังนี้

  1. เปิดเครื่องโดยเสียบปลั๊กให้เครื่องทำงานโดยสังเกตพัดลมจะหมุน และหลอดไฟฟ้าความร้อนจะสว่าง
  2. ใส่น้ำในถาดให้เต็มแล้ววางไว้ใต้ถาดชั้นที่ 4
  3. เปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนนำไข่เข้าฟัก ในช่วง 3 ชั่วโมงนี้ให้ตรวจสอบว่าอุณหภูมิพอดีหรือยัง โดยดูได้จากปรอทภายในตู้ให้อยู่ระหว่าง 37.8-38.0 องศาเซลเซียส หรือ 100-101 องศาฟาเรนไฮท์ การตั้งอุณหภูมิให้สังเกตดูจากหลอดไฟสว่างในตู้และปรอทควบคู่กันไป คือ เมื่ออุณหภูมิภายในตู้เย็นลง หลอดไฟจะสว่าง พออุณหภูมิสูงถึง 38.00 องศาเซลเซียส หลอดไฟจะดับการปรับตัวควบคุมความร้อน ซึ่งอยู่หลังตู้และมีลุกศรชี้ทิศทางของการหมุนปรับไว้คือ "เพิ่มความร้อน" ให้หมุนไปในทิศทางการเพิ่มความร้อน และค่อยๆ หมุน และหมุนไปครั้งละน้อยๆ จนหลอดไฟสว่างพอดี รอดูจนอ่านปรอทได้ 38.00 องศาเซลเซียส จึงหมุนไปทางลดความร้อนให้หลอดไฟดับพอดี ถ้าหากยังไม่ถึง 38.00 องศาเซลเซียส ไฟยังดับก่อนก็ค่อยๆ เพิ่มเช่นเดิมจนถึง 38.00 องศาเซลเซียส แล้วจึงให้ล็อคคันปรับให้ยึดติดตู้ไว้เป็นอันว่าใช้ได้ จากนี้ไปไม่ต้องทำอะไรอีกการควบคุมจะเป็นไปตามอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าบางครั้งไฟฟ้าดับ 1-2 วันเมื่อเปิดเครื่องเดินใหม่ก็จะไม่ต้องปรับอุณหภูมิอีก เว้นแต่มีใครไปเคลื่อนหรือหมุนคันปรับเครื่อง

    ตาราง ความต้องการอุณหภูมิและความชื้นของตู้ฟักไข่

    เมื่อหลอดไฟความร้อนในตู้ขาดก็ให้เปลี่ยนหลอดใหม่เป็นหลอดขนาด 100 วัตต์ 200 โวลท์ ปกติแล้ว 4-5 เดือน หลอดถึงจะขาด บางหลอดใช้ได้มากกว่า 1 ปี
  4. เมื่อตั้งอุณหภูมิได้สม่ำเสมอดีแล้วจึงนำไข่เข้าฟัก โดยใส่ใน 3 ถาดชั้นบน การใส่ไข่ในถาดไข่ควรใส่สัปดาห์ละครั้ง เช่นเริ่มใส่วันจันทร์ ดังนั้นทุกวันจันทร์จะต้องนำไข่เข้าตู้ฟักและลูกไก่ก็จะออกทุกๆ วันจันทร์เช่นกัน การใส่ไข่ฟัก 3 ถาด ควรจะใส่ไข่สลับกันระหว่างไข่อายุมากกับไข่ที่ใส่เข้าไปใหม่ โดยการสลับถาดไข่ในแต่ละชั้น การวางไข่ให้เอาด้านป้านขึ้นด้านแหลมลงและวางเรียงกันจนเต็มถาด แต่ถ้าหากวางแล้วหมดไข่ก่อนหรือใส่ไข่อีกไม่ได้ก็ให้ใช้ไม้หรือหินที่มีน้ำหนักวางกั้นหรือใช่กระดาษอุดลงไปในช่องว่าง เพื่อให้ไข่แน่นไม่กระทบกันแตกเวลากลับไข่
  5. การปรับความชื้นภายในตู้ หลังจากใส่ไข่ไปได้ 3-4 ชั่วโมง ให้ปรับความชื้นภายในตู้โดยการเลื่อนลิ้นปิด-เปิดรูระบายอากาศด้านหลังของตู้ขั้นแรกให้อ่านอุณหภูมิปรอทตุ้มแห้งได้อยู่ระหว่าง 100-101 องศา F และอุณหภูมิของปรอทตุ้มเปียกว่าได้เท่าใด ถ้าอ่านได้ 84-86 องศา F แสดงว่าความชื้นเหมาะสมดีแล้ว ถ้าอ่านอุณหภูมิตุ้มเปียกได้สูงกว่า 86 องศา F เช่น 90 องศา F แสดงว่าความชื้นสูงเกินความต้องการ จำเป็นจะต้องระบายออกให้เหลือ 86 องศา F โดยการเลื่อนลิ้นชักเปิดช่องระบายอากาศให้กว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยขั้นแรกให้เลื่อนออกไปประมาณ 1 ซม.ก่อนแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1-2 ชม. แล้วจึงอ่านปรอทตุ้มเปียกใหม่ว่าอุณหภูมิลดเหลือ 86 องศา F หรือยัง ถ้าไม่ลดลงก็ให้เปิดกว้างขึ้นอีกจนกว่าจะอ่านได้ 86 องศา F หรือ 30 องศา C ควรจะตรวจสอบอุณหภูมิตุ้มแห้ง และตุ้มเปียกทุกวัน และเติมน้ำที่ปรอทตุ้มเปียกอย่าให้ขาด ถ้าหากขาดน้ำแล้วปรอทตุ้มเปียกจะอ่านค่าได้เท่ากับปรอทตุ้มแห้ง คือเป็นอุณหภูมิของอากาศภายในตู้
  6. การส่องไข่ไม่มีเชื้อและเชื้อตายออกการส่องไข่จะต้องดำเนินการทุกสัปดาห์ หรือส่องไข่ทุกๆ รุ่น โดยจะส่องไข่เมื่อไข่นั้นฟักไปได้ 7-10 วัน และ 18 วัน เป็นการคัดไข่ที่เสียซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อากาศภายในตู้เหม็นเน่าทำให้ฟักไม่ได้ผล พร้อมทั้งทำให้ตู้ฟักไข่ว่างมากขึ้น การส่องไข่ด้วยไฟส่องไข่ที่ติดมากับตู้ฟักไข่ เป็นหลอดไฟสว่างขนาด 12 โวลท์ 25 วัตต์ การส่องใส่ควรจะส่องไข่ในที่มืด หรือเวลากลางคืนก็ได้ วิธีส่องผ่านภายในของไข่จะทำให้เห็นตัวอ่อน และเส้นเลือดโดยง่าย เส้นเลือดจะมีสีแดงโยงใยกันเหมือนใยแมลงมุม แสดงว่าตัวอ่อนยังมีชีวิตและแข็งแรงดีจะต้องเก็บไว้ฟักต่อไป ส่วนไข่เชื้อตายนั้นตะเห็นว่าตัวอ่อนไม่เจริญเติบโตเมื่อเทียบกับฟองอื่นๆ ที่ตัวอ่อนเจริญดีไข่เชื้อตายจะเห็นว่าเส้นเลือดไม่เป็นโยงใยเส้นเลือดจะขาดและลอยขึ้นมาติดอยู่เปลือกไข่ เมื่อหมุนไข่รอบๆ จะเห็นว่าตัวอ่อนมีขนาดเล็กและไม่ค่อยเคลื่อนไหวเหมือนกับตัวอ่อนที่มีชีวิตอยู่ สำหรับไข่ไม่มีเชื้อนั้นจะไม่เห็นตัวอ่อน และเส้นเลือดแต่จะใสโปร่งสีออกเหลืองๆ เหมือนไม่มีอะไรในไข่นั้นๆ
  7. กลับไข่ ทุกๆ วันละ 3-5 ครั้ง เช่น เช้ามืด 1 ครั้ง สายๆ อีกทีบ่ายหรือเย็น แล้วก่อนนอนอีกครั้งเป็นอันใช้ได้ การกลับไข่โดยการโยกคันกลับไข่ที่อยู่ด้านข้างตู้เพียงครั้งเดียวเบาๆ เพียงเพื่อให้ไข่เปลี่ยนทิศทางของการนอนจากหน้าไปหลังและจากหลังไปหน้าเท่านั้น ระวังอย่ากระแทกจนไข่กระทบกันและแตกร้าวเพราะจะทำให้ไข่ฟักไม่ออกเป็นตัวและเน่าได้
  8. พอไข่ฟักอายุได้ 17 วัน วันที่ 18 ให้นำลงไปวางในถาดล่างสุดเพื่อเตรียมให้ลูกไก่เจาะออกจากเปลือกระยะนี้ไม่ต้องกลับไข่
  9. ใส่น้ำในถาดให้มีน้ำเสมอ คือ อย่าให้น้ำขาดจะทำให้ไข่ฟักไม่ออก
  10. ทุกครั้งที่นำลูกไก่ออกจากตู้ควรเอาผ้าชุบน้ำเช็ดและทำความสะอาด น้ำที่ใช้สำหรับเช็ดตู้ที่ดี คือน้ำผสมด่างทับทิมที่มีสีชมพูจางๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรค สำหรับถาดใส่ลูกไก่ควรล้างตากแดดก่อนนำเข้าตู้อีกครั้ง
  11. การใส่ไข่ในถาดควรจะวางเรียงกันเอาด้านป้านขึ้น ด้านแหลมลง วิธีวางให้หาไม้มาหนุนถาดด้านใดด้านหึ่งให้สูงขึ้นประมาณ 15 องศา แล้วจึงเรียงไข่จากล่างไปหาด้านบนของถาดทำให้เรียงไข่ง่ายไข่ไม่ล้ม เมื่อเรียงไข่จนถึงฟองสุดท้าย ถ้ามีช่องว่างเหลืออยู่อีกมากให้หาวัสดุที่มีน้ำหนักพอประมาณ เช่น อิฐสี่เหลี่ยม หรือไม้สี่เหลี่ยมเล็กๆ วางกั้นไม่ให้ล้มหรือ ถ้าหากมีช่องว่างเหลือเพียงเล็กน้อยก็ให้ใช้กระดาษอุดแทนก็ได้
  12. รมควันตู้เพื่อฆ่าเชื้อโรคทุกสัปดาห์ๆ ละ 1 ครั้ง โดยการเอาด่างทับทิม 1-2 กรัมในถ้วยแก้ว แล้วเติมฟอร์มาลีน 40% 5 ซีซี แล้วจะสังเกตเห็นควันเกิดขึ้น หรือได้กลิ่นฉุน และแสบตา รมควันภายในตู้พร้อมไข่นาน 20 นาที จากนั้นเปิดฝาตู้ทิ้งไว้นาน 20-30 นาที แล้วจึงปิดตู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะใส่ไข่ทุก 7 วัน การรมควันจะช่วยฆ่าเชื้อโรคบนเปลือกไข่และทุกซอกทุกมุมภายในตู้ฟักไข่ ในขณะรมควันก็ให้เดินเครื่องตู้ฟักไปด้วย

» ส่วนประกอบของตู้และวิธีการทำงานของตู้ฟักไข่
» ข้อปฏิบัติในการใช้ตู้ฟักไข่
» ข้อควรระวัง

แชร์ไปที่ไหนดี แชร์ให้เพื่อนสิ แชร์ให้เพื่อนได้ แชร์ให้เพื่อนเลย