ความรู้ทั่วไป สารนิเทศ การศึกษา คอมพิวเตอร์ >>
องค์ประกอบของการขนส่ง
ผลกระทบของการขนส่ง
การขนส่งทางน้ำ (Water Transportation)
การขนส่งทางบก (Land Transportation)
การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)
การขนส่งทางอากาศ (Air Transportation)
การขนส่งทางอากาศ
มีบทบาทสำคัญมากที่สุดต่อการท่องเที่ยวเพราะการขนส่งทางอากาศมีความรวดเร็ว
สะดวกสบาย
เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้ง่ายและสามารถเดินทางได้ในระยะไกลแต่ประหยัดเวลาในการเดินทาง
(Davidson , 1994 :48)
ดังนั้นหลังจากได้มีการพัฒนาการขนส่งทางอากาศเพื่อการพาณิชย์ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1920
และได้พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพอย่างรวดเร็ว หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ทั้งนี้เพราะการพัฒนาเทคโนโลยีทางอากาศเพื่อใช้ในการสงคราม
ได้ถูกนำมาใช้ในทางพาณิชยกรรมและการขนส่งผู้โดยสาร ในปี ค.ศ.1959
ได้นำเครื่องบินไอพ่น (Jet Aircraft) มาใช้ในธุรกิจการบิน
จึงทำให้การบินเข้าสู่ยุคเครื่องบินไอพ่อน (Jet Age)
ส่งผลให้ธุรกิจการบินขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Lundberg , 1985 :47)
พัฒนาของการบิน
เริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ต้องการบินได้อย่างนกและความคิดนี้ทำให้ ลีโอนาร์โด ดา
วินชี (Leonardo Da Vinci, ค.ศ.1452-1519) ได้ออกแบบเครื่องร่อนเพื่อเดินทางในอากาศ
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 (Lundberg , 1985 :67)
ต่อมาใน ค.ศ.1848 ชาวอังกฤษชื่อ จอห์น สตริงเฟลโล (John Stringfello,
ค.ศ.1799-1883) สามารถออกแบบเครื่องบินได้สำเร็จ แต่บินได้ในระยะ 36.58 เมตร ต่อมา
คลีเมนต์ เอเดอร์ (Clement Ader, ค.ศ.1841-1925) ชาวฝรั่งเศส
ได้สร้างเครื่องบินปีกชั้นเดียวขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำและสามารถบินได้ไกลถึง
137 เมตร (เดือน คำดีและคณะ, 2540 : 14)
แนวความคิดในเรื่องการบินก็ได้ประดิษฐ์คิดค้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งในปี ค.ศ.1903
วิบเบอร์ ไรท์ (Wilbur Wright, ค.ศ.1867 -1912) และ ออร์วิน ไรท์ (Orville Wright,
ค.ศ.1871-1948) สองพี่น้องได้ร่วมกันประดิษฐ์เครื่องบินเป็นผลสำเร็จสามารถบินได้ไกล
36.58 เมตร ในเวลา 12 วินาที สองพี่น้องตระกูลไรท์
ได้ปรับปรุงพัฒนาเครื่องบินจนสามารถบินได้ระยะทาง 57.94 กิโลเมตร (Lundberg , 1985
:67) หลังจากนี้ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องบินมาใช้ในการขนส่งไปรษณียภัณฑ์และผู้โดยสาร
ในระหว่าง ค.ศ.1912-1916 สหรัฐอเมริกาได้ทดลองส่งไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ
และในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1914 ได้เปิดเส้นทางการบินข้ามอ่าวที่เมืองแทมปา
ในมลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดยมี เซนต์ ปีเตอร์เบิร์ก เป็นผู้โดยสารคนแรก ( Will.
1984 : 40)
หลังจากได้ทดลองขนส่งไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศประสบผลสำเร็จในปี ค.ศ.1918
สหรัฐอเมริกาจึงได้ขยายธุรกิจดังกล่าว ให้กว้างขวางเป็นการถาวรมากยิ่งขึ้น ในปี
ค.ศ.1919 ได้เปิดสายการบินพาณิชย์ขึ้นเป็นครั้งแรกในยุโรป
บินระหว่างกรุงลอนดอนและปารีส และในทศวรรษที่ 1920
ก็ได้ขยายธุรกิจการบินระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี (Lundberg , 1985 :67)
และในระยะเวลาเดียวกันสหรัฐอเมริกาก็ได้ขยายธุรกิจการบินพาณิชย์ในประเทศ
บทบาทของเครื่องบินมิได้ส่งไปรษณียภัณฑ์เพียงอย่างเดียว
แต่ทำหน้าที่ขนส่งผู้โดยสารและสินค้าซึ่งน้ำหนักไม่มากนัก (Wells, 1984 :42-43)
ในปี ค.ศ.1933 เครื่องบินโบอิ้ง 247 (Boeing 247) และ ดี ซี (DC-1)
สามารถบรรจุผู้โดยสารได้เพียง 14 คน (Wells, 1984 :51)
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ
ทางด้านการบินเพื่อใช้ในการสงคราม เช่น การประดิษฐ์เรดาร์ (Radar)
เพื่อหาทิศทางเคลื่อนที่ของเครื่องบิน
การประดิษฐ์เครื่องบินไอพ่นเพื่อไว้ใช้ในสงคราม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ในทางพาณิชย์
จึงทำให้การเดินทางทางอากาศเข้าสู่ยุคเครื่องบินไอพ่น (Jet Age)
เครื่องบินไอพ่นขนาดใหญ่ (Jumbo Jet) แบบโบอิ้ง 747 (Boeing 747)
สามารถบรรจุผู้โดยสารได้มากที่สุดถึง 500 คน บินด้วยอัตราความเร็ว 1,000
กิโลเมตรต่อ 1 ชั่วโมง
ฝรั่งเศสได้ผลิตเครื่องบินไอพ่นแบบคองคอร์ด (Concorde)
สามารถบินได้เร็วกว่าเสียงถึง 2 เท่า ได้ทดลองบินครั้งแรกในวันที่ 2 มีนาคม
ค.ศ.1969 ที่สนามบินเมืองตูลูส ในประเทศฝรั่งเศส เครื่องบินคองคอร์ดใช้เวลาบินเพียง
3 ชั่วโมงในระยะทาง 5,850 กิโลเมตร ระหว่างกรุงลอนดอนและกรุงนิวยอร์ก (Davidson,
1944:49)
ความต้องการในการเดินทางโดยเครื่องบินได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในปลายทศวรรษที่ 1960 และทศวรรษที่ 1970
ทั้งด้านการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศ (Senior, 1982 :133)
การขนส่งทางอากาศยังคงมีบทบาทสำคัญในปัจจุบันนี้ทั้งด้านขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า
ผู้โดยสารประเภทนักท่องเที่ยวมีอัตราเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุด
เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสาร ระบบการขนส่งทางอากาศ
จึงจัดเครื่องบินประเภทเช่าเหมาลำ (Charter Flights) และบินตามตารางเวลา (Scheduled
Flights)
เครื่องบินเช่าเหมาลำใช้บริการมากในช่วงเทศกาลวันหยุดอัตราค่าเช่าเหมาราคาถูกกว่าอัตราโดยสารตามปกติ
เมื่อเปรียบเทียบต่อบุคคล แต่การเช่าเหมาก็ต้องมีผู้โดยสารจำนวนมากเพียงพอ
จึงจะคุ้มกับการลงทุน นอกจากการรับส่งผู้โดยสารแล้ว
เป้าหมายสำคัญอีกอย่างหนึ่งของธุรกิจการบินคือ การขนส่งสินค้า (Air Congo)
ซึ่งสามารถเก็บอัตราค่าระวางในการบรรทุกสินค้า ซึ่งขึ้นอยู่กับน้ำหนักและระยะทาง
อัตราค่าระวางในการบรรทุกสินค้าได้กำไรน้อยกว่าการขนส่งผู้โดยสาร (Wells, 1984
:334)
ในปัจจุบันสายการบินพาณิชย์มีสมาคมการบินระหว่างประเทศ (International Air
Transport Association : IATA) เป็นผู้ประสานงาน
สมาคมดังกล่าวมีหน้าที่ในการกำหนดควบคุมค่าโดยสารระหว่างประเทศในเขตต่าง ๆ
ให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากนี้ยังร่วมกันพิจารณากำหนดกฎเกณฑ์ในการจราจรทางอากาศและมาตรฐานของการใช้เครื่องมือการขนส่งทางอากาศ
(Wells,1984 : 489) การรวมตัวกัน จัดตั้งขึ้นเป็นสมาคมเพื่อทำ หน้าที่จัดระบบการบิน